[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  110.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

50) [Episode 4 :: Friendly Lover] # Chapter 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 4 Friendly Lover

:: Chapter 10 ::

 

            “อย่าชอบใครนะ...”  ดงอุนพูดขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังใช้ศีรษะหนุนไหล่ฉันอยู่ ใจฉันกระตุกวูบไปทีหนึ่งกับคำพูดที่เอาแต่ใจแต่แฝงความอบอุ่นไว้เต็มเปี่ยมของเขา

            “เธอห้ามชอบใครนะ”  ดงอุนยังคงพูดประโยคคล้ายๆ เดิมซ้ำอีกครั้ง 

            “ฉันอยากเป็นคนดูแลเธอ...ฉันไม่อยากให้ใครดูแลเธอนอกจากฉัน”

            “ดงอุนนายเป็นอะไรไป...”  ฉันถามด้วยความเป็นห่วงผู้ชายที่อยู่ข้างหลังจับใจ ถึงหน้าผากเขาจะยังร้อนอยู่ แต่มือที่จับฉันไว้มันเย็นมากจนฉันคิดว่าเขาคงป่วยไปแล้วแน่ๆ

            “มีคนบอกฉันว่า ถ้าฉันดูแลเธอไม่ได้เขาจะดูแลเธอเอง ฉันไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่...ทำไมเธอเป็นอะไรถึงไม่ยอมบอกฉัน มาอยู่ดาดฟ้าคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง”  ดงอุนพูดต่อไปโดยไม่สนใจในสิ่งที่ฉันถาม

            “เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกแย่ขนาดไหนที่รู้เรื่องจากคนอื่นว่าเธอกำลังกลุ้มใจ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอมีอะไรก็จะบอกฉันเป็นคนแรก...แต่ทำไม...”  ดงอุนพูด น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นแปลกๆ เสียงแหบพร่าของเขาทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขา...กำลังร้องไห้!

            “ฉันขอโทษ...”  ฉันพูดเบาๆ แข่งกับก้อนสะอื้นที่เริ่มกลับขึ้นมาอีกครั้ง

            “เธอห้ามเป็นแบบนี้อีกนะ ฉันเป็นห่วงเธอมากรู้ไหม...”         

            ฉันไม่รับปากว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกได้รึเปล่า ดงอุนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ของฉันก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างหน้าฉัน

            “รับปากฉันสิ ว่าต่อไปเธอจะบอกฉันทุกเรื่อง”

            “ฉัน...”  ฉันพูดแค่นั้น ดงอุนก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากฉันทันที แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนตรงที่มันนุ่มนวลและอบอุ่นฉันเลยไม่คิดที่จะขัดขืนการสัมผัสนี้จากเขา แต่เมื่อเขาเริ่มกดริมฝีปากลงมาหนักหน่วงและร้อนแรงขึ้นฉันถึงรู้ตัวว่ามันไม่ถูกต้องที่จะทำอะไรแบบนี้เพราะว่าเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน!

            ฟึบ!

            ฉันผลักดงอุนออกแรงๆ และดงอุนก็ยอมผละออกจากฉันอย่างง่ายดาย เขามีท่าทางสับสน งุนงงไม่ต่างจากฉัน

            “วิลล่า...ฉัน...”  ดงอุนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉันไม่อยากจะฟังอะไรจากเขาตอนนี้

            จะขอโทษหรอดงอุน...นายจะบอกว่านายได้ตั้งใจใช่ไหม?

            “ฉัน...กลับห้องล่ะ”  ฉันพูดแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที นี่ฉันจูบกับดงอุนอีกแล้วหรอเนี่ย!!

 

             วันรุ่งขึ้น ฉันไม่มีงานค่ะแต่แทนที่จะได้พักกลับมีซ้อมเต้นและเรียนอะไรเพิ่มเติมตลอดทั้งวัน ใครว่าชีวิตของศิลปินมันสบายและง่ายดายกัน ฉันขอเถียงเลย! เพราะทุกๆ วันจะมีตารางฝึกซ้อมต่างๆ แทรกเข้ามาให้ได้ทำตลอด บางวันยาวไปเกือบจะข้ามวันเลยก็มีที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เราต้องทำตามตารางนี้ไปทุกๆ วัน นี่แหละเบื้องหลังความเป๊ะของศิลปินเกาหลีว่าทำไมเวลาโชว์บนเวทีถึงเพอร์เฟ็คกันนัก =_=;

            “วิลล่า มากับพี่หน่อยสิจ้ะ”  พี่มะนาวเข้ามาในห้องซ้อมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดใสแปลกๆ

            “มีอะไรหรอคะ”  ฉันเดินไปหาพี่มะนาวที่ยืนรออยู่ที่ประตูห้อง  

            “มีหนุ่มมาหาแน่ะ”  พี่มะนาวยิ้มเขินๆ ใครกันล่ะเนี่ย -_-?

