[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  110.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

17) [Episode 2 :: Brighter Lover] # Chapter 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 2 Brighter Lover

:: Chapter 5 ::

 

            และแล้วเราก็พากันอพยพมายังลานหน้าสยามพารากอน ซึ่งเราแบ่งกันออกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 2-3 คน ฉันได้อยู่กับโยซอบและจุนฮยองเพราะโยซอบยังไม่หายดีเผื่อมีอะไรจะได้ให้จุนฮยองอุ้มโยซอบวิ่งได้ =_=; ที่จริงดูจุนจะต้องมาอยู่กับฉันด้วย แต่ไปๆ มาๆ ดันไปอยู่กับยัยเภตราเฉยเลย จุนฮยองเลยต้องมาแทน

            เรามานั่งกันที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่มีคนเดินไปเดินมาเยอะกว่าปกติ (ทั้งที่ปกติก็เยอะอยู่แล้วน่ะนะ -_-;) วันนี้มีคนมาป้วนเปี่ยนบริเวณลานกว้างนี้เยอะมากทั้งที่แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ กำลังร้อนระอุ

            ฉันมองผู้คนเดินไปมาผ่านกระจกใสของร้านขณะที่โยซอบกับจุนฮยองสั่งน้ำผลไม้ปั่นมาลองชิมเกือบจะทุกรสในร้านแล้ว ฉันมองพวกเขาผลัดกันชิมน้ำผลไม้อย่างเอร็ดอร่อยแล้วอดคิดถึงฟิควาย (นิยายความรักระหว่างชาย-ชาย) ขึ้นมาไม่ได้ มิน่าล่ะแฟนคลับเขาถึงจิ้นกันได้ขนาดนั้นเพราะพวกเขาทำตัวให้คิดนี่เอง =_=;

            แต่ทำไมเห็นแบบนี้แล้วฉันอารมณ์เสียจัง นายโยซอบนั่นก็ทำตัวแอ๊บแบ๊วน่ารักยิ่งกว่าฉันซะอีกแน่ะ -_-!

            “เดี๋ยวฉันมานะ”  ฉันดันตัวลุกขึ้นยืน ทำให้ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมาจากแก้วน้ำแตงโมปั่น

            “อ้าว ไปไหนอ่ะ”  โยซอบพูดด้วยภาษาเกาหลีเบาๆ เพื่อไม่ให้วัยรุ่นโต๊ะข้างๆ ที่จับตามองหนุ่มผิวขาวที่นั่งร่วมโต๊ะกับฉันอยู่แล้วต้องรู้สึกผิดสังเกต

            “ไปห้องน้ำ”  ฉันบอก แล้วเดินแยกออกมาจากร้าน

            อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ฉันก้มลงมองช้อนเข้าไปใต้หมวกแก๊ปที่เขาใส่ก็จำได้ทันทีว่าเป็นซอแดอุน ลีดเดอร์วง Troy

            “ขอคุยด้วยหน่อย...ได้ไหมครับ?”  ซอแดอุนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวงแล้วออกเดินนำหน้าฉันไปที่มุมหนึ่งของตึก ฉันหยุดชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไป ถ้าสิ่งที่ฉันเห็นตอนนั้นมันไม่ใช่การจัดฉากก็แสดงว่าแดอุนคนนี้ไว้ใจได้ เพราะเขาเป็นคนออกปากห้ามไอ้พี่หมอยูซังฮุนไม่ให้กระทำการณ์เลวร้ายนั้นด้วยตัวของเขาเอง

            แต่...ถ้านั่นเป็นการจัดฉากให้ตัวเองดูบริสุทธิ์ล่ะ O_O!

            ฉันคิดถึงตรงนี้ ฝีเท้าของฉันก็หยุดกึกอยู่กับที่อย่างอัตโนมัติ ฉันนี่โง่จริงๆ เขาอยู่วงเดียวกัน ยังไงๆ เขาก็ต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว นายซังฮุนไม่มีทางทำคนเดียวได้แน่!

            “เป็นอะไรไป”  แดอุนหันกลับมาถามฉันด้วยท่าทางงงๆ

            “เอ่อ...ฉันว่า นี่เราก็เดินมาไกลมากแล้วล่ะค่ะ”  ฉันบอกพร้อมกับถอยหลังออกห่างจากซอแดอุนอีก 2 ก้าว

            “นั่นสิครับ...”  แดอุนถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อทำอะไรสักอย่าง คงจะไม่ใช่รวบรวมความกล้ามาหักคอฉันทิ้งหรอกนะ -*-!

            “มีอะไรหรอคะ”

            “ผมอยากจะขอเวลา...” 

            “เอ๊ะ!”  ฉันส่งเสียงออกไปอย่างงงๆ อยู่ๆ นายแดอุนคนนี้จะมาขอเวลงเวลาอะไรกับฉัน

            “ขอเวลาให้ซังฮุนได้กลับตัวก่อน...จะได้ไหมครับ”

            “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ฉัน...ไม่เข้าใจที่คุณพูด”  ฉันขมวดคิ้วนิดหน่อยเพื่อแสดงว่าฉันอยากให้เขาอธิบายอะไรๆ ให้มากขึ้นกว่านี้หน่อย

            “ซังฮุนรู้แล้วว่าคุณแอบฟังพวกเราคุยกัน...”

            “วะ...ว่าไงนะคะ!!”  หัวใจฉันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อฟังแดอุนพูดจบ พวกเขารู้แล้วจริงๆ งั้นที่ไอ้พี่หมอซังฮุนบอกว่า ‘ระวังตัวด้วยนะครับ’ ตอนนั้นก็...เป็นการเตือนน่ะสินะ O_O!

            “แต่คุณไม่ต้องห่วง เพราะตราบใดที่คุณยังไม่ได้บอกใคร คุณจะปลอดภัย...และผมก็จะไม่ยอมให้ใครต้องโดนร่างแหจากเรื่องนี้อีกแน่ๆ”

            “นี่คุณมาเพื่อที่จะต่อรองกับฉันหรอ จะมาขู่ฉันอีกคนหรือไง!”  ฉันถามออกไปอย่างหัวเสีย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเขาจะปิดปากฉันตอนนี้เลยก็ย่อมทำได้

            “เปล่านะครับ!! ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น...ผมแค่อยากจะขอเวลา...ก่อนที่เรื่องนี้จะแดงออกมาขอเวลาให้ผมได้เกลี้ยกล่อมซังฮุนกับพวกให้หยุดทำเรื่องนี้ซะ...ผมขอร้องล่ะครับ ให้เวลาผมหน่อยได้ไหม”

            “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดได้ ในเมื่อพวกคุณมันก็พวกเดียวกันเห็นๆ” 

            “...ผมไม่มีอะไรจะทำให้คุณเชื่อใจผมหรอกครับ และผมก็ไม่มั่นใจด้วยว่าสิ่งที่ผมทำมันจะช่วยซังฮุนได้มากน้อยขนาดไหน แต่ผมอยากให้คุณมั่นใจว่าในระหว่างที่คุณเก็บความลับนี้ไว้ คุณจะปลอดภัย”

            “...ฉันจะเห็นแก่ความรักที่คุณมีต่อเพื่อนของคุณก็แล้วกัน...แต่ฉันจะให้เวลาคุณจนถึงวันแสดงคอนเสิร์ตเท่านั้น ถ้าวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบีสท์ฉันจะถือว่าคุณทำสำเร็จ แต่ถ้าวันนั้นมีอะไรเกิดขึ้นกับบีสท์ทุกคนจะรู้เรื่องนี้ทันที รวมถึงค่ายเพลงต้นสังกัดของพวกคุณด้วย ข้อเสนอนี้หวังว่าคุณจะไม่ขัดแย้งอะไรนะคะ”

            “...”  แดอุนมองหน้าฉันนิ่งๆ เหมือนจะแย้งอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องยอมแพ้และพยักหน้าในที่สุด ฉันว่าข้อเสนอของฉันมันก็หนักเอาการอยู่หรอกนะ เพราะว่าการเปลี่ยนใจคนโดยเฉพาะคนที่มีความแค้นมากๆ แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

            “เหลือเวลาอีกจนถึงปลายเดือนนี้แล้ว...ฉันเป็นกำลังใจให้นะคะ”  ฉันพูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะตัดสินใจเดินแยกออกมา

            ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันตัดสินใจไปมันจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่ายไหม แล้วทุกคนจะปลอดภัยอย่างที่เขาพูดรึเปล่า แต่ฉันหวังว่าหลังจากวันนี้ คงจะไม่มีใครต้องเดือดร้อนและต้องบาดเจ็บเพราะความแค้นของนายซังฮุนอีก

            ฉันเดินออกมาจากมุมตึกก็เจอวิลล่าเดินผ่านมาพอดี ทำไมยัยคนนี้ต้องมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ฉันเวลาที่มีเรื่องน่าสิ่วน่าขวานแบบนี้ด้วยเนี่ย =_=;

            “พี่เข้าไปในนั้นทำไมอ่ะคะ”  วิลล่ามองฉันสลับกับซอกตึกที่ฉันเพิ่งจะเดินออกมา

            “อ๋อ ฉันไปซื้อของมาน่ะ บังเอิญเจอทางลัดเลยเดินทะลุมา” 

            “แล้วซื้ออะไรหรอคะ”  วิลล่าก้มลงมองมือฉันที่ไม่ได้ถืออะไรมาเลย

            “ไปเลือกแล้วมันไม่ถูกใจนี่”  ฉันตอบแบบขอไปที ยัยนี่จะสงสัยอะไรนักหนาเนี่ย -_-!

            อยู่ๆ คนที่เดินไปมารอบๆ ตัวฉันกับวิลล่าก็หยุดนิ่งลง และค้างท่าใครท่ามันอย่างกับมีคนมาหยุดเวลาไว้ ฉันกับวิลล่ามองหน้ากันอย่างรู้ทันทีว่าเฟรชม็อบเริ่มขึ้นแล้ว ฉันเลยจะเดินออกจากวงแต่ยัยวิลล่ากลับจับแขนฉันไว้และยืนนิ่งเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่รอบๆ ตัว

            จะบ้าน่า! อย่าบอกนะว่ายัยวิลล่านึกสนุกอยากร่วมเต้นเฟรชม็อบกับเขาด้วยน่ะ O_o!!

            “วิลล่า...”  ฉันเรียกชื่อยัยวิลล่าเบาๆ พร้อมกับพยายามแกะมือออก จนยัยผู้หญิงที่นิ่งค้างท่าแคะจมูกแอบมองค้อนๆ ฉัน เพราะว่าฉันไม่ยอมยืนตัวแข็งเหมือนคนอื่นๆ

            “พี่ฝัน นิ่งๆ สิคะ”  ยัยวิลล่าพูดเสียงลอดไรฟันออกมาเบาๆ

            “จะบ้าหรอ!! ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ”  ฉันว่าวิลล่าเบาๆ พร้อมกับพยายามแกะมือออกอย่างไม่ลดละ

            “ไม่เอา เต้นเป็นเพื่อนวิลหน่อยนะ”  วิลล่าส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ฉัน

            “เฮ้ย! ฉันไม่ได้เต้นตั้งนานแล้วจะไปจำท่าได้ไงเล่า ปล่อยฉันเถอะวิลล่า” 

            “อะแฮ่ม...”  เสียงกระแอมไอดังๆ ลอยเข้ามาท่ามกลางการสนทนา พอฉันมองตามเสียงนั้นไปก็เจอยัยหยากับดอกหลิวยืนแข็งอยู่ เอาเข้าไปเล่นอะไรของพวกเธอเนี่ย แล้วพี่นาบีรู้รึเปล่า แล้วยัยเภตราไปไหนปล่อยให้เมมเบอร์วงตัวเองมาเล่นซุกซนแบบนี้ได้ไง =_=!

            “เงียบๆ หน่อยพวกแก คนอื่นเขามองพวกแกใหญ่แล้วน่ะ”  หยาบอกเบาๆ

            “ตามน้ำไปก่อนแล้วกันนะแก ^^”  ดอกหยิวส่งยิ้มกว้างมาให้ฉัน ยัยพวกนี้นี่!! -_-*

            ฉันยืนนิ่งในท่าเคารพธงชาติได้สักพัก เสียงเพลงของบีสท์ก็ดังขึ้น เพลง Fiction นั่นเอง เมื่อจบท่อนของดูจุนร้อง ทุกคนก็เริ่มขยับตัวและเต้นตามที่ต้นฉบับพาเต้นเป๊ะ คลื่นมวลชนนับพันเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกันและเต้นท่าเดียวกันได้อย่างน่าประหลาด ใบหน้าของทุกคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บางคนที่เต้นตามไม่ทันก็ทำเพียงแค่ขยับมือและขาไปตามเพื่อนๆ เท่านั้น แต่นั่นก็ยังทำให้เขาและเพื่อนที่เต้นอยู่รอบๆ มีเสียงหัวเราะและยิ้มกันอย่างมีความสุข ถึงบางคนจะเต้นได้ไม่เก่งแต่ทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจกันมาเพื่อสนับสนุนศิลปินที่เขาชอบ...

            BEAST! พวกคุณทำให้ใครต่อใครรักพวกคุณมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน!!

            “สนุกใช่ไหมล่ะคะพี่ฝัน ^O^”  วิลล่าถามฉันขณะเพลง Fiction จบลงและมีเพลง Shock ดังขึ้นมาแทน ฉันยิ้มน้อยๆ ให้ยัยวิลล่าทีหนึ่งก่อนจะเริ่มเต้นตามจังหวะที่ฉันไม่ได้ยินมานาน แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่ฉันไม่ได้เต้นมานานมากแล้ว แต่ท่าเต้นต่างๆ มันกลับฝังอยู่บนเนื้อหนังของฉัน มันเต้นออกมาได้โดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าจะเต้นท่าไหนต่อไป ระหว่างนั้นภาพการฝึกอย่างหนักของฉันกับเพื่อน Beast Girl ก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง และความมานะพยายามของพวกเรามันเริ่มหวนกลับมาในความรู้สึกของฉัน ทุกครั้งที่ภาพเหล่านี้หวนกลับมา มักจะทำให้ฉัน...

