[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
75) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 7
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 7 ::
อ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาส่งผ่านความอบอุ่นและความปลอดภัยมาให้ทันทีที่สัมผัส ฉันมัวแต่อึ้งกับวิธีการพรางตัวของเขาจนลืมคิดไปเลยว่าซอลทังมันเดินเข้ามาใกล้แล้ว วิธีนี้หวังว่าคงจะช่วยได้นะ >////<
เสียงฝีเท้าของซอลทังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ฉันกับกีกวัง หัวใจของฉันเต้นรัวมากยิ่งขึ้น (ก่อนหน้านี้ก็เต้นรัวอยู่แล้วนะ -///-) กีกวังเหมือนจะรู้ตัวว่าซอลทังหยุดอยู่ข้างหลัง เขาเลยกระชับอ้อมแขนเข้ามามากขึ้นอีก
“เฮ้อ...วัยรุ่น” มันถอนหายใจใส่ฉันกับกีกวังก่อนจะเดินไปแผนกอื่น
“ยัยคุณหนูนั่นอยู่ไหนนะ…ข่าวมั่วรึเปล่าเนี่ย” สิ้นเสียงบ่นและเสียงฝีเท้าของซอลทัง กีกวังก็ปล่อยฉันเป็นอิสระ
“เอ่อ...โทษที ฉันคิดวิธีอื่นไม่ออก”
“ไม่เป็นไร” ฉันบอกแต่ไม่ได้เงยหน้าไปมองกีกวังหรอกนะว่าเขาทำหน้ายังไง เพราะฉันเองก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน >/////<
“งั้น...เรารีบออกจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
“อื้ม -////-” ฉันรับคำ แล้วกีกวังก็จับมือฉันวิ่งออกมาจากซุปเปอร์นั้นทันที ของเขิงก็ไม่ต้องซื้อกันล่ะค่ะงานนี้ โกยเถอะโยมมม >_<~
“เฮ้ย! หยุดนะ!!!”
เราวิ่งออกมาจนถึงประตูก็เจอกับลูกน้องของซอลทัง 2 คนยืนขวางอยู่ ถ้าวิ่งฝ่าออกไปต้องเจอพวกของซอลทังรออยู่อีกแน่!
“ทางหนีไฟ” ฉันชี้ไปที่ป้ายทางหนีไฟแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายลากกีกวังออกมาแทน >.< เราวิ่งออกมาจากซุปเปอร์ได้อย่างหวุดหวิดโดยใช้ประตูหลังของร้าน แต่ฉันคิดผิด...ซอลทังมารออยู่ที่นี่แล้ว!
“จนมุมแล้วคุณหนู” ซอลทังพูดพร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาหาฉันพร้อมลูกน้องอีก 3 คน >.<! ส่วนประตูหนีไฟที่เราเพิ่งออกมาก็มีลูกน้องซอลทัง 2 คนขวางเอาไว้
“ทางนี้!” กีกวังบอกพร้อมกับกระตุกมือฉันให้วิ่งไปกับเขา นั่นเขาจะไปไหนมันไม่มีถนนที่จะไปได้แล้วนะ ตรงนี้ก็มีแค่ป่าดงดิบมืดๆ เท่านั้นเอง!
กีกวังพาฉันวิ่งฝ่ากิ่งไม้และดงหญ้าที่ขึ้นสูงจากหัวไปประมาณ 1 ฟุตอย่างทุลักทุเล แถมพื้นก็ยังมีแต่โคลนเต็มไปหมดทำให้การหนียากลำบากเข้าไปอีก แล้วจู่ๆ เขาก็จับฉันให้นั่งลงหลังพงหญ้าแล้วใช้แขนโอบรอบตัวฉันไว้
“อะ-ไร” ฉันถามออกไปโดยไม่มีเสียง กีกวังไม่ตอบแต่เขาใช้นิ้วชี้ขึ้นมาทำท่าจุ๊ๆ ที่ปากแทน
“เฮ้ย! เจอไหม!” เสียงซอลทังดังก้องไปทั่ว ด้วยความมืดของช่วงเวลาโพล้เพล้และเสียงเท้าที่ย่ำโคลนทำให้เกิดความสับสนได้ไม่น้อยว่าใครเป็นใคร
“ไม่เจอครับ!”