            “ใครหรอคะพี่มะนาว”  พี่ดอกหลิวกับพี่หยาวิ่งมาเกาะไหล่ฉันอย่างตื่นเต้น

            “จองยองกวาง C.N.B. จ้ะ ^O^”

            “กรี๊ดดด...มีโปรเจ็กต์ใหม่ร่วมกันหรอคะ”  พี่หยากรี๊ดใส่หูฉันเต็มเหนี่ยว =_=;

            “ก็ไม่เชิงนะ รู้สึกว่าจะมีกับวิลล่าคนเดียว”

            “ห๊ะ! ฉันคนเดียวหรอคะ O_O”  ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง วงร็อกอย่าง C.N.B. จะเอาตำแหน่งเต้นนำอย่างฉันไปทำไม แทนที่จะเอาพี่เฝ้าฝันนะจะได้ร้องไฟท์กันได้

            “ใช่จ้ะ ไปเถอะเขามารอนานแล้ว”  พี่มะนาวพูด แล้วรีบลากฉันออกมาจากห้องซ้อมทันที

            ฉันถูกพามาที่ห้องรับแขกใกล้ๆ กับห้องทำงานของพี่นาบี ในนั้นมีพี่นาบี พี่มะนาว พี่ยองกวางและผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นผู้จัดการของพี่ยองกวาง ทั้งหมดหันมามองฉันพร้อมๆ กันเมื่อฉันเข้าไปในห้อง

            “นั่งสิ”  พี่นาบีบอกฉันนั่งลงใกล้ๆ กับพี่ยองกวาง พี่ยองกวางหันมายิ้มให้ฉันนิดหน่อยแล้วหันไปสนใจพี่นาบีที่กำลังจะพูด

            “พอดีพี่มีงานใหม่จะให้วิลล่าลองทำดู”  พี่นาบีพูดกับฉันอย่างเจาะจงเพราะดูเหมือนในห้องนี้เขาคงคุยกันเรียบร้อยแล้ว

            “คะ?”  ฉันส่งเสียงออกไปอย่างงงๆ

            “งานพิธีกรจ้ะ”  พี่มิวกี้เสริม

            “พิธีกร...หรอคะ?”  ฉันถามทวนคำ พี่ๆ ทุกคนพร้อมใจพยักหน้าตอบ

            “ใช่จ้ะ รายการM! Countdown เลยนะ เป็นคู่กับยองกวาง”  พี่มิวกี้อธิบายเพิ่ม

            “แต่...วิลไม่เคยทำ...”

            “ไม่เป็นไรหรอก จะได้หัดๆ ไว้ไง อีกอย่างมียองกวางอยู่แล้วรับรองผ่านฉลุย”  พี่มะนาวสนับสนุน

            แต่รายการ M! Countdown มันไม่เล็กเลยนะ ออกอากาศตั้งหลายประเทศทั้ง จีนญี่ปุ่นเวียดนามสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน อ๊ากส์ >_<! ถ้าฉันทำเรื่องขายหน้าล่ะ

            “ใช่ครับ”  พี่ยองกวางรับคำแล้วหันมายิ้มกว้างเป็นกำลังใจ เอ่อ...ถึงพี่จะยิ้มกว้างกว่านี้ ความกังวลของฉันมันก็ยังมากมายอยู่ดีค่ะพี่ U_U;

            “เอาเป็นว่า ทั้งสองคนก็ทำความรู้จักกันไว้นะเวลาร่วมงานกันจะได้ลื่นไหล”  พี่นาบีสรุป

            อะ อ้าว! พี่นาบีคะ นี่ฉันตอบตกลงตอนไหนหรอ =_=?