            “ร้องไห้หรอ?...แกร้องไห้ทำไมน่ะฝัน”  ดอกหลิวเข้ามาโอบไหล่ฉันเบาๆ ฉันได้แต่ส่ายหน้าไปมาเพราะก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ที่คอ พวกเขาเลยพาฉันออกมานอกวงและดูจะตกใจมากที่เห็นฉันร้องไห้

            “แกเป็นไร”  หยาถามฉันด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วง

            “ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ทำให้ฝันของพวกแกพัง...มันเป็นเพราะฉันเอง”  ฉันร้องไห้โฮออกมาพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งตรงม้านั่งสีขาวที่อยู่ใต้ต้นไม้ดัดเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ

            “ขอโทษอะไรล่ะคะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่สักหน่อย เรื่องออร์ดิชั่นคราวก่อนน่ะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่หรือของใครทั้งนั้นนะคะ แล้วตอนนี้ Beast Girl ของเราก็ใช่ว่าจะไปไม่ถึงฝันสักหน่อย เกือบจะได้เดบิวต์แล้วด้วย”  วิลล่าคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน พูดไปร้องไห้ไปด้วย

            “แต่ถ้าไม่ใช่เพราะฉันออกมากลางคัน พวกเธอก็จะได้เดบิวต์เร็วกว่านี้...ฉันขอโทษนะ”  ฉันพูดไปสะอื้นไป จนฉันเองยังฟังที่ตัวเองพูดไม่ได้ศัพท์เท่าไหร่นัก

            “เฝ้าฝัน...แกอยู่นี่ที่พร้อมกับแบกความรู้สึกผิดแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย”  หยานั่งลงข้างๆ ฉัน มันเหมือนเป็นประโยคคำถามที่ถามได้ตรงจุดจนฉันจุกพูดไม่ออกเลยทีเดียว ‘ความรู้สึกผิด’ จริงสินะ...ฉันอยู่กับความรู้สึกผิดแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย...

            “ถ้าแกอยู่ที่นี่ แล้วแกรู้สึกแย่ขนาดนี้ล่ะก็ ทำไมไม่กลับไปหาพวกฉันล่ะ ถ้าแกรู้สึกผิดนักทำไมไม่ไปอยู่กับพวกฉันเพื่อเป็นการไถ่โทษ อุดอู้อยู่กับความรู้สึกแบบนี้ไปได้ยังไงฝัน!”  หยาพูดไปร้องไห้ไป ขณะที่เพลง Beautiful ดังขึ้นเป็นเพลงที่ 3 ทั้งที่มันเป็นเพลงสดใสๆ น่ารักๆ แต่พวกเรากลับกอดคอกันร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม

            ฉันไม่รู้ว่าเรากอดคอกันร้องไห้นานเท่าไหร่ แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงของณัชสาวหล่อของวงเราดังเข้ากลางวง

            “พวกแกเป็นไรกันน่ะ”  ณัชขมวดคิ้วมองพวกฉันพร้อมกับท่าทางเหนื่อยหอบเหมือนเพิ่งผ่านการวิ่งในระยะทางไกลๆ มายังไงยังงั้น

            “พี่ณัช วิลล่าไม่รู้จะปลอบพี่ฝันยังไงแล้วนะคะ T^T”  วิลล่าโผเข้าไปหาณัชที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ข้างๆ มีเภตราและอึนพายืนมองพวกเราอยู่ เอ๊ะ! ที่กอดกันร้องไห้อยู่ตรงนี้มี 4 คน รวมกับพวกยัยณัชแบบนี้ก็ครบ 6 เลยสิ (รวมอึนพาแล้วก็เป็น 7 น่ะนะ) แล้วบีสท์ที่เราแยกกันประกบเป็นกลุ่มๆ นั่นล่ะ หายไปไหน O_o!

            “พวกแกมาที่นี่ได้ไง แล้วบีสท์ล่ะ”  ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง จะเกิดเรื่องเหมือนตอนที่อยู่ในผับไหมนะ [อันนี้เกิดตั้งแต่ Ep.1 แล้วนะคะ : Yib-z]

            “คุณมินนามารับไปแล้ว เพราะแฟนคลับจำได้ เดินตามเป็นโขยงเลย”  เภตราบอก

            “เสียดายจังนะ ดูยังไม่ทันจบเลย ได้กลับซะแล้ว”  ดอกหลิวพูดบ้าง

            “คนดังจะไปไหนมาไหนมันก็ลำบากแบบนี้แหละ”  ณัชพูดแล้วทำหน้าตาเซ็งๆ  “กลับเหอะ คนเยอะ อึดอัดจะแย่แล้วเนี่ย”