“ทางนั้นล่ะ”
“ไม่มีครับ”
“พวกมันต้องอยู่แถวนี้แหละ หาให้ทั่ว!!” ซอลทังสั่งก่อนที่เสียงย่ำโคลนอย่างบ้าคลั่งจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ฉันไม่รู้ว่ากีกวังกำลังคิดจะทำอะไรเพราะว่ามันมืดมากฉันเลยไม่สามารถอ่านจากสีหน้าท่าทางของเขาได้ แต่ที่รู้คือตอนนี้เขายังอยู่ใกล้ๆ ฉันเพราะลมหายใจหอบเร็วของเขามันกำลังปะทะหน้าของฉันอยู่
นี่ฉันพาเขามาลำบากด้วยหรอเนี่ย! ฉันขอโทษนะกีกวัง...(_ _;)
ว๊าบ!!
“ทางนี้ครับ!”
ใจฉันกระตุกวูบไปทีหนึ่ง เมื่ออยู่ๆ ก็มีลำแสงใหญ่ๆ จากไฟฉายส่องมาที่ฉันกับกีกวัง พร้อมกับเสียงเรียกของใครคนหนึ่ง
“เฮ้ย!! มันอยู่นั่น” เสียงของซอลทังดังมาจากอีกฟากแต่ก็ใกล้มากแล้ว ฉันเลยไม่มีเวลาคิดอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว ไปกับคนที่มาเรียกนี่แหละวะ! >_<!
ฉันกับกีกวังเดินตามคนที่ถือไฟฉายออกมาจากพงหญ้ารกทึบนั้นอย่างปลอดภัย โดยมีเสียงการต่อสู้ฉากหนึ่งดังขึ้นภายในพงหญ้าก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูปลายฝนใช่ไหมครับ” ผู้ชายที่นำทางฉันออกมาเอ่ยถาม
“ชะ...ใช่ คุณเป็นใครคะ” ฉันตอบแล้วแอบเหลือบมองกีกวังนิดหน่อย เขากำลังมองผู้มาใหม่คนนี้อย่างไม่ค่อยไว้ใจ ฉันก็ด้วย...ไม่รู้ว่ามาดีหรือร้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมมากับเขาแล้วล่ะ =_=;
“ผมอธิสครับ ท่านโชอึนซูให้ผมมาดูแลคุณหนูระหว่างที่ท่านติดภารกิจที่ประเทศไทย” ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับโค้งให้ฉัน 90 องศา
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ คุณมาช่วยฉันได้ทันเวลาพอดีเลย” ฉันยิ้มให้เขาหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้ว ใบหน้าเรียวๆ คมๆ แบบนี้ไม่เห็นเหมือนคนเกาหลีเลยแฮะ ออกแนวหล่อแบบพระเอกหนังไทยมากกว่านะ
“เฮ้ย!” อยู่ๆ กีกวังก็ร้องขึ้นมา
“คุณคือ...คุณอธิส ที่...เป็นสปอร์นเซอร์ให้ Lusty อยู่ช่วงหนึ่งใช่ไหมครับ” กีกวังถามเหมือนพวกเขารู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
“อ๋อ ใช่ครับ ตอนแรกที่รู้ว่าคุณหนูปลายฝนอยู่กับพวกคุณผมตกใจมากเลย แต่ดีใจนะที่ได้พบกันอีกครั้ง”
“แล้วคุณทำไมถึงได้มาคุ้มกันปลายฝนแบบนี้ล่ะครับ”
“ท่านโชอึนซูเป็นผู้มีพระคุณของผม ท่านคอยช่วยผมไว้หลายครั้งผมเลยอยากจะตอบแทนท่านบ้าง”
“คุณอธิสครับ...” จู่ๆ ลูกน้องที่มาพร้อมคุณอธิสก็เข้ามากระซิบบอกอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินกลับไปยืนที่เดิม
“ผมว่าเราออกจากที่นี่ก่อนดีกว่า พวกของอุนเซกำลังมา”
“ค่ะ” ฉันรับคำอย่างงงๆ พวกเขาไม่คิดจะเล่าให้ฉันฟังเลยรึไงว่ารู้จักกันเมื่อไหร่ เรื่องราวมันเป็นยังไง มัวแต่คุยเรื่องที่รู้กันอยู่ 2 คนอยู่ได้ =_=