            “ครับ”  พี่ยองกวางรับคำ โดยไม่ ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพของฉันสักคำ =_=;

            หลังจากที่ไปรับฟังการมอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว ฉันก็กลับไปที่หอเลยเพราะว่าพี่ๆ เขากลับไปกันก่อนแล้ว พี่ยองกวางเลยอาสาไปส่งฉันแทนพี่มะนาวที่ต้องอยู่เคลียร์งานต่อ

            “กลุ้มใจหรอ”  พี่ยองกวางถามเมื่อขับรถเข้ามาจอดที่หน้าหอแล้ว

            “มากเลยค่ะ”  ฉันตอบปราศจากการเสแสร้งใดๆ =_=;

            “พยายามทำใจให้สบายเป็นตัวของตัวเองที่สุดก็พอแล้วล่ะ”

            “ฟังพี่พูดเหมือนมันง๊ายง่ายนะคะ U_U;”

            “ก็มันไม่ยากนี่ อีกอย่างที่ทางรายการเลือกวิลล่าก็เพราะว่ามีบุคลิกสดใส เขาคงจะเห็นว่าวิลน่ะเหมาะที่สุดแล้วเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลหรอก”

            “พี่ยองกวาง T^T”  ฉันซึ้งใจกับคำปลอบโยนของพี่จริงๆ เลยค่ะ

            “พี่ขึ้นหอได้แล้วล่ะ ดูเหมือนจะมีคนคอยอยู่นะ”  พี่ยองกวางพูดพร้อมกับมองผ่านไหล่ฉันออกไปนอกรถ ฉันหันไปมองตามก็เห็นออสตินยืนกอดอกมองมาที่ฉันกับพี่ยองกวางอยู่

            “ขอบคุณมากเลยนะคะ”  ฉันบอกแล้วเปิดประตูลงจากรถ แต่ก็ถูกพี่ยองกวางรั้งแขนเอาไว้ก่อน

            “คะ?”  ฉันหันกลับไปเลิกคิ้วถามแต่หน้าของพี่ยองกวางเข้ามาอยู่ตรงหน้าฉันซะแล้ว พี่เขาค่อยๆ เข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนลมหายใจอุ่นๆ สม่ำเสมอเข้ามาปะทะที่ใบหน้าฉันจนรู้สึกร้อนไปหมด >///<

            แกร็ก!

            “จะลงได้ยังไง เข็มขัดนิรภัยก็ไม่ถอด”  พี่ยองกวางมองฉันขำๆ พร้อมกับใช้มือขยี้ผมฉันเบาๆ ก่อนจะผละออกไปนั่งประจำที่ของตัวเอง

            “เอ่อ...ขอบคุณมากค่ะ ^///^” ฉันยิ้มเจื่อนๆ แล้วรีบวิ่งลงจากรถด้วยใจที่เต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมาข้างนอก แอร๊ยยย! น่าอายชะมัด ลืมถอดเข็มขัดได้ยังไงเนี่ย >///<!

            “เมื่อกี๊ไอ้นักร้องนั่นมันทำอะไรเธอน่ะวิล”  ออสตินถามด้วยท่าทางเคืองๆ

            “ฉันลืมปลดเข็มขัดนิรภัยพี่เขาเลยช่วย ถ้าไม่ได้พี่เขาป่านนี้ฉันหัวคะมำกลางถนนแล้ว”  ฉันตอบพร้อมกับพยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูปกติที่สุด -///-

            “ฉันว่ามันเจตนาอย่างอื่นมากกว่า เข้าไปใกล้ซะขนาดนั้น!”

            “ออส! ฉันบอกว่าไม่มีอะไรไง แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้พาของขวัญมาหรอ”

            “เปล่า ฉันผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหา พี่ๆ เขาบอกว่าเธอคุยงานอยู่เลยกำลังจะกลับ”

            “อ๋อ งั้นก็โชคดีนะ”  ฉันพูดแล้วเดินแยกเข้ามาในตึกแต่ออสตินก็เดินตามมา

            “โหย...อุตส่าห์มาหาไล่อย่างงี้เลย?”