            “โอเค งั้นไปเอารถก่อนแล้วกัน...แกรอนี่นะ”  ประโยคสุดท้ายเภตราหันมาบอกฉัน

            “งั้นวิลอยู่เป็นเพื่อนพี่ฝันแล้วกันนะคะ”  วิลล่าเสนอตัวทันที

            “ไม่ เธอน่ะมานี่เลย ให้ยัยณัชอยู่กับแกก่อนแล้วกันนะฝัน”  เภตราพูดและตัดสินใจเสร็จสรรพ ซึ่งทุกคนก็ทำตาม

            “เพลง Beautiful จะจบแล้วนี่...อืม เดี๋ยวฉันมานะ”  ณัชพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปทันที

            “อ้าว ไปไหนอ่ะ...”  ฉันถามได้แค่นี้ ยัยณัชก็เดินหายเข้ากริบเมฆทันที ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เฟรชม็อบจบลงและทุกคนต่างเดินแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ฉันเลยตามยัยณัชไปไม่ทัน

            “ณัช!!...ณัช!”  ฉันร้องเรียกณัชผ่านผู้คนที่เดินสวนไปมา พร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ถ้าหากันไม่เจอทำไงเนี่ย กระเป๋าเงินกับมือถือก็อยู่บนรถยัยเภซะด้วยสิ -_-;;

            หมับ!

            ในระหว่างที่ฉันกำลังหลงอยู่ในดงประชาชนคนเฟรชม็อบก็มีมือใครสักคนจับเข้าที่ข้อมือฉัน ฉันหยุดฝีเท้าและหันไปมองเจ้าของมือนั้นทันที นายคนนี้ทำไมแต่งตัวคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน -_-?

            กางเกงสามส่วนสีดำและเสื้อยืดสีขาวดูเรียบง่าย มืออีกข้างที่ไม่ได้จับแขนฉันถือไมค์ลอยสีดำอยู่ในมือ หมวกแก็ปสีดำปิดทับผมสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าของเขาเอาไว้ ฉันเลยต้องก้มลงมองลอดใต้หมวกแก็ปนั้นอย่างสงสัย

            “โย!!...ซอบ”  ฉันลดวอลุ่มเสียงของตัวเองลงในคำว่า ‘ซอบ’ เพราะว่าคนที่มาจับมือฉันไว้คือโยซอบ บ้าไปแล้ว! นี่เขากล้ามายืนอยู่ในที่โล่งแจ้งแบบนี้ได้ยังไงกัน O_O!

            “ชู่~”  โยซอบทำท่าจุ๊ปาก แล้วขยิบตาให้ฉันทีหนึ่งพร้อมรอยยิ้มที่ดูสดใสจนฉันเผลอคิดไปว่าถ้าเกิดรอยยิ้มนี้เป็นของฉันคนเดียวก็คงจะดี...แต่ก่อนที่ความคิดของฉันจะล่องลอยไปไกลกว่านี้ ฉันก็ถูกดึงกลับคืนมาสู่โลกแห่งความจริงด้วยเสียงๆ นี้

            “จุ๊ๆๆ...เทส!”  เสียงทุ้มนุ่มๆ ดังขึ้นมาท่ามกลางผู้คนที่กำลังชุลมุน ฝีเท้าของบิวตี้ทุกคู่ดูเหมือนจะพร้อมใจกันหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียงแปลกปลอมนั้นให้ชัดถนัดหูยิ่งขึ้น

            “one...two...three เทส!”  เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนนับพันที่อยู่ตรงลานนี้ได้เป็นอย่างดี ขณะที่โยซอบออกแรงกระตุกเบาๆ ที่แขนของฉันเพื่อให้เดินตามเขาไป

            โยซอบพาฉันมาหยุดอยู่ที่ลานน้ำพุที่อยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่ฉันยืนอยู่ตอนแรก และฉันก็พบว่าตรงที่ฉันกำลังยืนอยู่ถูกกันคนออกไปเป็นวงกลมขนาดประมาณ 3 เมตร และมีม้านั่งสีขาว 1 ตัวตั้งอยู่กลางวง ทันทีที่ฉันกับโยซอบปรากฏตัว เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นลานและมีบางคนที่พยายามจะวิ่งเข้ามาในวงแต่ก็ถูกการ์ดเสื้อดำขวางเอาไว้ทำให้เข้ามาไม่ได้

            โยซอบจับฉันนั่งลงบนม้านั่งตัวนั้นแล้วถอดหมวกของตัวเองออกมาใส่ให้ฉัน อันนี้ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้อีกระรอกหนึ่ง หูฉันจะแตกก็คราวนี้แหละประเทศไทย =_=!

            เมื่อเสียงกรี๊ดซาลงบ้างแล้ว เสียงของดงอุนก็ดังขึ้นมาแทน พวกเขากำลังร้องเพลง You เอ...ปกติเขาจะเลือกแฟนคลับขึ้นไปบนเวทีด้วย 1 คนเวลาร้องเพลงนี้...อย่าบอกนะว่าฉันเป็นแฟนคลับที่พวกเขาเลือก ฉันเป็นแฟนคลับพวกนายที่ไหนกันเล่า O///O!

            ดงอุนเดินออกมาจากฝูงชนพร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยสายตาวิบวับจนแฟนคลับที่อยู่นอกวงกรี๊ดกันลิ้นไก่แทบแตก บางคนมองฉันอย่างอิจฉา บางคนมองฉันอย่างจิกแทงจนฉันไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้ว (_ _;)

            ท่อนต่อไปเป็นท่อนของกีกวัง ซึ่งเขาก็เดินออกมาจากนอกวงเหมือนกัน แต่ออกมาคนละมุมกับดงอุนนะ กีกวังเดินเข้ามาจับมือฉันแล้วนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ ที่มันว่างอยู่ และตรงนี้แฟนคลับก็พากันกรี๊ดใหญ่ นี่ตกลงมาดูนักร้องร้องเพลงหรือว่ามากรี๊ดแข่งกันเนี่ยพวกเธอ =_=;

            ต่อมาก็ฮยอนซึง เขาร้องเพลงท่อนของเขาแล้วเดินมาจับไหล่ของฉันจากข้างหลัง แล้วก้มลงมาข้างๆ จนแก้มแทบจะติดกันอยู่แล้ว นี่ๆ ใกล้มากไปแล้วพ่อคุณ -///-;

            และก็ถึงท่อนของโยซอบ เขาเดินเข้ามาแย่งที่นั่งของกีกวังไปนั่ง แล้วใช้มือโอบรอบไหล่ของฉันไว้ เอ่อ...ทำไมพอเป็นนายโยซอบแล้วหน้าฉันมันร้อนๆ กว่าคนอื่นอีกนะ -//////-!!

            พอถึงท่อนของดูจุน เขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ 1 ดอก เขายื่นมันให้ฉันแล้วมานั่งตรงที่วางแขนของม้านั่งอีกด้าน

            พวกเขาร้องสลับกันไปมาและจบด้วยจุนฮยอง ซึ่งเขาเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าตรงหน้าฉันพร้อมกับตุ๊กตาหมีเทดดี้แบร์ตัวเล็กๆ1 ตัวที่ถือการ์ดเล็กๆ สีชมพูอยู่ในมือ

            เมื่อจบเพลงโยซอบก็เดินมาส่งฉันให้กับทีมงานกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออยู่นอกวง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพี่มะนาวกับคุณมินนา พวกเขาพาฉันมาที่รถตู้ที่จอดอยู่ใกล้ๆ ระหว่างที่บีสท์กำลังกล่าวคำทักทายกับแฟนคลับของพวกเขาอยู่ รู้สึกว่าจะทำงานกันอย่างเป็นระบบจนเหมือนวางแผนกันไว้เลยนะ -_-

            แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิด ยัยณัชนั่งรออยู่ในรถตู้คันที่พี่มะนาวพาฉันมา พวกนี้เอาเวลาไหนมาวางแผนกันเนี่ย -_-?

            “แก...ไปไหนมาน่ะณัช อยู่ๆ ก็ลุกเดินออกมาเฉยเลย”  ฉันเข้าไปนั่งข้างๆ ณัชที่เบาะหลังสุดของรถตู้

            “ก็มาอยู่บนรถนี่ไง พี่มะนาวบอกว่าถ้าเพลง Beautiful จบ ให้ฉันเดินมาที่รถตู้”

            “แล้วทำไมไม่พาฉันมาด้วยล่ะ”  ฉันมองค้อนยัยณัชวงใหญ่ที่ไม่ยอมพาฉันมาด้วย

            “พอดีบีสท์อยากเซอร์ไพรส์แฟนคลับ แล้วยัยพวกนั้นก็อยากให้ของขวัญเธอ ผลเลย...ออกมาเป็นแบบนี้”

            “ของขวัญ?”

            “ก็หมีตัวนี้ไง...”  ณัชชี้มาที่ตุ๊กตาสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ในมือฉัน

            ฉันก้มลงมองมันอย่างชั่งใจก่อนจะจับการ์ดที่หมีถืออยู่ขึ้นมาดูเป็นอันดับแรก

            ‘ฝัน...อย่าโกรธพวกเราเลยนะที่ทำแบบนี้ พวกเราแค่อยากจะมอบของชิ้นนี้ให้แกเท่านั้นเอง แล้วก็ขอโทษที่พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่แกเปิดฟัง พวกเรากลัวจะร้องไห้อ่ะ พวกเราไม่ได้หวังให้แกกลับมาเข้าวง แค่อยากจะมอบความทรงจำดีๆ ไว้ให้ แค่นั้นเอง...’

            เนื้อหาในข้อความเหมือนบอกให้ฉันฟังอะไรบางอย่างจากหมีตัวนี้ ฉันหันไปมองณัชที่มองฉันตาแดงๆ ฉันเลยก้มลงมองตุ๊กตาแล้วกดลงไปที่ท้องของมันครั้งหนึ่งก่อนที่เสียงของหยาจะดังออกมาจากตัวหมี

            “เฝ้าฝัน...ฉัน...หยานะ เฮ้อ...จะบอกทำไมเนี่ย ยังไงแกก็ต้องจำเสียงได้อยู่แล้วใช่ไหม...”  ฉันเผลอยิ้มกับเสียงของหยาทั้งที่ก้อนน้ำตาก้อนแรกหยดลงบนตัวของตุ๊กตาแล้ว

            “ไม่รู้สิ...มันรู้สึกแปลกๆ นะเวลาที่มองไปมุมห้องซ้อมแล้วไม่เห็นแกนั่งอ่านหนังสือหน้าตาเครียดๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนั้นฉันจำได้ว่าแกมาใหม่ๆ แล้วฉันไปกวนแก แกวีนใส่ฉันได้หน้ากลัวมากเพื่อน ฮ่าๆๆๆ...เฮ้อ...ฉันคิดถึงแกนะเว้ยฝัน โชคดีนะเพื่อน...”  เสียงของหยาถูกตัดลงตรงนี้ และตามมาด้วยเสียงของดอกหลิว

            “ว่าไงฝัน...จำเสียงฉันได้เปล่าอ่ะ ฉันดอกหลิวนะ...อืม...จะพูดยังไงหว่า ไม่เตรียมมาอ่ะ มันรู้สึกโหวงๆ นะเวลาที่คิดว่าไม่มีแกแล้ว ถึงแกจะไม่ค่อยพูดแล้วก็ทำท่าซีเรียสเครียดโลกตลอดเวลา แต่แกรู้ไว้ด้วยว่าฉันก็รักแกไม่น้อยจากเพื่อนคนอื่นๆ เลย ฉันอยากฟังเสียงแกจังยัยหมอ...ไว้มาร้องเพลงด้วยกันอีกนะ...”  เสียงของดอกหลิวสั่นๆ ในช่วงท้าย ก่อนที่ยัยนั่นจะรีบตัดบทจบทันที ต่อมาเป็นเสียงของวิลล่า น้องเล็กของวงเรา

            “พี่เฝ้าฝัน คุณหมอสุดสวย...วิลไม่มีไรจะพูดถึงพี่เลยอ่ะ วิลงอนแล้ว หนีกลับประเทศไทยก่อนวิลเฉยเลย ไหนว่าจะกลับไปพร้อมกันไง...เฮ้อ...พี่ฝันคะ วิลรักพี่นะ เมื่อไหร่พี่จะกลับมาซะทีวิลคิดถึ๊งคิดถึง เวลาพวกเราป่วยก็ไม่มีใครดูแลพวกเราดีเหมือนตอนพี่อยู่เลย...วิลคิดถึงพี่นะคะ วิลอยากให้เรา...กลับมาอยู่ด้วยกันอีกจังเลย...”  วิลล่าพูดจบ เสียงของณัชก็ดังขึ้นมา ฉันเลยหันไปมองเจ้าของเสียงที่นั่งน้ำตาร่วงอยู่ข้างๆ

            “...ฝัน ฉันณัชนะ...”  ฉันยิ้มให้ณัช เมื่อเสียงของณัชรายงานตัวจบ  “ตอนนี้พวกเราทั้งหมดสบายดี แกไม่ต้องห่วงอะไรนะ ทำสิ่งแกเลือกให้ดีที่สุด ส่วนความฝันและความหวังของแกพวกฉันจะสานต่อให้เอง...แกสบายใจได้ พวกฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังเลย ฉันรู้ว่าทางที่แกเลือกมันเหงามาก แต่ก็อยากบอกแกไว้ว่าทางนี้ก็เหงามากเหมือนกันเวลาที่ไม่มีแก แต่ยังไงก็ขอให้แกโชคดีนะ...”  ฉันมองเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วร้องไห้ออกมายิ่งกว่าเดิม ก่อนที่ฉันจะปล่อยโฮออกมาเสียงของเภตราก็ดังขึ้น

            “เฝ้าฝัน...แกเคยบอกฉันให้ฉันเจียมตัว แล้วก็ให้ตัดใจจากดูจุนซะ แต่ฉันทำไม่ได้ ขอโทษจริงๆ ที่ฉันจะบอกว่า...ตอนนี้ฉันกำลังคบกับดูจุนอยู่ แกคงไม่โกรธฉันนะ...”  เรื่องแรกที่เภตราพูดกับฉัน เป็นเรื่องที่ฉันคิดจะถามอยู่แล้ว ยัยโง่เอ้ย! ฉันจะโกรธเธอได้ไงเล่า

            “ไม่เป็นไรหรอก...ฉันไม่โกรธแกหรอก ไม่เป็นไร...”  ฉันส่ายหน้าไปมากับตุ๊กตาตัวนั้นเหมือนกับคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียว เสียงจากตุ๊กตาเงียบไปนานมาก ก่อนที่เสียงของเภตราจะดังขึ้นมาอีกครั้ง

            “...ฝัน...แกเป็นไงบ้าง สบายดีใช่ไหม...ฉันกับเพื่อนคนอื่นสบายดี แต่ที่นี่หนาวไปหน่อยนะฉันไม่ชอบอากาศหนาวเอาซะเลย ภูมิแพ้ขึ้นตลอด ยาแก้แพ้ที่แกให้ฉันไว้มันก็จะหมดแล้วด้วย...เฮ้อ...นานเท่าไหร่แล้วเนี่ยที่ไม่ได้ยินเสียงบ่นของแก...เฝ้าฝัน แกเหงาไหม? ฉันทำไมเหงาจังวะ คิดถึงแกนะเว้ย เป็นห่วงด้วย อย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนลืมพักผ่อนล่ะ...ไม่ว่ายังไง อยากให้แกจำไว้ว่าแกยังมีพวกเรา โชคดี...เพื่อน...”  เสียงเภตราจบลง ฉันกอดตุ๊กตาตัวนั้นแน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายใคร เพื่อนของฉัน...พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน เรามีความฝันร่วมกันมานานฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันก็มาก...แต่ฉันเหมือนกับทิ้งพวกเขาให้ลอยคออยู่กลางทะเลแล้วขึ้นฝั่งมาคนเดียว ฉันทำได้ยังไง...ฉันทำได้ยังไง!!!

            “ฝัน...พวกฉันไม่ได้ต้องการจะตอกย้ำความรู้สึกผิดของแกให้มันหยั่งรากลึกกว่าเดิมนะ...แต่ที่พวกเราทำเพราะพวกเราอยากจะปล่อยแกให้หลุดพ้นจากความรู้สึกพวกนี้ต่างหาก พวกเราแค่อยากให้แกรู้...ว่าพวกเราสบายดี และแกก็ไม่ต้องเป็นห่วง...เลิกโทษตัวเองได้แล้ว ทั้งเรื่องออร์ดิชั่นคราวก่อน ทั้งเรื่องที่แกถอนตัวออกมา แกไม่ได้ผิดเว้ย...ไม่มีใครผิดทั้งนั้น เลิกโทษตัวเองได้แล้ว”  ณัชดึงฉันเข้าไปกอด นี่ถือว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ฉันเคยได้ยินจากปากณัชเลยล่ะ มันเป็นคำปลอบใจที่ได้ผลมากเลยทีเดียว...

            แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดีที่ต้องทำให้ห่วงและคิดถึงอยู่แบบนี้...ฉันจะทำยังไงต่อไปดีนะ

            “แต่กลับเข้าวงมาก็ดีนะ จะได้ลองร้องแบทเทิ้ลกัน ^O^”  โยซอบพูดแทรกเข้ามาหลังจากที่ฉันกับณัชเลิกร้องไห้แล้ว

            “ใช่ คงจะเพราะน่าดู ^^”  พี่มะนาวหันมาสมทบจากเบาะข้างคนขับ

            “นี่พวกเธอ...กิ๊กกันอยู่รึเปล่าเนี่ย กอดกันกลมเชียว”  ฮยอนซึงหันมามองฉันสลับกับณัชด้วยสายตาแปลกๆ

            “ไม่ใช่ซะหน่อย -_+!”  ณัชมองฮยอนซึงตาขวางๆ เมื่อกี๊ยังเศร้าอยู่เลย เข้าโหมดโหดซะแล้วเพื่อนฉัน -_-;

            “แล้วกุหลาบนี่ล่ะ พวกแกก็ให้ฉันด้วยหรอเนี่ย ^^”  ฉันยกกุหลาบสีขาวนั้นขึ้นมาดู มีรอยช้ำนิดนึงแล้วนะเนี่ย สงสัยเผลอจับแรงตอนร้องไห้แน่ๆ เลย Y.Y

            “เปล่านะ พวกฉันให้แค่ตุ๊กตา”  ณัชมองกุหลาบดอกนั้นพร้อมกับทำหน้าตาปฏิเสธเต็มที่

            “อ้าว นายเอามาจากไหนหรอดูจุน”  ฉันหันไปถามดูจุน ซึ่งเขาเป็นคนยื่นให้ฉันเอง

            “มีคนฝากมาให้เธอน่ะ ^^”  ดูจุนหันมาบอกฉัน แล้วหันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ ของยัยเภตรารึเปล่านะ ส่งมาไถ่โทษที่ไม่ยอมบอกเรื่องที่คบกับนายดูจุนรึเปล่า -_-?

 

 

 

 

 

*********************************

อีกตอนนะคะ ^_^

*********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา