[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
74) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 6 ::
[Kikwang : Talk]
“สาวนิรนามบุกเดี่ยวหอบีสท์!” โยซอบอ่านหัวข้อข่าวที่พาดหัวตัวโตๆ หน้าโฮมเพจของทุกเว็บไซต์อย่างตื่นเต้น “รูปแกตอนล้มหน้าเหวอมากเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ”
เออ!! เอาเข้าไป ไม่โดนทับน้องชายเหมือนฉันบ้างให้มันรู้ไป!!! -////-
“ว่าจะไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่แล้วนะเนี่ย” ดูจุนบ่นขณะที่ยืนอ่านข่าวกับโยซอบ พวกเราเพิ่งจะคุยกันแหม็บๆ ว่าจะปล่อยปลายฝนไปจะไม่ตามหาและไม่แจ้งตำรวจ แต่สงสัยจะปิดไม่มิดซะแล้ว
“พวกนายเป็นไงกันบ้าง” เภตราเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องพร้อมกับเมมเบอร์อีก 5 คนของเธอ
“ไม่มีใครเป็นไรหรอก แต่กีกวังน่ะหนัก ฮ่าๆๆ” ดูจุนรีบรายงานแฟนตัวเองเสร็จสรรพพร้อมกับทับถมผมอีกคน U_U
“ยัยผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันคะ ทำไมกล้าขนาดนี้” วิลล่าถาม
“นั่นสิ แฟนคลับรึเปล่า” ณัชถามเพิ่มเติม
“ก็...ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจว่าใช่แฟนคลับไหม เพราะถ้าแฟนคลับคงไม่ทำแบบนี้หรอก” ผมบอก ผมรู้แค่ว่าเขาเป็นช่างภาพและโดนพวกทวงหนี้ไล่ล่าเธออยู่ นอกนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปลายฝนเลยเพราะทุกอย่างที่เธอบอกมันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น มีแค่ 2 เรื่องแรกนั่นแหละที่พอจะเชื่อได้เพราะว่าผมเห็นอย่างนั้นจริงๆ
“ไม่แน่นะคะ อาจจะเป็นเหมือนยัยชอนแอก็ได้ใครจะไปรู้” วิลล่าพูด
เออว่ะ! ขนาดเป็นแฟนคลับแท้ๆ ยังส่งเลือดพร้อมคำขู่มาให้ดงอุนถึงหอเลยนี่นา -_-;
“ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าต้นตอของภาพมาจากไหน เพราะขืนปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่” จุนฮยองเสนอ
“แต่เท่าที่เห็น เมื่อเช้าปลายฝนก็มาคนเดียวนะ ไม่น่าจะมีใครตามมาด้วย” ดูจุนบอก
“ปลายฝน? ใครอ่ะ” หยาถาม
“ช่างภาพที่ของขวัญเล่าให้ฟังไง ที่เข้ามาหลังเวทีตอนที่พวกฉันไปแจกลายเซ็นน่ะ” จุนฮยองบอก
“อ๋อ จำได้แล้ว วิลล่าเคยเจอ” วิลล่าร้องขึ้นมาอย่างคิดได้
“ฉันว่าเรื่องนี้มันไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญนะ เพราะว่าถ้าคนบังเอิญผ่านมาเจอตอนที่กีกวังชนกับปลายฝนพอดีภาพมันไม่น่าจะชัดเจนขนาดนั้น แต่นี่มันชัดเกินไป” เฝ้าฝันตั้งข้อสังเกต จริงสินะมันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองเป็นไปไม่ได้ที่ภาพจะชัดแจ๋วแบบนี้นอกจากว่า...จะตั้งกล้องรอถ่ายอยู่แล้ว!
“ใช่...แล้วก็มีเรื่องข่าวของวิลล่ากับดงอุนอีก ถึงสองคนนี้จะไม่ค่อยระวังตัว แต่ภาพที่ออกมาบางภาพมันส่วนตัวเกินกว่าที่คนนอกจะแอบถ่ายได้ ฉันว่า...มันต้องมีใครจับตาดูเราอยู่แน่ๆ” เภตราพูดขึ้นมาอีกคน
“แล้วก็มีอีกหลายเรื่องนะที่ฉันคาใจอยู่ แต่ยังไม่ได้เล่าให้ฟัง” เฝ้าฝันพูดต่อ ทำให้ทั้งห้องเงียบไป
ที่ผ่านมาตั้งแต่เรื่องของวง Troy จบไป แทนที่เราจะได้อยู่อย่างสงบสุขแต่มันกลับมีเรื่องให้ต้องปวดหัวตลอด บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันว่ามันเป็นปีชงของบีสท์กับลัสตี้รึเปล่าที่เจอแต่เรื่องแย่ๆ แต่คิดไปคิดมามันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว จะชงทุกปีเลยรึไง =_=
“งั้น...เราจะทำไงดีคะ” วิลล่าถามขึ้นมาทำลายความเงียบ
“งั้นเราต้องหาปลายฝนให้เจอ แล้วถามเธอให้รู้ไปเลยว่าเธอเข้ามาตีสนิทกับพวกเราทำไม แล้ววันนี้เธอมากับใครบ้าง” ผมเสนอ เพื่อนในห้องเงียบไปสักพักก่อนที่จะเริ่มวางแผนตามหาปลายฝน แต่ดูเหมือนว่าเรื่องตามหาคนเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะว่าเรามีคุณหนูซอฮยอนอิน แฟนของไอ้จุนฮยองอยู่ทั้งคน
เราโทรไปบอกของขวัญเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น เราก็รู้พิกัดของปลายฝน เธออยู่ที่ริมแม่น้ำฮันครับ ผมทึ่งเธอจริงๆ ภาพตัวเองโชว์หราอยู่เกือบทุกเว็บยังกล้าไปนั่งในที่สาธารณะแบบนั้นได้
ผม จุนฮยองและของขวัญออกเดินทางทันที โดยที่คนอื่นๆ เขาจะไปรอกันอยู่ที่บ้านของขวัญก่อน ที่จริงผมก็ไม่อยากมาเท่าไหร่นะเพราะว่าเรื่องเมื่อกลางวันมันยังทำให้ผมจุกไม่หาย แต่ก็ต้องมาเพราะว่าพวกนั้นเขาไปกันเป็นคู่ๆ และผมมีมารยาทพอที่จะไม่ไปเป็นก้างของพวกนั้น ผมเลยเลือกที่จะมากับจุนฮยองดีกว่าเพราะว่านอกจากของขวัญแล้วก็ยังมีคนของของขวัญอยู่ประมาณ 2-3 คน อย่างน้อยๆ ก็คงไม่รู้สึกเป็นส่วนเกินน่ะนะ U_U
เราเกลี้ยกล่อมปลายฝนอยู่สักพักเธอก็ตอบตกลง เราเลยรีบมุ่งหน้ามาที่บ้านของขวัญทันที แต่พอมาถึงพวกนั้นกลับยังมาไม่ถึงซะนี่ มัวแต่ขับรถกินลมกันอยู่รึไงเนี่ย -_-
“แกเฝ้ายัยหัวขโมยนี่ไว้เลยนะ” จุนฮยองกระซิบเบาๆ ขณะที่พาปลายฝนเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน
“แล้วแกจะไปไหน”
“ไปหาของมาให้พวกแกกินไง”
“เหอะ ทำตัวยังกะบ้านตัวเองนะแก”
“แน่นอนบ้านแฟนฉันนี่หว่า ไปๆ ไปเฝ้าไว้” จุนฮยองบอกแล้วรีบเดินตามของขวัญไปที่ห้องครัว ดูพวกมันสิมีแฟนแล้วก็ลืมเพื่อน ผมมักจะโดนทิ้งแบบนี้เป็นประจำเลย น่าสงสารไหมล่ะ...
ผมเดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกบ้าง แต่น่าแปลกที่ปลายฝนไม่มีท่าทีตื่นตกใจกับความอลังการงานสร้างของบ้านนี้ เธอนั่งอยู่บนโซฟาแล้วทำตัวชิลๆ เหมือนกับว่าที่นี่มันคือบ้านของเธอยังงั้นแหละ
“พวกนายมีอะไรจะถามฉันหรอ” อยู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมา
“ไว้เดี๋ยวพวกเรามากันครบก่อนแล้วกันเธอจะได้ตอบทีเดียว จะได้ไม่เหนื่อย”
“แล้วเพื่อนนายไปไหนกันหมดล่ะ”
“พวกมันมัวแต่ติดแฟ!...เอ่อ...ติด...รถ...รถติดน่ะ อีกสักพักคงถึง” ผมรู้ว่ามันงี่เง่ามากที่ผมพูดไปเมื่อกี๊ โอ้ย!! นี่ผมเกือบขายเพื่อนตัวเองแล้วนะเนี่ย ปลายฝนหรี่ตาลงนิดหน่อยอย่างสงสัยก่อนจะพยักหน้ารับนิดหน่อยแล้วก็เงียบกันไปอีกครั้ง โว้ย! เมื่อไหร่พวกแกจะมา
[Plaifon : Talk]
ฉันนั่งรอกับกีกวังในห้องรับแขกสักพัก พวกเขาก็เข้ามาครบทีมรวมทั้งหมด 13 คน ตอนนี้พวกเขากำลังจ้องฉันจนตาไม่กระพริบ กลัวฉันจะขโมยของอีกรึไงจ้องซะขนาดนั้น >.<
“เมื่อเช้า...เธอมากับใครรึเปล่า” ดูจุนเป็นคนยิ่งคำถามแรกมาให้ฉัน
“เปล่า ฉันไปคนเดียว...ฉันกะว่าจะเอา...ไอ้นี่ไปคืน” ฉันพูดแล้วล้วงเอาต่างหูของจุนฮยองขึ้นมา
“เฮ้ย! นั่นมัน!..” จุนฮยองชี้มาที่ต่างหูในมือฉัน
“ของนาย” ฉันต่อประโยคให้เขา
“ว่าแล้วเชียว เธอต้องเป็นคนเอาไปแน่” จุนฮยองพูดพร้อมกับเข้ามาเอาต่างหูคืนไป
“ฉันไม่ได้ตั้งใจเอาไปนะ มันติดมากับ...กับของที่ฉันเอาออกมาจากห้องนั้นต่างหาก ฉันเพิ่งเห็นตอนที่จะเอาของไปทิ้งนี่เอง”
“แล้วเธอพยายามเข้าห้องบีสท์ทำไม” เภตราถามเปลี่ยนเรื่อง
“เฮ้อ...เพื่อความอยู่รอดไงล่ะ...” ฉันบอก ก่อนจะเริ่มเล่าอัตชีวประวัติของตัวเองให้พวกเขาฟังแต่เล่าไม่ได้ละเอียดมากเท่าไหร่ เล่าแค่พอคร่าวๆ ว่าฉันหนีออกจากบ้านแล้วติดต่อกลับบ้านไม่ได้เลยต้องมาทำงานกับยัยเจ๊ยอซู บลาๆๆๆ
“เพราะอย่างนั้น เธอก็เลยต้องขโมยของของบีสท์ไปให้ยัยเจ๊คนนั้นขายหรอ” เฝ้าฝันสรุป
“ใช่ นี่ก็เหลือเวลาอีก 3 วันเอง ฉันเลยต้องรีบหน่อย”
“ทำเป็นตีหน้าเศร้า โกหกรึเปล่าก็ไม่รู้” ฮยอนซึงพูด พอฉันโกหกเนี่ยเชื่อกันจังนะพวกนายเนี่ย -*-!
“นายก็เงียบๆ หน่อยสิจับผิดเขาอยู่ได้ เขาอุตส่าห์เล่าให้ฟัง” ณัชหันไปว่าฮยอนซึง
“คร้าบๆ” ฮยอนซึงรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนที่เฝ้าฝันจะถามต่อ
“แล้วทำไมเธอไม่พยายามติดต่อกลับบ้านล่ะ สู้ชีวิตทำไมอยู่ที่นี่”
เอ่อ...คำถามโลกแตกเลยคำถามนี้ U_U สรุปว่าฉันต้องเล่าให้ฟังจริงๆ หรอว่าฉันเป้นลูกสาวมาเฟียเมื่อไทยเนี่ย
“คือ...ฉันโดนกีดกันจาก...พวกไม่หวังดีน่ะ ฉันเลยติดต่อที่บ้านไม่ได้เลย”
“พวกไม่หวังดี พูดให้เคลียร์หน่อยสิ ฉันงง” ของขวัญเริ่มขึ้นเสียงนิดหน่อย
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วหลับตาลง ถ้าเกิดพวกเขารู้ พวกเขาจะกลัวฉันไหมนะ เรื่องนี้นอกจากซังมิก็ไม่มีใครรู้อีกเลย แม้กระทั่งลุงป้าที่ฉันพักด้วยก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้สงสัยฉันคงต้องเล่าทั้งหมดสินะ...
“ฉันเป็นลูกสาวของโชอุนซู...ฉันหนีมาเกาหลีก็เพราะรู้ว่าพ่อตัวเองเป็นมาเฟีย...ฉันรับไม่ได้” ฉันเล่า ทั้งห้องนิ่งเงียบไปทันที ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย แม้กระทั่งฮยอนซึงที่คอยจิกกัดฉันตลอด
“พอหนีมาได้สักพักเริ่มเบื่อ จะติดต่อกลับบ้านก็ไม่ได้เพราะว่าโดนแก๊งของอุนเซตามติดตลอดเวลา...ถ้าเกิดฉันติดต่อกลับบ้านลูกน้องของอุนเซก็จะมาถึงตัวฉันก่อนที่ฉันจะวางหูโทรศัพท์ซะอีก ฉันเลยไม่กล้าจะติดต่อกลับไปอีก ฉันลองติดต่อทุกวิถีทางแล้วแต่...มันก็ไม่มีประโยชน์” ฉันเล่าไปมองเท้าตัวเองไป ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองใครเลย เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นความผิดของฉันเต็มๆ พวกเขาคงกำลังด่าฉันในใจว่า สมควรโดนแบบนี้แล้ว!
“แล้วเธออยากกลับบ้านไหม? ฉันช่วยเธอได้นะ” อยู่ๆ ของขวัญก็พูดขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองก็แทบจะไม่เชื่อสายตา เธอกำลังยิ้มให้ฉัน...เธอไม่ได้แอบด่าฉันอยู่หรอกหรอ T^T
“ยังไง”
“ก็ใช้เส้นสายนิดหน่อย แถมอีกฝ่ายเป็นอุนเซด้วยแล้วยิ่งง่ายใหญ่ หมอนั่นไม่กล้ายุ่งกับพ่อฉันอยู่แล้ว”
“อย่าบอกนะว่าพ่อเธอก็เป็นมาเฟียเหมือนกันน่ะ =_=”
“เปล่า แค่เป็นคนกว้างขวางมากๆ เท่านั้นเอง ^^”
“อ๋อ”
“แต่ถึงจะติดต่อไปได้แล้ว เธอก็ต้องระวังไว้ด้วยเพราะจากที่ฉันฟังเธอเล่ามาเหมือนว่าคนของพ่อเธอมีคนเป็นหนอนบ่อนไส้ส่งข่าวให้อุนเซอยู่นะ”
“ไม่มีทางหรอก ส่วนมากก็ทำงานกับพ่อฉันมาสิบๆ ปีแล้ว ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก”
“ถ้าไม่ใช่ พวกมันคงฝังชิปไว้ในตัวเธอแล้วล่ะ ถึงรู้ความเคลื่อนไหวใกล้ชิดอินไซต์ขนาดนี้”
เอ่อ...เพ้อเจ้อไปใหญ่ละ =_=
“เอาเป็นว่าฉันจะช่วยเธอเพื่อขอบคุณที่เธอยังมีน้ำใจไม่เอาต่างหูของจุนฮยองไปขายแล้วกัน”
“เฮ้ย! จะขอบคุณยัยหัวขโมยนี่ทำไมกันล่ะขวัญ” จุนฮยองโอดครวญอย่างขัดใจ
“อ้าว! มันเป็นของรักของนายไม่ใช่หรอ ได้คืนมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว หรือว่านายไม่ดีใจที่ได้คืน” ของขวัญถามหน้าหงิก ฉันเลยนึกขึ้นมาได้ว่าต่างหูอีกข้างของจุนฮยองอาจจะอยู่กับของขวัญรึเปล่า...
แว๊บ!
อยู่ๆ ก็มีแสงสะท้อนสีเงินจากหูของขวัญมาให้เห็น...นั่นไงล่ะต่างหูแบบเดียวกับจุนฮยองเป๊ะ! คิดไม่ผิดจริงๆ ว่าแล้วว่า 2 คนนี้ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแน่ -_+!
“งั้น...ฉันจะรับเธอไว้ทำงานด้วยแล้วกัน” อยู่ๆ กีกวังก็พูดขึ้นมา ทำให้เพื่อนๆ ของเขาร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เฮ้ย! ฉันว่าไม่ดีมั้ง” ฮยอนซึงค้านขึ้นมาคนแรก
“ฉันว่าน่าจะดีนะ ยังไงปลายฝนก็ต้องหลบทั้งแก๊งมาเฟีย แก๊งทวงหนี้ แล้วไหนจะแฟนคลับพวกเราอีกคงตามตัวคนในข่าวแทบพริกแผ่นดินแน่ ฉันว่าให้เขาหลบอยู่กับพวกเราน่าจะปลอดภัยที่สุด”
“นั่นสิ ป้าโบซอกก็จะลาออกแล้วด้วย ห้องเราต้องรกจนไม่มีที่จะซุกหัวเข้าไปนอนแน่ถ้าไม่มีใครมาทำความสะอาด” โยซอบเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของกีกวัง
“ฉันว่าให้ปลายฝนทำงานที่หอระหว่างรอพ่อมารับก็ดีเหมือนกันนะ ยังไงปลายฝนไม่มีทางขโมยของอีกแน่ๆ เขาเป็นลูกสาวมาเฟียออกขนาดนั้นที่บ้านคงมีฐานะพอตัว ที่เขาทำไปเพราะความจำเป็นเท่านั้นเอง” เภตราออกความเห็นบ้าง
“ให้พักอยู่กับฉันไปพลางๆ ก่อนก็ได้ ยังไงฉันก็ไปหอพวกนายบ่อยๆ อยู่แล้ว” ของขวัญเสริม
“อืมงั้น ให้เธอมาทำความสะอาดห้องฉันได้เหมือนเดิม ส่วนเรื่องกล้องไม่ต้องห่วงเธอได้คืนแน่” ดูจุนสรุป
ฉันนึกว่าเล่าไปแล้วพวกเขาจะกลัวและเกลียดฉันซะอีกที่เป็นลูกสาวมาเฟีย แต่พวกเขากลับไม่กลัวแถมกลับช่วยเหลือฉันมากขึ้นอีกต่างหาก คงเพราะของขวัญก็เป็นลูกผู้มีอิทธิพลเหมือนกันสินะพวกเขาก็เลยชิน
...ขอบคุณนะ เพื่อนใหม่ของฉัน
ฉันได้พักอยู่ที่บ้านของขวัญตามที่เขาบอก และไปทำความสะอาดห้องบีสท์วันเว้นวัน (หรือตามแต่ของขวัญจะพาไป =_=) แล้วฉันก็ได้โทรหาพ่อสมใจอยาก แต่พ่อบอกว่าช่วงนี้พ่ออยู่ในอันตรายยังไปไหนมาไหนลำบากเลยจะส่งคนของพ่อที่อยู่เกาหลีมาคุ้มกันก่อน ถึงจะห่วงพ่อจับใจแต่ฟังแบบนี้ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยพ่อก็รู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่และอยู่ส่วนไหนของเกาหลีและอย่างน้อยฉันก็รู้ว่าพ่อกับแม่ยังสบายดี แค่นี้ก็พอแล้ว...
แล้วนอกจากเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ฉันยังมารู้ความลับของบีสท์อีกข้อ นั่นคือ...พวกเขามีแฟนกันหมดแล้ววววว >[ ]<! และไม่ใช่ใครที่ไหน ก็พวกยัยลัสตี้ข้างห้องนั่นเอง มิน่าวันนั้นกีกวังถึงพูดจาแปลกๆ ท่าทางของแต่ละคนเวลาคุยกันก็แปลกๆ อีกต่างหาก ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
แต่เพราะบุญคุณของพวกเขาค้ำคอฉันอยู่ ฉันเลยไม่สามารถป่าวประกาศให้โลกได้รู้ว่า
‘BEAST มีแฟนแล้วววว!!!!’
“นี่เธอเหม่ออีกแล้วนะ ชอบเหม่อแบบนี้ตลอดเลยหรอ” กีกวังถามขณะผลักรถเข็มเดินไปข้างหน้า
“ก็ ช่วงนี้ก็บ่อยอยู่นะ”
“เหม่อบ่อยๆ มันอันตรายนะ ระวังด้วยล่ะ” กีกวังพูด ถึงแม้ว่าเขาจะใส่หมวกกับแว่นกันแดดอำพรางตัว แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยของเขา
อ่อนโยนแบบนี้เสมอเลยนะนายเนี่ย ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ขนาดรู้ว่าฉันโกหกเขาไว้ตั้งมากมายแต่เขาก็ไม่ว่าอะไรฉันสักคำ มีแต่จุนฮยองกับฮยอนซึงนั่นแหละตัวดี จิกกัดฉันอยู่ได้ทั้งวัน -_-*
ตอนนี้ฉันกับกีกวังมาเดินซื้อของที่ซุปเปอร์ใกล้ๆ กับหอนี่แหละค่ะ ของในตู้เย็นหมดเกลี้ยงเลยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขากินอะไรกัน =_= แล้วก็อย่าถามว่าทำไมมากัน 2 คน เพราะคำตอบก็อย่างที่พวกคุณๆ รู้กัน...พวกเขาเอาแต่คลุกอยู่กับแฟนน่ะเซ่!! คิดแล้วมันแค้น หลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ -*-
“เอาอะไรบ้างอ่ะ”
“แล้วพวกนายชอบกินอะไรกันก็ซื้อไว้เลย เอาไปเยอะๆ เลยนะ จะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อยๆ” ฉันบอก แล้วมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะมีพวกชุดดำกำลังจับตามองพวกเราอยู่
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไหนว่าคนของพ่อเธอจะมาคุ้มกันแล้วไง”
“แค่ ‘จะ’ นี่นา ตอนนี้ยังไม่มาสักหน่อย”
Let it go, let it go...~
เสียงริงโทนที่ไม่ดังมาประมาณชาติหนึ่งได้ ตอนนี้มันกำลังดังและสั่นอย่างบ้าคลั่งในกระเป๋าของฉัน ฉันค้นหามันอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะหยิบมันออกมา
...ซังมิหรอ?
“ฮัลโหล” ฉันกดรับสาย กีกวังก็เลยเข็นรถเข็นออกไปดูของบนชั้นข้างหน้ารอ
[ปลายฝน แกอยู่ไหนเนี่ย]
“ฉันมาซื้อของ ทำไมหรอ”
[ก็ฉันห่วงแกน่ะสิ หายไปกับกีกวังวันนั้นแกก็ขาดการติดต่อไปเลย ฉันก็นึกว่าแกจะเป็นอะไรไปซะแล้ว]
“โทษทีนะ พอดียุ่งๆ ก็เลยไม่ได้โทรไปบอก แล้วทางนั้นเป็นไงบ้าง ยัยเจ๊ยอซูเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า”
[ที่ฉันโทรมาก็เรื่องนี้ด้วยแหละ ตอนนี้กล้องแกเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วนะ ยัยเจ๊เปิดประมูลผ่านเน็ตไปแล้วทั้งกล้องพร้อมเลนส์ ได้ข่าวว่าได้ราคาสูงมาก]
“เฮ้ย! ได้ไง เหลือเวลาอีกตั้ง...เอ่อ...วันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่ T^T” ฉันมัวแต่ยุ่งเรื่องติกต่อพ่อจนลืมไปเลยว่ากล้องตัวเองกำลังจะกลายเป็นของคนอื่นอยู่แล้ว ดูจุนนะดูจุน ไหนว่าไม่ต้องห่วงเรื่องกล้องไง ไม่เห็นทำไรสักอย่างเลย
[ทางเดียวที่กล้องแกจะรอดก็คือเอาของของบีสท์มา...] ซังมิเตือนสติฉัน ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉันนะ!
“เฮ้อ...ฉันคิดว่าคงถึงเวลาปล่อยวางแล้วล่ะ”
[แกหมายความว่าไง?]
“ฉันจะลาออก”
[เฮ้ย! แกได้งานทำแล้วหรอถึงจะลาออก คิดดีๆ นะเว้ยแก]
“ฉันคิดดีแล้ว ในเมื่อฉันไม่มีทางเลือกอะไรเลยแบบนี้ ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวนั่นแหละ”
[แล้วแกจะทำยังไงต่อไปล่ะ ไปขอทำงานเก็บกวาดห้องให้บีสท์ต่อหรอ เขาต้องไม่โอเคแน่]
“พวกเขารับฉันเข้าทำงานด้วยตัวเองต่างหาก”
[จริงอ่ะ! โคตรโชคดีอ่ะปลายฝน] เสียงซังมิดูสดใสขึ้นมาทันตา
“อืม โชคดีมากเลย”
[แล้วเมื่อคืนเขาว่าไงบ้างอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อย ทำไมได้ไปทำงานให้เขาได้]
“เอ่อ...แล้วค่อยคุยกันนะซังมิ ฉันถือของหนักมากเลยอ่ะ”
โกหก =_=
[โอเค ตอนเย็นโทรมานะ]
“จ้า แค่นี้นะ” ฉันบอกแล้วกดตัดสายทันที ฉันเกรงใจกีกวังอ่ะเขายืนดูของในแผนกของใช้เด็กอ่อนนานมาก จนจะกลายเป็นพ่อคนอยู่แล้ว -_-;
“คุยเสร็จแล้วหรอ” กีกวังถามเมื่อฉันเดินเข้ามาหา
“อืม คอยนานไหม” ฉันก็ถามไปงั้นแหละ เพราะว่าฉันรู้ว่ามันนานมาก U_U
“ไม่นี่” กีกวังตอบ
“อ้อ! เมื่อกี๊มีเด็กคนหนึ่งเอานี่มาคืนให้ ของเธอรึเปล่า” กีกวังยื่นกุญแจ 1 ดอกพร้อมพวงกุญแจรูปคิดตี้คืนมาให้ฉัน นี่มันกุญแจห้องพักบีสท์นี่นา
“ทำไมไปอยู่กับเด็กได้ล่ะ” ฉันรับมันมาอย่างงงๆ
“เขาบอกว่า ‘พี่สาวคนนั้นเขาทำหล่นไว้’ แล้วก็วิ่งไปเลย” กีกวังพูดเลียนเสียงเด็กพร้อมกับชี้ไปที่ตำแหน่งที่ฉันยืนเมื่อครู่ สงสัยตอนที่ฉันล้วงหามือถือเมื่อกี๊แน่เลย
“ดีนะที่เด็กเป็นคนเก็บได้” ฉันเก็บมันไว้ในกระเป๋าตามเดิม ก่อนจะพากีกวังเดินออกมาจากแผนกเด็กอ่อนไปเลือกของใช้ของเขาสักที
“เฮ้ย!” ฉันรีบเอาหน้าซุกไว้กับแผ่นหลังของกีกวังทันที เพราะฉันเห็นซอลทังกำลังเดินมาทางนี้...ทำไมมันรู้เร็วขนาดนี้นะว่าฉันอยู่ที่นี่
“เธอเป็นอะไร” กีกวังกระซิบถามฉันเบาๆ
“คนของอุนเซมันรู้แล้วว่าฉันอยู่ที่นี่”
“แก๊งมาเฟีย ศัตรูพ่อเธอน่ะหรอ”
“ใช่ๆ”
“คนไหน ที่กำลังเดินเลี้ยวมานี่น่ะหรอ”
“ใช่ ทำไงดี มันต้องจำฉันได้แน่เลย >_<!”
อยู่ๆ กีกวังก็หันมาหาฉันจากที่ก่อนหน้านี้ฉันซุกอยู่กับแผ่นหลังของเขา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าฉันกำลังซุกอยู่ที่อกของเขาแทน >///< กีกวังค่อยๆ แกะผมที่ฉันจุกเป็นหางม้าให้ปล่อยสยายลงแล้วใช้นิ้วมือสางผมของฉันอย่างเบามือและปัดๆ มาบังหน้าให้ฉัน และสุดท้ายเขาก็....
กอดฉัน O/////O
*********************************
Ch.5 ตามมาติดๆ จ้า
ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ ^_^
*********************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