ฉันกลับมาที่รถของกีกวังและกลับหอโดยมีรถของคุณอธิสตามหลังมาติดๆ ทีแรกกีกวังอยากจะให้ฉันไปพักอยู่ที่คอนโดที่พ่อจัดไว้ให้ แต่ฉันเป็นห่วงเขาเลยอ้างว่าลืมของ 2-3 อย่างอยู่ที่หอ เขาเลยยอมให้ฉันกลับมาที่หอด้วย
คุณอธิสพาฉันขึ้นมาที่หอบีสท์อย่างคุ้นเคยเหมือนเคยมา -_-? และทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง ทุกคนก็ทักทายเขาเหมือนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันมาเป็น 10 ปี จากที่ฟังๆ เขาคุยกันและจับใจความได้ คุณอธิสเคยจีบณัชแหละ กรี๊ดๆ >////< เขาเลยมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าสปอร์นเซอร์ปกติธรรมดาถึง 5 ระดับ (คืออะไร -_-?) แต่ท้ายที่สุดฮยอนซึงก็ชนะใจณัชได้ คุณอธิสก็เลยอกหักดังเป๊าะ เฮ้อ...เรื่องนี้แอบเศร้าอยู่นะ Y.Y
หลังจากดูแน่ใจแล้วว่าอุนเซไม่ได้ตามมาที่หอและทุกคนปลอดภัยดี คุณอธิสก็พาฉันมาที่บ้านใหม่นั่นคือคอนโดระดับ 5 ดาวที่พ่อจองไว้ให้
“ขอบคุณมากนะคะ” ฉันบอกคุณอธิสเมื่อเขาเดินมาส่งถึงประตูห้อง
“ถ้ามีอะไรเรียกผมได้ตลอดเวลานะครับ ผมจะมาถึงภายใน 3 นาที” คุณอธิสบอกพร้อมกับยื่นนามบัตรมาให้ฉัน
“เอ๊ะ! คุณเป็นคนไทยหรอคะเนี่ย”
“ใช่ครับ มาทำธุรกิจที่เกาหลีแล้วรุ่งก็เลยลงหลักปักฐานที่นี่น่ะ”
“อ๋อหรอคะ...” ฉันพยักหน้ารับแล้วเก็บนามบัตรไว้ในกระเป๋า “แล้วคุณพ่อบอกไหมว่าจะมารับฉันเมื่อไหร่”
“ท่านไม่ได้แจ้งไว้ครับ แต่ท่านบอกว่าถ้าเกิดคุณหนูอยากจะกลับบ้านก่อนท่านมารับก็กลับได้เลย แต่ต้องบอกล่วงหน้าสัก 2-3 วัน เพราะท่านจะส่งคนมาคุ้มกันเพิ่ม”
“ตอนนี้ที่ไทยยุ่งมากเลยหรอคะ หรือว่า...มีอะไรรึเปล่า ทำไมต้องส่งคนมาคุ้มกันเพิ่มด้วย”
“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจน่ะครับ ตอนนี้ท่านโชกำลังจะลงทุนทำธุรกิจใหม่ คนที่จ้องจะเล่นงานเลยมีเพิ่มขึ้น เราเลยต้องระวังในทุกๆ ทางเพื่อที่จะไม่เปิดช่องว่างให้คู่แข่ง...ผมเล่าให้ฟังได้เท่านี้ รายละเอียดคุณหนูคงต้องไปถามท่านโชเองนะครับ”
“เฮ้อ...ขอบคุณค่ะ คุณเล่าให้ฟังแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว เพราะถึงฉันถามพ่อก็คงไม่บอกฉันมากไปกว่านี้หรอก”
“งั้น...พักผ่อนเถอะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^^”
วันรุ่งขึ้นฉันตื่นขึ้นมาก็เจอกล้องและเลนส์ครบชุดวางไว้ที่โต๊ะห้องกินข้าว ให้ทายว่าของใคร...ติ๊กต็อก! ติ๊กต็อก!...ก็ของฉันไง >O<! ไม่รู้ว่าคุณอธิสเอามาให้ไง แต่เก่งเวอร์อ่ะ!...บางทีเก่งเกินก็ไม่ดีนะเพราะขนาดเรื่องกล้องกับเจ๊ยอซูเขายังรู้ แสดงว่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับฉันเขาก็สืบมาหมดแล้วงั้นสิ O_O?
คุณอธิสพาฉันแวะมาเอาของใช้ที่บ้านของขวัญตั้งแต่เช้าก่อนจะมาปล่อยฉันไว้ที่หอพักของบีสท์เพราะว่าเขามีธุระต้องไปทำให้พ่อนิดหน่อย ความรู้สึกเหมือนเขามาเป็นผู้ปกครองมากกว่าบอร์ดี้การ์ดนะฉันว่า =_=;
แชะ!
“ยิ้มหน่อยสาวๆ ^O^” ฉันเดินเข้าไปในห้องของลัสตี้พร้อมกดชัตเตอร์ไปหนึ่ง 1 ช็อต มันติดภาพของเฝ้าฝันกำลังขยี้ผมโยซอบพอดีเลย แบบว่าน่ารักฟรุ้งฟริ้งมากๆ อ่ะ >////< (ขอใช้ศัพท์วัยรุ่นนิดเพื่อความอินเทรน ฮ่าๆๆ)
“อ้าว แอบถ่ายนี่ >.<” โยซอบลนลานมาดูภาพอย่างไว “ห้ามเอารูปฉันไปขายเลยนะ”
“ไม่มีทางหรอกน่า ตอนนี้ฉันมีเงินใช้เหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องเอาไปขายแล้ว”
“จ้ะ แม่คนรวย ชิ!” เสียงของหยาดังออกมาจากห้องครัวอย่างหมั่นไส้ “ว่าแต่เธอเถอะ ยังไปยุ่งกับยัยเจ๊ยอซูนั่นอีกรึเปล่า”
“เปล่าไม่ได้ยุ่งนานแล้ว กล้องเนี่ยคุณอธิสก็เอามาคืนให้”
“เจ๋งอ่ะ อยากมีบอร์ดี้การ์ดแบบนี้บ้างจัง >_<” หยาทำท่าดี๊ด๊าขณะขนน้ำและขนมมาวางไว้หน้าทีวี
“นี่อยู่กันแค่นี้หรอ” ฉันถามพร้อมกับมองไปทั่วห้อง วันนี้ห้องเงียบผิดปกตินะ
“ใช่ คนอื่นไปถ่ายรายการกับถ่ายละครหมด แต่บีสท์อยู่ครบนะแค่ยังไม่ตื่น” เฝ้าฝันบอก
“แบบนี้ห้องฉันก็รกน่ะสิ ไม่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดแบบนี้” โยซอบยังคงบ่น นี่นายเห็นคุณค่าของฉันเฉพาะเวลาปัดกวาดเช็ดถูรึไง =_=
“แล้ววันนี้มีอะไรรึเปล่า มาแต่เช้าเชียว” เฝ้าฝันถามตัดบท คนนี้ก็วิชาการมาเชียวอยู่กับโยซอบได้ไงเนี่ยถามจริง?
“ฉันไม่มีเพื่อนน่ะ คุณอธิสต้องไปทำธุระให้พ่อเขาเลยมาส่งฉันไว้ที่นี่ เขาบอกว่าที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า”
“อ๋อ ดีแล้วล่ะ อยู่ด้วยกันเยอะๆ จะได้อบอุ่น ^^” หยาบอก “ฉันว่ามาเล่นกล้องเธอกันดีกว่า อยากถ่ายรูปอัพโปรไฟล์ใหม่”
“เอาสิ ^O^”
“นี่เธอ!!” ระหว่างที่เรากำลังเซ็ทฉากถ่ายรูป ก็มีผู้หญิง 2 คนเดินเข้ามาในห้องพัก เอ่อ...พวกเขาคือใคร =_=?
“คนที่เป็นข่าวไม่ใช่หรอน่ะ”
“ใช่ค่ะพี่มะนาว” เฝ้าฝันบอก
“แล้วทำไมถึง?...” คนที่ชื่อมะนาวกำลังจะถามต่อ หยาเลยรีบตอบออกไปก่อน
“ที่จริงเขาเป็นเพื่อนของพวกเราเองน่ะค่ะพี่”
“แต่พี่ว่าไม่น่าจะให้เข้ามาในห้องแบบนี้นะ ช่วงนี้ยิ่งเป็นข่าวบ่อยๆ อยู่” พี่อีกคนหนึ่ง (ที่ไม่ใช่พี่มะนาว) พูดเหมือนโกรธๆ
นี่ฉันนำพาความซวยมาให้พวกเขาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย U_U
“พี่มิวกี้คะ เขาแค่แวะมาหาเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้มาค้างสักหน่อย” เฝ้าฝันอธิบายช่วยอีกคน
“แล้ว เธอเป็นใครล่ะ” พี่มะนาวหันมาสนใจฉันบ้างแล้ว
“อ๋อ ชื่อปลายฝนค่ะ”
“คนไทย?”
“ค่ะ”
“เพื่อนมาจากไทยนี่เอง ตามสบายนะ” พี่มะนาวยิ้มมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แต่พี่ที่ชื่อมิวกี้นี่สิ ยังหน้าหงิกใส่ฉันอยู่เลย
“ตามสบายได้ไงล่ะมะนาว เธอก็เห็นว่าเพราะเด็กคนนี้แหละ บีสท์ถึงมีข่าวดังคึกโครมขนาดนั้น >.<”
“เอาน่า เพื่อนเขามาเยี่ยมกันเฉยๆ นี่ จะห้ามทำไม...พี่ไปนะ แค่แวะมาเอาของให้วิลล่าเฉยๆ น่ะ” ประโยคสุดท้ายพี่มะนาวหันไปบอกหยากับเฝ้าฝัน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและกลับออกมาพร้อมกระเป๋าใบเล็กๆ ในมือ
เฝ้าฝันบอกว่าพี่มะนาวเป็นผู้จัดการของ Lusty ส่วนพี่มิวกี้เป็นครูสอนคลาสแอ็คติ้งที่สนิทกัน พี่เขาเลยมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการวงอีกที แต่ดูพี่เขาไม่ค่อยชอบฉันเลยอ่ะ Y_Y แต่ช่างเถอะ ไม่ชอบก็อย่าชอบในเมื่ออีกหน่อยฉันก็จะกลับเมืองไทยอยู่แล้ว ^_^
หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนแบตกล้องหมด เราก็พักด้วยการทำอาหารกลางวันกินกัน วันนี้เฝ้าฝันกับหยาขอเมนูอาหารไทยฉันก็ยินดีทำให้ ไม่อยากจะคุยว่าฉันทำอาหารเก่งนะ อร่อยมากด้วย ไม่ได้โม้~ ^O^
เราช่วยกันทำอาหาร 2-3 อย่างเสร็จก็ได้เวลามื้อกลางวัน โดยมีเพื่อนร่วมโต๊ะคือบีสท์ทั้งวง เฝ้าฝัน หยาและฉัน พวกเขากำลังมองแกงเขียวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง และกะเพราหมูสับของฉันอย่างประหลาดใจ พวกเขากำลังทึ่งที่มันน่ากินหรือว่ากำลังลังเลว่าจะกินได้หรือไม่ได้กันแน่เนี่ย -_-;
“ลองชิมดูสิ อร่อยนะฉันชิมแล้ว ^^” หยาบอก บีสท์มองหน้ากันไปมาก่อนจะลงมือตักไปคนละช้อนก่อนจะค่อยๆ เอาเข้าปากเหมือนภาพสโลโมชั่น...
“อ๊าาาา เผ็ดๆๆๆๆๆ” พวกเขาร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันแบบนี้แหละ =_=
“น้ำๆๆๆๆ ขอน้ำหน่อย!!!” ตามมาด้วยประโยคนี้ Y.Y
“เอ่อ...ฉันลืมไปว่าเขากินเผ็ดมากๆ ไม่ได้” หยาแอบกระซิบบอกเหมือนกำลังพยายามปลอบใจฉันอยู่ ไม่ทันแล้วหยา...ใจเสียไม่เหลือซากแล้ว T^T
“ไม่อร่อยหรอ” ฉันถามออกไปหลังจากที่สถานการณ์เริ่มสงบ
“อร่อย แค่เผ็ดไปหน่อยน่ะ ^^;” ดูจุนบอกพร้อมกับปาดเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผากออก
“นี่เธอจะฆ่าฉันใช่ไหมเนี่ย” << จุนฮยอง -_-;
“เฮ้อ...ไม่ไหวๆ” << ฮยอนซึง -_-;;;
ฉันรู้ว่า First impression ระหว่างเรามันไม่ค่อยดี แต่อย่าทับถมกันขนาดนี้ได้ไหมเล่า T^T
“ก็พอกินได้นะ จัดจ้านดี” ดงอุนบอกพร้อมกับจิบแกงเขียวหวาน 1 จิบ ขนาดแกงเขียวหวานยังเผ็ดงั้นหรอ -_-;
“นั่นสิ อร่อยจะตาย” กีกวังบอกพร้อมกับตักไก่จากถ้วยแกงเขียวหวานไปวางไว้ในจานทั้งที่มีเหงื่อเม็ดเท่าเล็บขบช้างผุดออกมาจากขมับอย่างต่อเนื่องก็เถอะ
เฮ้อ...นายอย่าพยายามขนาดนั้นเลยกีกวัง ฉันรู้ว่าอาหารมันไม่ถูกปากนายเลย T^T
***************************************
Chapter 7 มาเสริฟแล้วค่า ^O^
อยากมีโมเม้นแบบว่า ไปทำกับข้าวให้กินแบบนี้บ้างจังอิอิ
แต่ติดอยู่นิดเดียว ไรท์ทำกับข้าวไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ
ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ
รับรองได้บู๊กระจาย (ไม่ได้สปอยเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ)
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^O^
****************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