            “อ้าว ก็บอกว่าจะกลับแล้วนี่นา”

            “ก็ไม่เจอเธอไงเลยจะกลับ ตอนนี้เธอกลับมาแล้วเลยว่าจะอยู่ต่ออีกหน่อย”  ออสตินส่งยิ้มทะเล้นๆ ให้ฉัน ฉันเลยส่ายหน้าเบาๆ กับความแปลกของออสตินที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน

            “เอ๊ะ”  ฉันร้อง เมื่อสายตาของฉันมันหยุดอยู่ที่ล็อกเกอร์รับจดหมายรวมของคอนโดเพราะมีซองสีน้ำตาลซองหนึ่งถูกสอดไว้และมันล้นออกมานอกช่องรับจดหมายของห้องฉัน พอเดินไปหยิบมันขึ้นมาดูก็เห็นว่ามันจ่าหน้าซองมาถึงฉัน

            “จดหมายจากแฟนคลับหรอ”  ออสตินถามพร้อมกับมองมันอย่างสนใจ

            เออ...จะว่าไปซองมันรู้สึกคุ้นๆ ยังไงไม่รู้นะ =_=

            “ออสฉันว่านายกลับไปก่อนเถอะ พอดีฉันเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเฉยๆ ฉันมีงานถ่ายแบบต่อน่ะ” 

            “โห..งานหนักจัง โอเคๆ ไม่กวนแล้ว ตั้งใจทำงานล่ะ ^_^”  ออสตินพูดแล้วเดินแยกไปขึ้นรถของตัวเอง

            ฉันมองตามรถของออสตินจนลับสายตาไป ก่อนจะรีบเดินเข้ามานั่งในล็อบบี้เพื่อความปลอดภัย!...ฉันคิดว่าข้างในนี้ต้องเป็นจดหมายของมุนชอนแอแน่!!

            ฉันเปิดซองเข้าไปก็แทบทรุดเพราะในซองนั้นมีรูปของฉันถูกปากกาหลากหลายสีขูดจนทะลุไปถูกด้านหลังประมาณ 20 แผ่นได้ มันมาพร้อมกับจดหมาย 1 ฉบับที่เขียนโดยปากกาสีแดงและด้วยแรงกดของคนเขียนทำให้กระดาษแผ่นนั้นมีรอยนูนไปถึงด้านหลัง

           

            แกเป็นอะไรกับพี่ดงอุน!!! แรดเกินไปแล้วนะ!! ไปอ่อยพี่เขาล่ะสิพี่เขาถึงชอบแก!!! อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปได้ง่ายๆ นะ ฉันจะทำให้แกเจ็บปวดมากกว่าฉันเจ็บเป็น 10 เท่า คอยดู!!!

 

            ฉันรีบพับจดหมายฉบับนั้นไว้ด้วยมือที่สั่นเทา ลำคอแห้งผากจนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เป้าหมายต่อไปของชอนแอ...คือฉัน!!

            ฉันจะบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ดีไหม?...ถ้าบอกไปเรื่องงานของฉันและ Lusty จะเป็นยังไงล่ะ! พี่มะนาว พี่นาบี พี่มิวกี้เขาจะกังวลกับฉันขนาดไหน แล้วฉันกับดงอุน...จะเป็นยังไงต่อ!

            คำถามต่างๆ เข้ามาวนเวียนชัดเจนอยู่ในหัวจนฉันรู้สึกมึนไปหมด ปลายมือปลายเท้าเย็นชืดจนฉันต้องบีบมือตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกความอบอุ่นให้กับมัน

            ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมดงอุนถึงไม่ยอมบอกใครตอนที่ชอนแอส่งจดหมายมาให้ มันลำบากใจแบบนี้นี่เอง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเพราะผลที่ตามมามันคือความวุ่นวายของทุกๆ คน

            ฉันจึงตัดสินใจแล้วล่ะ ว่า...ไม่บอกใครเรื่องนี้!

 

            “ขอบคุณมากนะคะพี่ยองกวาง”  ฉันก้มหน้าลงพูดกับพี่ยองกวางที่เปิดกระจกรถอยู่ วันนี้เป็นอีกวันที่พี่ยองกวางอาสามาส่งฉันหลังจากที่ทำงานเสร็จ

            “ยินดีครับ ^_^”  พี่ยองกวางพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ฉันเบาๆ

            “ขับรถดีๆ นะคะ”  ฉันบอก ฉันยืนรอส่งพี่ยองกวางแต่ฉันลืมไปเลยว่าพี่ยองกวางจะออกรถเมื่อฉันเดินเข้ามาในตึกแล้วเท่านั้น

            “เอ่อ...ไปนะคะ”  ฉันบอกแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาในตึก พอฉันเดินพ้นเขตประตูทางเข้ารถของพี่ยองกวางก็แล่นออกไปทันที

            วันนี้ฉันทำงานเป็นพิธีกรครบ 1 อาทิตย์พอดี คิดไปแล้วก็เร็วเหมือนกัน แป๊บเดียวก็ครบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ตอนแรกฉันรู้สึกประหม่าและเกร็งมากแต่พอทำไปสักพักชักจะชอบงานนี้ขึ้นมาแล้วล่ะ ^_^

            “มาส่งกันทุกวันเลยนะ”  ดงอุนยืนรอฉันอยู่หน้าลิฟต์อย่างเช่นทุกวัน U_U

            “อ้าว แล้วจะให้ฉันมากับใครล่ะ”

            “คุณมะนาวไง”

            “เฮ้อ...พี่เขาก็ใช่ว่าจะต้องดูแลฉันคนเดียวซะที่ไหนล่ะ พี่ๆ คนอื่นเขาก็มีงานเหมือนกัน”  ฉันพูดแล้วเดินตรงกลับเข้าห้องเลยแต่ก็ต้องตกใจเพราะมีคนอยู่เต็มห้องเหมือนมีปาร์ตี้อะไรสักอย่าง คนที่นี่ชอบปาร์ตี้กันจัง =_=

            “งานอะไรคะเนี่ย”  ฉันถามพี่หยาที่เดินมาใส่รองเท้าพอดี

            “วันเกิดพี่มะนาวไง พี่ที่ส่งแมสเซสไปบอกอ่ะ เข้าไปเร็วกำลังสนุกเลยเดี๋ยวพี่ไปซื้อของก่อน”

            ฉันเดินเข้ามาในห้องก็เห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว รวมถึงของขวัญและออสตินก็มาร่วมงานด้วย

            “อ้าววิลมาแล้วหรอ...”  ออสตินโบกมือทักฉัน แต่ยังไม่ทันทีที่ฉันจะได้ตอบอะไร ดงอุนที่เดินตามมาตั้งแต่เมื่อกี๊ก็ลากฉันเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ๆ ซะก่อน

            “อะไรของนายเนี่ย”  ฉันสะบัดมืออก

            “เธอเห็นไหม ฉันใส่อะไรอยู่”  ดงอุนชี้นิ้วไปที่เสื้อของตัวเอง เขากำลังใส่เสื้อคู่ที่ซื้อให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดอยู่

            “แล้วไง?”  ฉันทำไขสือไม่เข้าใจ...แต่ฉันมั่นใจว่าเขาต้องให้ฉันใส่เสื้อคู่กับเขาแน่ ไม่เอาด้วยหรอกน่าอายจะตาย -_-//

            “แล้วไง?...ก็ให้เธอใส่ด้วยไง จะให้ฉันใส่คนเดียวรึไง”

            “นายอยากใส่ก็ใส่สิ ฉันเพิ่งมาเหนื่อยๆ ยังไม่อยากเปลี่ยนเสื้อตอนนี้ อีกอย่างของฉันยังไม่ได้ซัก มันยังอยู่ในกล่องอยู่เลย”

            “เฮ้อ...ว่าแล้วเชียว เพราะกิ๊กอยู่ด้วยล่ะสิถึงไม่อยากใส่...”  ดงอุนพึมพำแล้วเดินหน้ามุ่ยออกไปโดยไม่ได้เซ้าซี้ให้ฉันใส่อย่างที่คิด

            “อ้าว เมื่อกี๊ว่าไงนะ! นี่!! กลับมาคุยกันก่อน”  ฉันเรียกดงอุนไว้ แต่เขาก็ไม่หยุดเดิน

            กิ๊กเกิ๊กอะไรกัน -*-!

             หลังจากนั้นดงอุนก็ไม่ยอมคุยกับฉันอีกเลย จนกระทั่งเช้าวันใหม่เขาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดกับฉันสักแอ่ะทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ! ขนาดขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน 2 คนนะเนี่ย หมอนั่นยังไม่คุยกับฉันเลย...T^T

            โอเค๊!!! เอาแบบนี้ใช่ไหมดงอุน -*-!

            บรืน~

            ฉันมองรถของดงอุนขับออกจากโรงรถอย่างขัดใจ ฉันตามอารมณ์เขาไม่ทันจริงๆ เขาจะรู้ไหมว่าทะเลาะกันแบบนี้มันทำให้ฉันอึดอัดและไม่มีแก่จิตแก่ใจทำอะไรเลย

            อ๊ากส์!!! นายกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้าแล้วดงอุน >.<!

            แกร็ก!

            อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่แถวๆ มุมมืดมุมหนึ่งของโรงรถ จะว่าแมวก็คงไม่ใช่เพราะเสียงมันดังเกินกว่าจะเป็นเสียงของแมว -_-?

            ฉันค่อยๆ ถอยกลับเข้าตึกอย่างระมัดระวังเพราะสถานการณ์มันไม่น่าไว้วางใจเอาซะเลย ยามที่เฝ้าตรงป้อมแถวนี้หายไปไหนนะ หลับเวรหรือไงลุง! นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ!

            ระหว่างที่ฉันสอดส่ายสายตามองหาคนช่วย ฉันก็เห็นซองสีน้ำตาลโผล่ออกมาตรงช่องรับจดหมายของห้องฉันอีกฉบับ

            เอาอีกแล้วไง!-_-*

            ฉันรีบหยิบมันออกจากช่องรับจดหมายก่อนที่พี่ๆ คนอื่นจะมาเห็น แต่พอมาคิดดูอีกทีฉันไม่น่าหยุดหยิบจดหมายนี่เลย เพราะฉันรู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง มันเป็นความรู้สึกไม่เป็นมิตรอย่างที่ฉันเคยสัมผัสมาจากคนๆ หนึ่ง...

            “สวัสดีค่ะ...พี่สาว ^_^”  ชอนแอยิ้มทักทายทันทีที่ฉันหันไปมอง ตัวของฉันผงะไปข้างหลังจนชนเข้ากับล็อกเกอร์รับจดหมายของตึกดังลั่น

            “ชะ ชอนแอ...”  ฉันอึกอัก ฉันเก็บอาการไม่อยู่ว่าฉันกลัวผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน ตัวฉันสั่นเทิ้มแต่เหงื่อเม็ดเล็กๆ หลับผุดขึ้นมาทั่วตัว ยิ่งคิดถึงข้อความในจดหมายนั่นแล้วใจฉันยิ่งหล่นวูบลงพื้นแบบกู่ไม่กลับเลยทีเดียว!

            “ดีใจจังที่ยังจำฉันได้ ขนาดเปลี่ยนลุคแล้วนะเนี่ย ^^”  ชอบแอยกมือขึ้นลูบผมสั้นตัดบอบเทสีทองของตัวเองอย่างภูมิใจ

            เดี๋ยวก่อน! ผมบอบทองหรอ? ฉันจำได้ว่าเจอคนที่ตัดผมบอบย้อมสีทองประกายเขียวๆ แบบนี้มาจากไหนนะ!!!

            “ลุคนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะส่วนมากจะใส่วิกผมสีดำยาวสลวยอย่างที่พี่เคยเห็นไง”

            “แล้วเธอจะพลางตัวขนาดนั้นทำไม”

            “เผื่อมีเรื่องต้องจัดการ จะได้ไม่มีใครจำได้ไงคะ ^^” 

            อะไรนะ...’จัดการ’ งั้นหรอ?

            “เธอ...มาที่นี่ทำไม ดงอุนไม่อยู่หรอกนะ”  ฉันพูดแล้วลอบมองไปทั่วทั้งโรงรถเพื่อหาตัวช่วย แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว U_U;

            “ฉันเห็นแล้วล่ะว่าพี่ดงอุนออกไปข้างนอกแล้ว แต่วันนี้ฉันมาหาแก!”  ชอบแอเปลี่ยนน้ำเสียงจากอ่อนหวานจนเลี่ยนมาเป็นน้ำเสียงแข็งกร้าวจนหน้าขนลุกแทนอย่างรวดเร็ว

            “มา...หาฉัน?”  ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง นิ้วที่ชี้เข้ามามันสั่นจนฉันต้องรีบเก็บมันลง

            “ใช่ ฉันเบื่อที่จะตามดูแกกับพี่ดงอุนแล้ว ฉันว่าคงต้องถึงเวลาจัดการขั้นเด็ดขาดสักทีฉันจะได้หมดเสี้ยนหนาม!!”  ชอบแอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาบีบคอฉัน! ด้วยแรงกดมหาศาลและเพราะฉันไม่ได้ตั้งตัว ทำให้หลังของฉันเข้าไปชนกับล็อกเกอร์นั้นอีกครั้ง

            “ปล่อย...”  ฉันพูดเสียงอู้อี้ในลำคอพร้อมกับพยายามแกะมือชอนแอออก แต่ฉันสู้แรงยัยเด็กโรคจิตนี่ไม่ได้ ยิ่งแกะดูเหมือนแรงบีบจะมากขึ้นเป็นทวีคูณ ยิ่แรงกดมากอากาศหายใจของฉันก็เริ่มเหลือน้อยลงทุกทีๆ

            “ตายซะเถอะ!!”  ชอนแอแผดเสียงลั่นพร้อมกับออกแรงกดจนเหมือนกับจะฝั่งร่างของฉันให้จมอยู่กับล็อกเกอร์ด้านหลังให้ได้ ฉันจึงต้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระทืบส้นเข็มที่ใส่อยู่เข้าที่ปลายเท้าของชอนแอด้วยแรงทั้งหมดที่มี!

            “โอ๊ย!! นังบ้า!!!”  ชอนแอปล่อยมือออกจากคอฉันแล้วก้มลงไปจับเท้าของตัวเองตามสัญชาตญาณ

            ฉันรีบสูดอากาศเข้าปอดยาวๆ 2-3 ครั้งและรีบวิ่งออกมานอกตึกทันทีที่ตั้งสติได้ ออกมาข้างนอกอย่างน้อยๆ ก็มีคนพลุกพล่านกว่าในล็อบบี้ยามเช้าแบบนี้ล่ะนะ!!

            “อย่าหนีนะนังวิลล่า!!!”  เสียงของชอนแอยังคงตามมาหลอกหลอน ฉันเลยต้องรีบวิ่งไปที่ป้อมยามที่อยู่ใกล้ๆ แต่ระหว่างทางที่วิ่งหนีออกมาก็มีรถ BMW สีดำสนิทคันหนึ่งแล่นสวนเข้ามา

            ไม่นะ! ฉันหลบไม่ทัน!!!

            เอี๊ยดดด!!!

            เสียงล้อรถบดถนนดังลั่น พร้อมกับร่างของฉันที่ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง ฉันเปิดเปลือกตาที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ขึ้นดูก็เห็นไฟหน้ารถกำลังส่องสว่างเข้ามาในตาของฉัน

            “เอ่อ...เป็นอะไรไหมครับคุณ”  เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังเข้ามาในการรับรู้ ฉันค่อยๆ หันไปมองด้วยลมหายใจหอบ ก็เจอผู้ชายชุดดำคนหนึ่งมานั่งยองๆ อยู่ข้างๆ พร้อมกับพยายามเขย่าแขนฉันแรงๆ เพื่อเรียกสติ

            “ฉันเอง...”  อยู่ๆ ก็มีเสียงของชายวัยกลางคนดังเข้ามาอีกทาง เสียงนี้ฟังแล้วอบอุ่นดีจัง...

            “ครับท่าน”  ผู้ชายคนที่มาถามฉันคนแรกรับคำก่อนจะลุกขึ้นโค้ง หลีกทางให้ผู้มาใหม่ได้เข้ามาถามอาการฉัน

            “หนูเป็นอะไรรึเปล่า”  ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ฉันหันไปมองก็เห็นหน้าคุณลุงคนหนึ่งที่มองฉันอย่างห่วงใย

            “ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ”  ฉันพูดด้วยเสียงที่แหบพร่า ริมฝีปากแห้งผากจนไร้ความชุ่มชื้นขบกันแน่นด้วยความกลัว เมื่อกี๊ฉันเกือบตายซ้อนกันถึง 2 ครั้งเชียวหรอ!

            “หนูหนีอะไรมารึเปล่า ดูท่าทางตื่นๆ นะ”  คุณลุงคนนั้นเอ่ยถาม

            จริงสิ!...ชอนแอล่ะ?

            ฉันรีบหันกลับไปทางเดิมที่วิ่งหนีมาก็ไม่เห็นชอนแอแล้ว เฮ้อ...โล่งอกที่ยัยนั่นไม่ตามมาเล่นงานฉัน!

            “ไม่มีอะไรค่ะ”

            “เหรอ...หนูไม่เป็นไรแน่นะ ไปโรงพยาบาลไหม”

            “ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่ตกใจไปหน่อยเลยล้มลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับรถของคุณหรอกค่ะ”

            “ แต่...”

            “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”  ฉันยิ้มบางๆ ให้ลุงคนนั้น ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนโดยมีคุณลุงคนนั้นช่วยอีกแรง

            “หนูมั่นใจใช่ไหมว่าไม่อยากไปหาหมอ”

            “ค่ะ”

            “ฉันขอโทษหนูด้วยนะที่ทำให้บาดเจ็บ”

            “หนูต่างหากค่ะที่ต้องขอโทษ วิ่งออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือ”

            “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ^^”

            “วิล...มีเรื่องอะไรกันหรอ”  อยู่ๆ พี่ยองกวางก็เดินเข้ามาฉันกับคุณลุงคนนั้นด้วยท่าทางแปลกๆ

            “คือวิลวิ่งออกมาไม่ดู รถเลยเกือบจะชนเอาน่ะค่ะ ^^;”  ฉันยิ้มแหยๆ ให้พี่ยองกวาง พี่ยองกวางตาเบิกโพลงขึ้นมาทันทีพร้อมกับเข้ามาสำรวจรอบตัวฉันว่ายังอยู่ครบดีไหม

            “แล้ววิลเป็นอะไรรึเปล่า? บาดเจ็บตรงไหนไหม?...”

            “ยังไม่ชนเลยค่ะพี่ยองกวาง วิลล้มลงมาเองเลยมีถลอกนิดหน่อย”  ฉันบอกแล้วหงายฝ่ามือให้พี่ยองกวางดู มันแค่พอแสบๆ ไม่ได้เป็นแผลใหญ่โตอะไรเลย พี่ยองกวางจับมือฉันทั้ง 2 ข้างเข้าไปจับไว้แน่น

            “เจ็บมากไหมเนี่ย วันนี้ลาหยุดสักวันไหม”

            “อุ้ย! ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้เอง ^//^”

            “มีเพื่อนแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ ^^”  คุณลุงคนนั้นพูด แล้วเดินกลับไปขึ้นรถโดยมีคนขับรถเปิดประตูให้

            “ขอบคุณมากนะคะ”  ฉันพูดพร้อมกับโค้งตัวลง ก่อนที่รถ BMW คันหรูจะขับต่อเข้าไปในตึก

            คงจะเป็นคนใหญ่คนโตพอตัวเลยนะเนี่ย ต้องลองไปถามของขวัญดูสักหน่อยแล้วว่ารู้จักไหม พ่อยัยนั่นก็คนใหญ่คนโตเหมือนกันน่าจะรู้จักกันนะ...แต่เอ๊ะ! คุณลุงชื่ออะไรล่ะ?

            ถึงยังไงก็ขอบคุณมากนะคะคุณลุงที่มาได้จังหวะพอดี นึกว่าตัวเองจะโดนหักคอคาโรงรถซะแล้ว =_=;

            “ถ้าเป็นไปได้ พี่ไม่อยากให้ยุ่งกับผู้ชายคนนั้นเลยนะ”  อยู่ๆ พี่ยองกวางก็พูดขึ้นพร้อมกับมองตามท้ายรถคันนั้นไป

            “ทำไมหรอคะ?”

            “แล้วค่อยเล่าแล้วกัน ไปกันเถอะสายแล้ว เผื่อทำแผลอีกนะครับ”  พี่ยองกวางพูดแล้วพาฉันไปขึ้นรถที่พร้อมออกเดินทางไปที่ทำงาน

            ทำไมถึงไม่อยากให้ยุ่งล่ะ...คุณลุงก็ออกจะใจดี =_=?

 

 

 

 

 

*******************************

อัพจ้า

ติดตามต่อด้วยนะรีดเดอร์

*******************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา