[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

70) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 2 ::
 
            ฉันเดินกลับออกมาหน้างานอย่างระแวดระวังมากกว่าเดิม แต่ฉันก็ยังไปไหนไม่ได้เพราะว่าข้างนอกยังมีคนชุดดำเดินสวนสนามกันให้ควัก รู้งี้ฉันน่าจะขอตามของขวัญไปซะก็สิ้นเรื่อง T^T อย่างน้อยๆ ก็เป็นเด็กขนของไปพลางๆ ก่อนก็ยังดี ยัยคนนั้นก็น่าจะเป็นคนดังพอตัวอยู่เพราะว่าฉันรู้สึกคุ้นๆ ชื่อนั้นมากจริงๆ
            ด้วยความที่ไม่มีที่ไปฉันเลยเดินกลับมาทางเดิมแล้วหาซอกหลืบเล็กๆ เพื่อแทรกตัวเองเข้าไป ตรงนี้มันเกือบจะติดกับเวทีเลยแต่มุมมองแคบไปหน่อย ที่ฉันทำได้ตอนนี้คือภาวนาให้กีกวังมานั่งตรงริมฝั่งนี้ ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะรำไทยถวายเลย =_=;
            แต่รอแล้วรอเล่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมาสักที เข้างานมานานแล้วจะพักผ่อนอะไรนักหนาปล่อยให้พิธีกรติงต๊องพูดอยู่ได้ เฮ้อ...
            “ฉันบอกแล้วไงว่าถ่ายเสร็จแล้วก็ออกไปนั่งรอตรงโน้นเลย!”  ระหว่างนั้นเอง ก็มีผู้หญิงผิวขาวผมลอนลากเด็กผู้หญิงผมบอมสั้นออกมาจากหลังเวทีพร้อมโวยวายลั่น
            อะไรกันล่ะนั่น -_-!
            “โธ่ พี่วิลล่าฉันไม่ใช่แฟนคลับธรรมดาสักหน่อย”  เด็กผู้หญิงผมบอบคนนั้นพูด
            อ๋อ! จำได้แล้ว คนที่ยืนคุยกับเด็กผมบอบนั่นคือวิลล่า วง Lusty นี่นา ได้ข่าวว่าเป็นแฟนกับซนดงอุนวงบีสท์นี่นา ตามมาเฝ้ากันถึงนี่เลยหรอเนี่ย ดีล่ะ! นอกจากจะได้เงินจากภาพของกีกวัง ขอแชะภาพวิลล่าไปขายปาปารัซซี่หน่อยแล้วกัน -..-
            “แฟนคลับโรคจิตน่ะสิ!”
            “พูดอีกก็ถูกอีก =_=”  เด็กคนนั้นทำหน้ามุ่ย
            “ไม่คิดจะปฏิเสธเลยหรอ -_-”
            “ไม่หรอกค่ะ ก็โรคจิตจริงๆ นี่ ^_^”
            “ชิ! ยัยนี่ ฉันอุตส่าห์ให้เข้ามาถ่ายรูปกับดงอุนเป็นการส่วนตัวแล้วยังไม่พอใจอีกหรือไง ได้คืบจะเอาศอกหรอยะ!!” 
            “ขออยู่ต่ออีกแป๊บเดียวเองนะคะ...”
            ฉันไม่รู้ว่าทำไมแฟนคลับคนนั้นถึงได้รับสิทธิพิเศษเข้าไปถ่ายรูปหลังเวทีได้ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ฉันก็เริ่มปฏิบัติการปาปารัซซี่จำเป็นด้วยการหมุนเลนส์เพื่อปรับความคมชัดของภาพ แต่กลับมีมือเล็กๆ มาบังเลนส์กล้องไว้ซะงั้น =_=
            “นี่เธอเป็นใครกันแน่ เป็นนักข่าวหรอ?”  เสียงของขวัญดังอยู่ด้านหน้าทำเอาฉันสะดุ้งไปทีหนึ่ง คนกำลังตั้งใจมาเบรกซะงั้น -_-; ฉันลดกล้องลงก็เจอของขวัญกำลังมองหน้าฉันเหมือนกำลังจะเคี้ยวเนื้อฉันกินสดๆ ให้ได้ -_-;;
            “ฉันเห็นเธอมีกล้องมันรู้สึกแปลกๆ เลยย้อนกลับมาดู”
            “นี่เธอไม่เชื่อฉันหรอ หมอนั่นเธอก็รู้จักนี่ว่าเป็นใคร”
            “ฉันรู้ แต่เธอกำลังจะถ่ายรูปของเพื่อนฉันนะ จะให้ฉันไว้ใจได้ยังไง”
            “ก็เพื่อนเธอเป็นนักร้องนี่ จะไม่ถ่ายได้ไง”
            “สรุปคือ...นักข่าว?”
            “ไม่ใช่ ฉันเป็นแค่ช่างภาพสมัครเล่นที่ถ่ายรูปไปลงตามเว็บไซต์เท่านั้นเอง”  ฉันบอกไปตามความจริง ขณะที่วิลล่ากับเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาสมทบ
            “แล้วทำไมเธอไม่ไปสักที ที่จริงเขาไม่ให้ใครเข้ามาแถวนี้นะนอกจากทีมงาน...”
            “กับเด็กนั่น...”  ฉันสวนกลับทันควันก่อนที่ของขวัญจะพูดจบ
            “เฮ้อ...ก็ใช่...”  ของขวัญตอบกลับมาอย่างเนือยๆ
            “คนนี้น่ะหรอที่เธอบอก”  ระหว่างนั้นก็มีคนมาร่วมวงเพิ่ม นั่นคือยงจุนฮยองกับลีกีกวังวง Beast ดูใกล้ๆ แบบไม่ผ่านเลนส์กล้องแล้วหล่อบรรลัยเลยพ่อคุณ >////<  
            “ใช่ แต่ไม่ใช่นักข่าวหรอก เป็นช่างภาพตามเว็บไซต์เฉยๆ”  ของขวัญหันไปตอบจุนฮยองอย่างเป็นกันเอง สรุปคือพวกเขารู้จักกันหมดเลยงั้นสิ?
            เริ่มคันไม้คันมืออยากจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายใจจะขาดรอดๆ เพราะว่าเงินก้อนโตมาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว >.<! แต่พอมองหน้าจุนฮยองสลับกับของขวัญแล้ว...นิ่งๆ ไว้คงดีกว่าสินะ U_U;
            “เธอยังไม่ตอบฉันเลย ทำไมเธอยังอยู่ตรงนี้ ถ้าทีมงานมาเจอเข้าล่ะก็เธอโดนจับโยนออกไปทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายรูปแน่”  ของขวัญพูด
            “ข้างนอกพวกนั้นยังวนเวียนอยู่เลยน่ะสิ ดูเหมือนมันจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ แน่ T^T”  ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพื่อเรียกคะแนนสงสารเต็มเหนี่ยว ถึงในใจพวกเขาอาจจะคิดว่าฉันหน้าด้านหน้าทนก็ยอมวะ!
            “งั้นหรอ...แล้วถ้าฉันเคลียร์พวกนั้นออกไปได้แล้ว เธอจะยอมออกไปถ่ายรูปข้างนอกใช่ไหม”
            “อะ..อืม”  ฉันรับปากอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เพราะเสียดายโอกาสที่จะถ่ายรูปบีสท์แบบชิดขอบเวทีไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็เอาวะดีกว่าโดนไอ้ซอลทังจับไปเรียกค่าไถ่แล้วกัน T^T
            “นี่คุณแฟน...เอ่อ! นี่เธอ ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามมีเรื่อง”  จุนฮยองหันไปปรามของขวัญ แต่ไอ้ 3 พยางค์แรกเนี่ย ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะกีกวังกระแอมออกมาซะดัง ส่วนของขวัญก็ถลึงตาใส่จุนฮยองทันทีจนเขาต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่
            พวกเขาดูมีความลับกันนะฉันว่า -_-?
            “ฉันมีเรื่องเองที่ไหนกันเล่า คนของพ่อฉันต่างหาก”  ของขวัญเถียง
            “เออๆ งั้นอนุโลมให้ อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอไปเล่นไล่จับกับพวกนั้นนะ”  จุนฮยองพูดคาดโทษเอาไว้
            “งั้นฉันไปโทรศัพท์แป๊บนะ ^_^...เธอก็รีบเคลียร์ชอบแอได้แล้ว เดี๋ยวแฟนคลับคนอื่นเห็นได้มีเรื่องโวยวายกันพอดี”  ของขวัญพูดกับฉัน และหันไปบอกวิลล่าในประโยคสุดท้ายแล้วเดินแยกไปพร้อมกับจุนฮยอง
            “คงยืมเงินเขามาเยอะน่ะสิถึงโดนไล่ล่าขนาดนี้”  กีกวังที่ยังยืนอยู่ถามขึ้น
            “ใช่ค่ะ เยอะมาก”  ฉันตอบอย่างขอไปที กีกวังทำตาโตอย่างสนอกสนใจอย่าบอกนะว่าเชื่อ ขนาดยัยของขวัญเห็นฉันวิ่งหนีไอ้ซอลทังขนาดนั้นยังไม่เชื่อจนต้องย้อนกลับมาดูเลย =_=
            “แล้วแบบนี้จะหาเงินมาจากไหนไปใช้เขาล่ะ ถ่ายรูปแบบนี้จะมีเงินพอใช้หนี้ได้ยังไง”
            “โธ่ พี่กีกวังคะ ไปเดือดร้อนกับเขาทำไมล่ะ ดูเจ้าตัวเขายังไม่เห็นเดือดร้อนตรงไหนเลย”  วิลล่าแย้งขึ้นมา เอ่อ...ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอว่าฉันไม่ได้เป็นหนี้ไอ้ซอลทังน่ะ U.U
            “แล้วมาถ่ายรูปแบบนี้ได้ตังค์ไหมล่ะ”
            “ได้ แต่ได้นิดหน่อย แค่พอกินพอใช้เท่านั้นเอง”
            “อ๋อ ลำบากจัง”  กีกวังพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเข้าอกเข้าใจฉันมากๆ นายเคยเป็นหนี้พันล้านมารึไงถึงได้เข้าใจฉันขนาดนั้น =_=
            “ใช่ ลำบากมากเลย T^T”  ฉันปรับเข้าโหมดชีวิตสุดรันทดทันที
            “เฮ้อ...ขี้สงสารอีกตามเคย”  วิลล่าบ่นพึมพำก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเด็กผู้หญิงผมบอบ
            “แต่ฉันจะได้เงินมากขึ้นถ้านายช่วยฉันหน่อย”
            “อะไรนะ! ให้ฉันช่วยหรอ”
            “ใช่ นายแค่ยิ้มหล่อๆ แล้วก็มองมาที่กล้องฉันบ่อยๆ ฉันก็มีเงินไปจ่ายดอกพวกนั้นแล้ว ^_^”  ฉันพูดพร้อมกับใจที่เต้นรัวอย่างลุ้นระทึก ฉันรู้ว่าการขอของฉันมันยากที่เขาจะทำได้เพราะข้างนอกมีกล้องเป็นพันคอยจับตาดูเขาอยู่ แต่ฉันก็หวังว่าเขาคงสงสารฉันบ้าง (จากเรื่องที่กุขึ้น =_=)
            “เอ่อ...”  กีกวังดูอึ้งไปพักใหญ่ แล้วมองฉันด้วยสายตาลังเล แต่เขายังไม่ทันได้ตอบอะไรของขวัญก็เดินกลับออกมาพร้อมจุนฮยอง 2 คนนี้ตัวติดกันจัง ได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลตุๆ แล้วสิ -..-
            “ฉันเคลียร์ให้แล้วนะ ออกไปข้างนอกได้เลยรับรองว่าตลอกงานไม่มีพวกทวงหนี้เงินกู้แน่ๆ”  ของขวัญบอกอย่างมั่นอกมั่นใจสุดๆ
            “อ๋อ...ขอบคุณนะ หวังว่าฉันคงจะได้ตอบแทนเธอได้สักวัน” 
            ...แต่หลังจากวันที่ฉันได้เจอกับพ่อแล้วนะ
            ฉันต่อประโยคนี้ในใจ แล้วเดินออกมาเลยเพราะว่าคราวนี้มีทีมงานตามของขวัญกับจุนฮยองออกมาด้วย ฉันกลัวโดนจับโยนออกไปเลยชิงเดินออกมาก่อน
            พอออกมาหน้างานผู้ชายชุดดำที่ฉันเห็นก็หายไปหมดแล้ว เธอทำได้จริงๆ หรอของขวัญ O_O! ถ้าพ่อเธอจะยิ่งใหญ่แล้วก็กว้างขวางขนาดนี้ล่ะก็ฉันอยากจะขอร้องให้ติดต่อพ่อให้จังเลย Y_Y
 
            ฉันออกมายืนประจำตำแหน่งได้ประมาณ 15 นาที บีสท์ก็ออกมาโชว์ตัวบนเวทีพร้อมกับซิงเกิ้ลใหม่ที่เพิ่งจะ Comback มาสดๆ ร้อนๆ บีสท์เริ่มปรากฏตัวฉันก็เริ่มทำงานทันที ถ่ายภาพไปแอบดูเหงื่อเม็ดน้อยๆ ไหลย้อยลงมาตามตัวของกีกวังไปแบบฟินเบาๆ อ่ะ -..- ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะกล้าขอให้เขามองมาที่ฉันคนเดียวได้ หน้ามึนชะมัดเลย >///< เขาทั้งหล่อทั้งดังขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะมาสนใจคำขอร้องของใครก็ไม่รู้อย่างฉันหรอก
            หลังจากพูดคุยและโปรโมท Mini Album เสร็จก็เริ่มต้นแจกลายเซ็น ช่วงที่เตรียมแฟนคลับและทีมงานเดินแจกปากกาให้บีสท์นี่แหละ อยู่ๆ กีกวังก็ทำท่าลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขเหมือนพยายามจะทำอะไรสักอย่าง จนภาพมันเบลอไปหมด ฉันถ่ายไม่ได้เลยนายเป็นอะไรของนาย ปวดหนักรึไงไปห้องน้ำก่อนไหม =_=?
            เขาก้มลงหยิบมือถือขึ้นมากดๆ แล้วชูมันขึ้นกวาดไปตามแฟนคลับที่นั่งอยู่ข้างหน้ารวมทั้งแฟนคลับที่ยืนอยู่ระเบียงชั้นบนที่ฉันยืนอยู่ด้วย ทำเอาเหล่าชะนีเกาหลีถึงกับกรี๊ดสลบโบกไม้โบกมือหยอยๆ กันใหญ่เพราะคิดว่าภาพของตัวเองอาจจะติดในกล้องของโอปป้าบ้างอะไรประมาณนั้น =_= ฉันเลยต้องแชะภาพแห่งความประทับใจเอาไว้ 2-3 รูป เหตุการณ์สำคัญแบบนี้คงจะได้หลายตังค์ $_$
            แล้วในที่สุดเขาก็ลดกล้องลงแล้วมองขึ้นมาหาฉัน...ใช่! เขามองมาที่ฉันจริงๆ ฉันไม่ได้มโนไปเองแน่ O////O!
            ฉันทดสอบว่าเขาเห็นฉันจริงๆ ด้วยการส่งยิ้มไปให้...และก็เป็นอย่างที่คิด! เขามองเห็นฉันเพราะว่าเขายิ้มตอบกลับมา เล่นเอาแฟนคลับน้อยใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ฉันกรี๊ดจนกล่องเสียงแทบจะทะลักออกมาข้างนอก แถมมีการพูดกันอีกว่า ‘โอปป้ามองฉันด้วย’ บ้างล่ะ ‘เขายิ้มให้ฉัน’ บ้างล่ะ เสียใจนะจ้ะ! เขายิ้มให้ฉันจ้ะ ฮ่าๆๆ รู้สึกดีจัง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรักงานนี้เลย ^O^
            พอเขารู้ตำแหน่งฉันเท่านั้นแหละเขาก็ขยันมองมาให้ฉันถ่ายบ่อยๆ มีหันไปเล่นกล้อง Fancam ของคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ามอง (กล้อง) ฉัน >////< ฉันมองเขาผ่านเลนส์แบบไม่กระพริบตาเพื่อให้ได้ทุกช็อตที่เขามองมา แต่ยิ่งฉันถ่ายฉันยิ่งรู้สึกแปลกๆ
            เคยไหมคะ? ที่เวลาเรา Eye contact กับใครบ่อยๆ แล้วใจเต้นแรงขึ้น (โดยเฉพาะกับคนหล่อๆ) ตอนนี้ฉันเป็นแบบนั้นแหละ ฉันคงไม่หลงเสน่ห์รอยยิ้มละลายโลกของเขาหรอกใช่ไหม -.,-?
            ระหว่างที่รอแฟนคลับจัดแถว เขาก็มองมาให้ฉันถ่ายอย่างเต็มอกเต็มใจและเขาคงรู้ว่าฉันกำลังซูมภาพเต็มที่เพื่อถ่ายเขา เขาเลยขยับปากถามฉันผ่านเลนส์ประมาณว่า ‘ให้ทำท่าไหน’ ประมาณนี้นะที่ฉันอ่านออก -/////-
            ฉันครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอามือประสานกันเป็นรูปหัวใจส่งไปให้ มันรู้สึกเขินๆ ยังไงไม่รู้นะ แต่ฉันไม่ได้ส่งหัวใจให้เขาสักหน่อยนี่ แค่ทำท่าให้ดูเฉยๆ หน้าทำไมมันร้อนขนาดนี้ฟะ -////-
            พอฉันทำเสร็จเท่านั้นแหละ เขาก็ยิ้มนิดๆ แล้วทำรูปหัวใจส่งมาให้ฉัน สาวน้อยสาวใหญ่ก็พอกันกรี๊ดไปตามระเบียบ เขาให้ความสำคัญฉันเกินไปแล้วนะ ขี้สงสารเกินควรแล้วนายน่ะ >////<
            “ยัยนี่นี่เกินไปแล้วนะ ทำไมกีกวังโอปป้าต้องมองแต่ยัยนี่ก็ไม่รู้”  เสียงไม่พอใจของคนข้างๆ เริ่มมา
            เอาแล้วไง...มีคนสังเกตด้วยหรอเนี่ย =_=;
            “นั่นสิ...”
            เสียงพูดคุยจบลงประมาณ 5 นาที ฉันก็รับรู้ถึงแรงบีบอัดอยู่รอบตัว ฉันละสายตาจากกีกวังออกมาจากเลนส์กล้องเพื่อมองสิ่งแวดล้อม ก็พบว่าตัวเองกำลังโดนแฟนคลับกลุ่มใหญ่เบียดอยู่ เฮ้ๆ ฉันจะตกระเบียงอยู่แล้วนะยะ!
            “ขอโทษนะคะ ช่วยเขยิบ...”  ฉันบอกได้แค่นั้นแหละก็รับรู้ถึงรังสีอมหิตที่พวกหล่อนส่งมาให้ ทำให้ฉันรู้ว่าที่โดนเบียดไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ ชะนีเกาหลีนี่น่ากลัวแบบนี้นี่เอง =_=
            “ขอดูด้วยสิว่าได้รูปอะไรบ้าง”  อยู่ๆ ก็มีเสียงนี้ดังขึ้นมา ฉันหันไปมองก็เจอกับคนของ Dream Fairy เดินเข้ามา 2 คน
            “ได้ข่าวว่าเป็นมือหนึ่งของ Invisible เลยนี่ ขอดูบ้างสิ เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้รุ่นน้องอย่างพวกเราบ้าง”  พูดจบพวกนั้นก็เข้ามาแย่งกล้องฉันไปทันที เพราะฉันต้องระวังตัวไม่ให้ตกลงไปจากระเบียงจึงไม่ง่ายเลยที่จะยื้นกล้องเอาไว้ได้
            “รูปสวยดีนี่”  หนึ่งในนั้นเบ้ปากขณะกดดูรูปฉันไปเรื่อย และ…
            แกร็ก!
            “ขอนะ”  มันชูเมมโมรี่การ์ดที่เพิ่งแกะออกจากกล้องฉันพร้อมรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะโยนกล้องคืนมาให้ฉันแล้วเดินออกไปพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
            อ้าวเฮ้ย!!! เอาไปง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง ฉันอุตส่าห์ตั้งใจถ่ายนะ >_<!!!
            “เอาคืนมานะ!!!”  ฉันแผดเสียงลั่นแล้วพยายามเดินฝ่าฝูงแฟนคลับที่ยังคงแกล้งผลักฉันอย่างไม่ลดละ กว่าจะฝ่าออกมาได้พวกนั้นมันก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว
            “บ้าเอ้ย!!”  ฉันร้องออกมาแล้วพยายามกวาดตามองไปรอบๆ และเดินไปเดินมาอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดฉันก็หมดแรงทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างไม่แคร์สายตาใคร มันไร้เรี่ยวแรงและหมดอาลัยตายอยากจนคิดว่าตัวเองคงกำลังจะตายแน่ๆ หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบากจนต้องไออกมาเพราะว่าหายใจไม่ทัน
            “เอาของฉันมา!!”  ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับทุบหน้าอกตัวเองแรงๆ เพื่อไล่ความอึดอัดบริเวณหน้าอกออกไป น้ำตาแห่งความคับแค้นใจไหลออกมาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองฉันเหมือนเป็นตัวประหลาด...ไม่มีใครช่วย ไม่มีใครตามโจรที่ขโมยของของฉันไปเลยสักคน สังคมนี้มันยังมีคนดีๆ เหลืออยู่บ้างไหม! นอกจากความอิจฉาริษยากับการจ้องจะเอาชนะแล้วโลกยังมีอะไรโหดร้ายกว่านี้อีกรึเปล่า!!!...
            “ตามไม่ทันแล้วล่ะ มันมีรถจอดรออยู่หน้างาน”  อยู่ๆ เสียงนี้ก็ดังเข้ามาในหูอื้อๆ ของฉัน
 
 
 
 
******************************
อัพจ้า ^O^
ใกล้จะจบโปรเจ็กต์แล้ว
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ^_^
******************************
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา