[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13) [Episode 2 :: Brighter Lover] # Chapter 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 2 Brighter Lover

:: Chapter 1 ::

 

            วี๊หว่อ!!...วี๊หว่อ!!...

            เสียงหวีดไซเลนรถพยาบาลส่งเสียงแหวกทางบนถนนที่แน่นขนัดไปด้วยรถจำนวนมากที่จอดกีดขวางอยู่เพราะอุบัติเหตุครั้งใหญ่ทำให้รถชนต่อกันถึง 10 คัน

            หน่อยกู้ภัยและรถพยาบาลทยอยนำผู้บาดเจ็บไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและฉันที่เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกงาน ก็ต้องไปช่วยเขาขนส่งคนไข้ด้วยเช่นกัน

            ตอนนี้เวลา 01:00 น. ซึ่งมันตรงกับเวรดึกที่ฉันกำลังขึ้นฝึกงานอยู่พอดิบพอดี งานเข้าเลยฉัน =_=;; (การอยู่เวรมีดังนี้ค่ะ เวรดึก = 00:00 น. - 08:00 น. / เวรเช้า = 08:00 น. - 16:00 น. / เวรบ่าย = 16:00 น. - 00:00 น. บอกไว้ก่อนค่ะเดี๋ยวจะงง ^^)

            “น้องเฝ้าฝันคะ ช่วยไปดูอาการคนไข้ให้พี่หน่อยได้ไหมคะ อยู่ห้องพิเศษ 112 เดี๋ยวพี่เตรียมเซ็ททำแผลแล้วจะตามเข้าไป”  พี่เอิงเอย พยาบาลหัวหน้าวอร์ด (วอร์ด = ตึกผู้ป่วยค่ะ) บอกฉันอย่างรีบร้อน

            “อ้าว! ทำไมไม่ไปอยู่ห้องฉุกเฉินล่ะคะ มาทำไมบนตึก”  ฉันถาม ก็มันจริงๆ นี่ น่าจะทำแผลทำอะไรให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะขึ้นมาตึกผู้ป่วยนะ

            “คนนี้ คนพิเศษน่ะจ้ะ”  พี่เอยบอกก่อนจะรีบร้อนเดินเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ จะพิเศษขนาดไหนกันเชียว -_-

            ฉันเดินไปตามทางเดินที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายและนักข่าวจากหลายๆ สำนักที่มายืนออกันอยู่ตามระเบียงทางเดิน มันไม่แปลกเลยที่จะมีคนมาทำข่าวอุบัติเหตุใหญ่ขนาดนี้ แต่ที่น่าแปลกก็ตรงที่มีสำนักข่าวบันเทิงมาด้วยนี่สิ...เอ หรือว่ามีดาราได้รับบาดเจ็บด้วย O_O

            “เอ่อ...ขอทางหน่อยค่ะ”  ฉันส่งเสียงขอทางนักข่าวที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องพักหมายเลข 112 ที่พี่พยาบาลให้ฉันมาดูอาการ

            ด้วยชุดกราวด์ที่ใส่ทำให้ทุกคนแหวกทางเดินให้ และทันทีที่ได้ทางฉันก็รีบผลักประตูเข้าไปด้านในทันที พอประตูห้อง 112เปิดเท่านั้นแหละ นักข่าวก็รีบกดชัตเตอร์รัวเข้ามาในห้อง จนระเบียงแถวนี้ไม่ต้องเปิดไฟสักดวงยังได้

            “รีบๆ ปิดเร็วสิ!”  พี่เอื้อง พี่หมอประจำแผนกตะโกนบอกฉันแข่งกับเสียงชัตเตอร์และเสียงกรี๊ดเบาๆ ของเหล่าผู้คนที่มายืนรออยู่หน้าห้องพัก

            “อะไรกันคะพี่เอื้อง”  ฉันถามพี่เอื้องเมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้ว

            “ก็...นี่ไง ฝันรู้จักป่ะ?”  พี่เอื้องพูดแล้วหลีกทางให้ฉันได้เห็นหน้าคนไข้ ‘คนพิเศษ’ ชัดๆ

            “โย...โยซอบ...”  ฉันพูดออกมาได้แค่นั้น เพราะฉันอึ้งยิ่งกว่าเห็นคนโดนปังตอสับหัวมาซะอีก...ฉันไม่นึกว่าจะได้เจอกับเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ ความรู้สึกเก่าๆ ที่ฉันแทบจะลืมมันไปหมดแล้วเริ่มหวนกลับคืนมาในความทรงจำของฉันอีกครั้ง...ความทรงจำที่มีความสุขที่สุดของฉัน

            “ชื่อโยซอบหรอ?...พี่รู้แค่ว่าเป็นนักร้องเกาหลี แต่พี่ไม่รู้จักชื่ออ่ะ”  พี่เอื้องพูด  “เอ...เมื่อไหร่จะมาทำแผลนะช้ามากเกินไปแล้ว เดี๋ยวพี่ไปเร่งหน่อยดีกว่า น้องฝันกดแผลไว้ให้พี่หน่อยจ้ะ อ๊อฟเซิร์ฟอาการรอด้วยนะ”  พี่เอื้องบอกให้ฉันคอยสักเกตอาการและให้ฉันไปกดแผลที่ศีรษะเอาไว้ ฉันค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้ๆ เตียงผู้ป่วยที่โยซอบนอนสลบอยู่ แล้วใช้มือกดผ้าขนหนูโชกเลือดไว้เพื่อปิดปากแผลห้ามเลือด ก่อนที่พี่เอื้องจะรีบวิ่งออกไปนอกห้อง

            “นายมาได้ไงเนี่ย”  ฉันพูดกับโยซอบที่ยังสลบอยู่เบาๆ ฉันรู้สึกใจหายนะ จากคนที่เคยดูสดใสตลอดเวลากลับต้องมานอนสลบอยู่แบบนี้

            ภาพต่างๆ ที่ฉันเคยอยู่โรงเรียนดนตรีคังยู เคย cover เพลงของบีสท์ เคยไปออร์ดิชั่นที่เกาหลี และใบหน้าของเพื่อนวงBeast Girl Band ก็หวนกลับมาในความทรงจำของฉันอีกครั้ง ผ่านมาเกือบปีแล้วสินะ...

(ใครที่เพิ่งจะอ่าน Ep. ของโยซอบ ถ้าอยากทราบว่าเรื่องราวของ ‘Beast Girl Band’ เป็นยังไง ลองไปอ่าน Ep.1 ดูนะคะ ^_^)

            หลังจากดูแลทำแผลให้คนไข้ ‘คนพิเศษ’ เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้รับมอบหมายหน้าที่อันสูงส่งคือการนอนเฝ้าโยซอบเพื่อสังเกตอาการต่อ และเพราะฉันพูดภาษาเกาหลีได้เขาเลยโยนหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวกับโยซอบให้ฉันทั้งหมด เป็นนักศึกษาฝึกงานก็งี้แหละ =_=;

            “มีอะไรก็เรียกพี่เลยนะคะ เดี๋ยวพี่เคลียร์นักข่าวข้างนอกห้องให้”  พี่หัวหน้าวอร์ดพูด แต่ก่อนที่พี่เขาจะเดินออกไป ก็มีผู้มาใหม่อีก 6 คนเดินเข้ามาในห้อง

            “ไม่นะ!”  เสียงผู้หญิงคนหนึ่งสบถเบาๆ เมื่อเดินมาถึงเตียงผู้ป่วย

            นั่น...คุณมินนา ผู้จัดการวงบีสท์นี่นา O_o! แล้วนั่น...บีสท์ทั้งวงเลย! O_O! พวกเขาสวมชุดคนไข้กันทุกคน ยกเว้นคุณมินนาที่มีแค่แผลถลอกตรงข้อศอกและขาเท่านั้นจึงยังใส่ชุดธรรมดาอยู่

            สภาพของบีสท์ทั้ง 5 คนและคุณมินนาต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันท่วนหน้า แต่ที่หนักๆ ก็จะมี ฮยอนซึงแขนข้างซ้ายหัก ดูจุนข้อมือหัก และกีกวังขาข้างขวาท่อนล่างหัก แต่รวมๆ แล้วทุกคนสภาพโอเคกว่าโยซอบที่นอนอยู่บนเตียงเยอะมาก ทำไมโยซอบอาการหนักอยู่คนเดียวล่ะ =_=?

            “เธอ o_o!”  ฮยอนซึงชี้นิ้วมาที่ฉันด้วยความตกใจ ทำให้ทุกคนที่มาใหม่หันมามองฉันเป็นตาเดียว

            “เฝ้าฝัน”  กีกวังพูดชื่อของฉันออกมาคนแรก ขอบใจนะที่จำชื่อฉันได้ =_=;

            “เอ่อ...สวัสดีค่ะ”  ฉันทักทายด้วยภาษาเกาหลีแบบกึ่งทางการหน่อยๆ ก็คนมันไม่ได้เจอกันมาเกือบปี จะให้ทักแบบสนิทสนมเลยมันก็แปลกๆ อ่ะฉันว่า -_-

            “อ้าว! รู้จักกันหรอกหรอ โล่งอกจัง...งั้นพี่ฝากด้วยนะจ้ะ ^^”  พี่หัวหน้าวอร์ดพูดกับฉัน ก่อนจะโค้งตัวลงเล็กน้อยให้กับบีสท์และคุณมินนาแล้วเดินออกจากห้องไป

            ทิ้งกันซะงั้น =_=;;

            “หลังจากวันออร์ดิชั่นก็ไม่เจอกันเลย กะจะไม่กลับไปเกาหลีอีกเลยรึไง เพื่อนเธอก็อยู่ที่โน่นตั้งห้าคนแน่ะ”  คุณมินนาเข้ามาจับมือฉันเขย่าๆ แล้วก็พูดรัวๆ จนฉันหาช่องพูดไม่ได้สักคำ -_-;

            “พอดีฝันต้องฝึกปฏิบัติงานน่ะค่ะ เลยขอกลับมา...”

            “แล้วนี่จะกลับไปเกาหลีไหม ฉันเสียดายเสียงเพราะๆ ของเธอจัง T^T”  คุณมินนาพูดไปน้ำตาซึมไป

            “เอ่อ...ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นหรอคะเนี่ย ทำไมเกิดอุบัติเหตุขนาดนี้ล่ะคะ”  ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามของคุณมินนาโดยการถามกลับ คุณมินนาซึ่งกำลังสติหลุดก็ยอมเล่าให้ฉันฟังโดยดี โดยที่ไม่คะยั้นคะยอให้ฉันตอบคำถาม

            “อุบัติเหตุก็เกิดจากรถของพวกเรานี่แหละ Y_Y”  คุณมินนาพูด แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน

            “ว่าไงนะคะ o_o!” 

            “รถของพวกเราเสียหลังไปชนกับรถบรรทุก รถคันอื่นที่ตามมาเลยเบรกไม่ทัน...”

            “รถของพวกเราโดนตัดสายเบรก”  อยู่ๆ ดูจุนก็พูดขึ้น ทำให้ทั้งห้องเงียบไป

            “งั้น...ที่บอกว่า พวกนายโดนปองร้ายก็...เป็นเรื่องจริง” 

            “พวกเราปิดข่าวเรื่องนี้อยู่ แต่...เธอรู้ได้ยังไง”  ดูจุนถาม พร้อมกับสายตาของทุกคนในห้องที่มองฉันเป็นตาเดียว

            “คือ...เภตราบอกฉันน่ะ”  ฉันยิ้มแหยๆ ให้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น เภตราคือเพื่อนที่ coverมาด้วยกันค่ะ ตอนนี้ไปออร์ดิชั่นที่เกาหลีจนเกือบจะได้เดบิวต์แล้ว

            “แล้วทำไมโยซอบอาการหนักกว่าเพื่อนล่ะคะ”  ฉันถามต่อเมื่อเห็นว่าห้องเงียบไปนานแล้ว

            “รถชนเข้าด้านที่โยซอบนั่งพอดี”  จุนฮยองตอบฉันสั้นๆ แล้วทั้งห้องก็เงียบไปอีกครั้ง

            “แต่เรื่องนี้ก็เงียบหายไปนานแล้วนี่ พวกนั้นยังไม่เลิกอีกหรอ”

            “ฉันว่าพวกมันไม่เลิกง่ายๆ หรอก”  ฮยอนซึงพูด ทำให้หน้าตาของทุกคนยิ่งเครียดเข้าไปอีก

            ครืดๆๆ

            โทรศัพท์ของฉันสั่นเบาๆ ในกระเป๋าเสื้อกราวด์ ฉันเห็นว่าเป็นเบอร์ของเภตราเลยกดรับสาย

            “ฮัล...”  พอฉันรับสายก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนี้ เพราะว่าโดนยัยเภซัดคำถามมาใส่เต็มที่

            [ฮัลโหลๆ นี่ยัยฝัน ฉันได้ข่าวมาว่าบีสท์ประสบอุบัติเหตุหรอ แล้วเป็นไงบ้าง มีใครเป็นไรไหม บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า แล้วเจ็บกันมากไหม อาการหนักรึเปล่า แล้ว...]

            “พอเลยๆ แกถามฉันมาขนาดนี้แล้วฉันจะตอบแกยังไง ใจเย็นๆ ดิ” 

            [ฉันไม่ได้เป็นหมอแบบแกนี่นาจะได้ใจเย็นอยู่ได้อ่ะ ว่าไงบอกมาเร็ว แกฝึกงานอยู่โรง’บาลนั้นไม่ใช่หรอ]

            “ใช่ ฉันฝึกงานอยู่โรงพยาบาลนี้ แล้วพวกเขาก็พักอยู่โรงพยาบาลนี้ด้วย”  ฉันพูดไปก็เหลือบมองบีสท์ไป เพราะว่าตอนนี้พวกเขามองฉันอย่างสนใจมากๆ เสียงยัยเภตราต้องลอดออกไปแน่ๆ เลย พูดเสียงดังขนาดนี้ =_=;

            [เออ...แล้วไงๆ]  เภตราถามย้ำอย่างกระตือรือร้น จนฉันรู้สึกแปลกๆ ยัยเภตราที่ปกติดูเป็นคนเย็นๆ แล้วก็ชอบเก็บอาการ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก พอรู้ว่าบีสท์ประสบอุบัติเหตุทำไมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้

            “ที่น่าเป็นห่วงก็คือโยซอบ เขาขาข้างซ้ายหักแล้วก็มีแผลบนศีรษะสลบคาที่เกิดเหตุ แต่โชคที่ผลเอ็กซเรย์สมองไม่มีอะไรผิดปกติ ฮยอนซึงแขนข้างซ้ายหัก กีกวังขาข้างขวาท่อนล่างหัก แล้วก็ดูจุน...ข้อมือซ้ายหัก”  ฉันเก็บดูจุนไว้เป็นคนสุดท้าย เพราะฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ยัยเภอย่าบอกนะว่าแกกับดูจุน...

            แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ ทันทีที่ฉันบอกว่าดูจุนข้อมือหัก เภตราก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แบบโล่งอกสุดๆ...จริงๆ สินะยัยเภ แล้วทำไมแกไม่เห็นจะบอกฉันเลยล่ะ -_-!

            [ฉันล่ะห่วงแทบแย่ ติดต่อใครไม่ได้เลยสักคน]  ยัยเภบ่น =_=

            [อุ๊ย! เดี๋ยวฉันโทรไปใหม่นะ...ตู๊ด ตู๊ด...]  แล้วสายก็ตัดไป ฉันเลยเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

            “เภตราโทรมาน่ะ”  ฉันบอกพวกเขาที่กำลังมองฉันอย่างตั้งใจ ทุกคนพยักหน้าส่วนดูจุนมีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมานิดหน่อยโดยการล้วงมือถือตัวเองขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะสบถออกมาเบาๆ ว่า ‘แบตหมด’

            สรุปว่ามีอะไรในกอไผ่จริงๆ ใช่ไหมเนี่ยคู่นี้ =_=!

            หลังจากเคลียร์นักข่าวออกได้หมดแล้ว คุณมินนาก็ให้บีสท์ที่เหลือ 5 คนกลับไปห้องพักของตัวเองที่อยู่ชั้นเดียวกัน โดยคุณมินนาเป็นคนเฝ้าโยซอบด้วยตัวเอง ฉันเลยขอตัวออกมาที่ nurse station สักพักเพื่อเปิดดูประวัติและผลการตรวจของโยซอบว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงอีกไหม

            “น้องฝันคะ พี่ได้ข่าวว่าบีสท์ประสบอุบัติเหตุหรอ...แล้วเป็นไงบ้างคะ อาการน่าเป็นห่วงไหม >.<”  พี่ฟิน พี่พยาบาลที่กำลังวัดความดันอยู่รีบเดินมาถามฉันทันทีที่เดินผ่าน เห้อๆ ลืมไปว่าพี่คนนี้คลั่งเกาหลี -_-;

            “เอ่อ...ก็ไม่น่าเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้โยซอบก็พ้นขีดอันตรายแล้ว”  ฉันตอบแล้วยิ้มบางๆ ให้พี่ฟินที่ทำท่าโล่งอก

            “เฮ้อ...พี่เสียดายจัง ถ้าพี่พูดภาษาเกาหลีได้พี่คงได้ไปดูแลบีสท์แล้ว อิจฉาน้องฝันชะมัดเลย >o<//”

            “แฮ่ๆ งั้นถ้ามีอะไรฝันจะเรียกพี่ฟินไปด้วย ดีไหมคะ ^^;”

            “จริงหรอ...อ๊ายๆ ดีจังเลย ต่อไปพี่จะภาวนาให้เวรเราตรงกันนะจ้ะ >O<//”  พี่ฟินทำท่าดี๊ด๊าใหญ่ ฉันเลยขอตัวไปก่อนเพราะกลัวว่างานพี่เขาจะไม่เสร็จเพราะมัวแต่คุยกับฉัน -_-;

           

            เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนเปลี่ยนเวร ฉันเดินเข้าไปในห้องพักของโยซอบพร้อมพี่ฟิน และเครื่องวัดความดันกับปรอทเพื่อวัดสัญญาณชีพตามปกติ (สัญญาณชีพประกอบด้วย อุณหภูมิร่างกาย, ชีพจร, อัตราการหายใจ, ความดันโลหิตค่ะ)

            แต่รู้สึกว่าวันนี้พี่ฟินจะจับชีพจรนานกว่าปกติ จนคุณมินนามองแล้วมองอีก เฮ้อ...เห็นแล้วอายแทน =_=;

            “เดี๋ยวฝันขอตัวกลับไปอาบน้ำก่อนนะคะเดี๋ยวฝันจะแวะมาใหม่ พอดีหมดเวรแล้วน่ะค่ะ”  ฉันบอกคุณมินนาที่นั่งเอียงคอมองฉัน

            “แต่พี่เห็นเฝ้าฝันยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่หรอ ไม่ต้องมาก็ได้เดี๋ยวมะนาวก็มาแล้ว”  คุณมินนาพูดถึงพี่มะนาวที่เคยเป็นพี่เลี้ยงของฉัน พี่มะนาวคนนี้ก็พูดภาษาเกาหลีได้เหมือนกันค่ะ

            “อ๋อ ค่ะ งั้นเดี๋ยวฝันนอนพักแล้วจะแวะมานะคะ”  ฉันพูดแล้วขอตัวกลับ

            “ขอบใจมากนะคะน้องฝัน ได้จับมือโยซอบด้วยอ่ะ >///<”  พี่ฟินเต้นเร่าๆ ทันทีที่เดินออกจากห้องของโยซอบ...พี่ๆ นั่นมันผิดจรรยาบรรณรึเปล่าน่ะ คิดกับคนไข้แบบนั้นไม่ดีนะคะ =_=;

            “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ^^;”

            “กลับบ้านดีๆ นะคะ”  พี่ฟินพูดแล้วแยกกลับไปที่ nurse station ฉันเลยเดินกลับไปห้องที่วางกระเป๋าสะพายเอาไว้เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แต่อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาชนฉันแรงมากจนฉันเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น

            “โอ๊ย!!”  ฉันร้องทันทีที่ก้นกระแทกพื้น เดินไม่ดูคนเลยรึยังไงนะ!

            “Oh!!...I’m sorry”  ผู้ชายคนนั้นรีบเดินเข้ามาพยุงฉันลุกขึ้น ฉันเงยหน้ามองคู่กรณีเพราะว่าเขาพูดภาษาอังกฤษ โธ่เอ้ย!ใส่หมวกปิดหน้าขนาดนั้นจะมองเห็นทางได้ไงล่ะ ฉันกะว่าจะด่าสักหน่อย แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไทยนะ

            “เอ่อ...”  ฉันส่งเสียงออกไปเมื่อมองช้อนใต้หมวกแล้วรู้สึกคุ้นๆ ตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ว่ามันคิดไม่ออก -_-?

            ทันทีที่เราสบตากัน ผู้ชายคนนั้นก็รีบดึงปีกหมวกแก๊ปลงมาและสวมแว่นดำก่อนจะขอตัวเดินแยกไปอีกทาง แต่หน้าผู้ชายคนนั้นมันคุ้นจริงๆ นะ ผิวก็ขาวเหมือนมีออร่าอะไรสักอย่างแบบที่คนธรรมดาเขาไม่มีกัน...ดารารึเปล่านะ? ถ้าเป็นดาราฉันต้องจำได้สิ -_-?

            “หรือว่าเพื่อนดาราเกาหลีจะมาเยี่ยมบีสท์?”  ฉันสบถอยู่คนเดียว แต่พอคิดได้แล้วหันกลับไป ผู้ชายคนนั้นก็เดินหายไปแล้ว ก้มหน้าก้มตาเดินไม่ถามใครแบบนั้นจะหาห้องเจอไหมล่ะน่ะ =_=;

            “ช่างเขาเถอะ”  ฉันเลิกสนใจผู้ชายผิวขาวออร่าคนนั้นแล้วเตรียมตัวกลับบ้าน เฮ้อ...คิดถึงเตียงชะมัด ง่วงมากเลยอ่ะ #_#;

           

            หลังจากที่กลับบ้านและหลับไปฉันก็ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่าย 2 โมง เพราะว่าพี่เอื้องโทรมา อะไรอีกล่ะเนี่ย -_-;

            “สวัสดีค่ะพี่เอื้อง”  ฉันกดรับสายแต่ยังนอนอยู่บนเตียงอยู่

            [เฝ้าฝัน ถ้าพี่จะให้มาโรงพยาบาลตอนนี้จะสะดวกไหมจ้ะ]  พี่เอื้องพูดรวดเดียวจบ ฉันอยากจะตอบออกไปใจจะขาดว่า‘ไม่สะดวก’ แต่ฉันก็ต้องตอบออกไปว่า...

            “อ๋อ ได้ค่ะพี่ =_=” 

            เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะว่าพี่เขามีส่วนในการให้คะแนนในการฝึกปฏิบัติงานของฉันน่ะสิ Y_Y;

            ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบตรงดิ่งไปที่ห้องพักของโยซอบทันที เพราะพี่เอื้องบอกว่าให้มาบอกญาติผู้ป่วยว่าต้องสังเกตอาการและดูแลผู้ป่วยยังไง ซึ่งญาติในที่นี้ก็คือคุณมินนานั่นเอง =_=

            นอกจากจะเป็นหมอแล้ว ฉันยังต้องเป็นล่ามให้หมออีกทีหนึ่งด้วย สมควรได้คะแนนคูณสองนะฉันเนี่ย -_-;

            “ก็อย่างที่ฝันบอกไปเมื่อกี๊นะคะ ไม่ทราบว่าเข้าใจไหม”  ฉันถามคุณมินนาที่นั่งฟังฉันอย่างตั้งอกตั้งใจ

            “เข้าใจจ้ะ ^^”

            “แล้วนี่ พี่มะนาวไปไหนล่ะคะ ไหนว่าจะมาเฝ้าเป็นเพื่อนไง”  ฉันพูดแล้วกวาดตามองไปทั่วห้องเพราะหวังว่าจะเจอพี่มะนาวในมุมใดมุมหนึ่ง

            “มะนาวไปทำธุระให้นาบีน่ะจ้ะ ไปตั้งแต่เช้า บอกว่าจะกลับมาช่วงเย็นๆ”

            “อ๋อ”  ฉันพยักหน้ารับ

            “เอ่อ...จะว่าอะไรไหมถ้าพี่จะรบกวนอะไรสักอย่าง”  คุณมินนาพูดแล้วทำหน้าตาลำบากใจ

            “อะไรหรอคะ?” 

            “คือว่าพี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า เลยอยากขอให้เฝ้าฝันอยู่เฝ้าโยซอบแป๊บนึงได้ไหม?” 

            “เอ่อ...”  ฉันส่งเสียงพร้อมกับหันไปมองโยซอบที่ยังนอนสลบอยู่ “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฝันเฝ้าให้”

            “อุ๊ย ขอบใจมากจ้ะ ^_^”  คุณมินนาพูดแล้วรีบเก็บข้าวของและเดินออกจากห้องไป ดูท่าทางคงจะหิวจัดจริงๆ =_=

            ฉันไม่มีอะไรทำเลยเดินไปดูแผลของโยซอบใกล้เพราะฉันเห็นมีเลือดซึมๆ ออกมาจากแผลบริเวณศอกซ้ายเพราะเมื่อคืนฉันเห็นพี่เอื้องเย็บไปหลายเข็ม สงสัยถูกกระจกบาดมาล่ะมั้ง

            “เฮ้อ...คอแห้งจัง...หอน้ำหน่อยครับ”  อยู่ๆ โยซอบก็ขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่

            “นี่นาย!...นี่! โยซอบ!! ตื่นรึยัง...รู้สึกตัวไหม”  ฉันรีบเข้าไปเขย่าตัวของโยซอบเพื่อกระตุ้นให้รู้สึกตัวมากขึ้น

            “ตื่นแล้วครับๆ...ผมขอน้ำหน่อยได้ไหม”  เสียงแหบพล่าของโยซอบตอบคำถามฉันได้ถูกต้อง ฉันเลยรีบไปรินน้ำมาให้เขาดื่ม

            “เฮ้ย! เฝ้าฝัน!!”  เขาร้องออกมาหลังจากที่รับน้ำจากฉันไปดื่ม ทำให้ฉันยิ่งมั่นใจว่าเขารู้สึกตัวดีแล้ว

            ฉันเรียกพี่เอื้องมาดูอาการ พี่เอื้องบอกว่าโยซอบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ถือว่าเขาโชคดีมากที่รอดจากอุบัติเหตุใหญ่ขนาดนี้มาได้และไม่เป็นอะไรเลยนอกจากมีบาดแผลภายนอก...ฉันก็ว่างั้นนะ หัวกระแทกขนาดนี้ ส่วนมากก็พิการไม่งั้นก็สมองเสื่อม แต่หมอนี่ไม่เป็นไรเลยดวงแข็งชะมัด

            “ต่อไปนี้ก็ฝากดูแลด้วยนะจ้ะ คงจะเหนื่อยหน่อยแต่ถือซะว่าช่วยโฆษณาโรงพยาบาลไทยแล้วกัน เขาจะได้เอาไปพูดต่อว่าเราเอาใจใส่คนไข้ดีขนาดไหน ^^” พี่เอื้องพูดก่อนจะเดินออกไป ถ้าอยากให้หนูดูแลคนไข้ดีๆ งั้นก็ให้คะแนนหนูเยอะๆ สิคะ T^T

            “มียาแก้ปวดไหม ฉันปวดหัวจังเลย”  โยซอบพูดขึ้น ฉันเลยละสายตาจากบานประตูที่พี่เอื้องเพิ่งเดินผ่านออกไปกลับมาสนใจคนไข้ที่นอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียง

            “อ๋อ มีสิ”  ฉันพูดแล้วเดินไปหยิบยาแก้ปวดที่พี่เอิงเอยวางเตรียมเอาไว้ให้

            “ขอบใจนะ ^^”  โยซอบยิ้มให้ฉันทั้งๆ ที่สีหน้าอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด นายไม่ต้องขยันยิ้มขนาดนั้นก็ได้นะโยซอบ -_-;

            “ไม่เป็นไร นายนอนพักเถอะ ถ้าข้าวเย็นมาเดี๋ยวฉันจะปลุก”  ฉันบอก โยซอบเลยพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ แล้วก็เงียบไป

            “เฮ้อ...หลับง่ายดีเน๊อะ”  ฉันสบถกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกใกล้ๆ แต่ตอนนั้นเองที่สายตาของฉันไปสะดุดตรงกระจกใสที่อยู่บนประตูหน้าห้องพัก ตรงนั้นมีใครสักคนกำลังแอบมองเข้ามาในห้อง สวมหมวกแก๊ปและแว่นกันแดดสีดำ...

            “ใครน่ะ”  ฉันร้องถามก่อนจะเดินไปที่ประตู แต่พอเดินมาถึงผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว...ถ้าฉันจำไม่ผิด คนเมื่อกี๊เป็นเดียวกับที่เดินชนฉันเมื่อเช้านี้ไม่ใช่หรอ?

            “อ้าว! เฝ้าฝัน”  ดูจุนเดินมาที่ประตูห้องตอนที่ฉันเปิดประตูออกไปพอดี

            “ทำไมหายไปไวนักนะ”  ฉันสบถกับตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วกวาดตามองไปทั่วทั้งระเบียงทางเดิน

            “เธอมองหาใครหรอ?”  ดูจุนถามพลางมองไปที่ระเบียงตามฉัน

            “เมื่อกี๊นายเห็นคนใส่แว่นกันแดด ใส่หมวกแก๊ปเดินผ่านไปรึเปล่า?” 

            “ไม่นี่ ทำไมหรอ” 

            “เปล่าหรอก เข้ามาสิ”  ฉันเปิดประตูให้กว้างออกเพื่อให้ดูจุนเดินผ่านเข้ามาได้ ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตามเขาเข้ามาในห้อง

            “เมื่อกี๊โยซอบฟื้นแล้วนะ เขากินยาเลยหลับไปอีก”  ฉันบอกดูจุนที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง

            “อื้ม...”  ดูจุนรับคำเบาๆ โดยที่ยังมองไปที่โยซอบอยู่

            “ เธอ...เห็นหน้าเขารึเปล่า”  อยู่ๆ ดูจุนก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังแปลกๆ

            “ใคร?”  ฉันถามเพื่อความแน่ใจว่าใช่คนที่ฉันกำลังคิดไว้รึเปล่า แต่คำตอบก็ลอยเข้ามาในหัวฉันก่อนที่ดูจุนจะตอบด้วยซ้ำ

            ...ผู้ชายที่ใส่หมวกแก๊ปคนนั้น!!

            “คนที่เธอถามว่า เดินสวนกับฉันในระเบียงรึเปล่าไง”  คราวนี้ดูจุนหันมามองฉันตรงๆ สายตาของเขาบ่งบอกให้ฉันรู้ว่าเขาต้องการคำตอบว่า ‘ใช่ ฉันเห็นหน้าเขา’ แต่ฉันก็ต้องตอบออกไปตามความเป็นจริง

            “ไม่...ฉันไม่เห็นหรอก”  ฉันตอบแล้วก้มหน้ามองเท้าตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่รู้สึกผิดเท่านี้มาก่อนเลยนะ ขนาดหนีแม่ไปเกาหลียังไม่รู้สึกผิดขนาดนี้เลย =_=

            “หรอ...งั้นก็ไม่เป็นไร”  ดูจุนพูดแล้วก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง เฮ้ย! ยิ่งนายทำท่าทางแบบนั้นฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดน่ะสิ -*-!

            “ผู้ชายคนนั้น เป็นใครหรอ...”  ฉันกลั้นใจถามออกไป เพราะจริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรด้วยหรอกนะ แต่เผื่อยัยเภถามความเคลื่อนไหว ฉันจะได้เล่าให้ยัยนั่นฟังถูก -_-;

            “เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี่น่ะสิ!”  จุนฮยองเดินเข้ามาในห้องอีกคน นายมาแอบฟังตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ -_-?

            วันนี้จุนฮยองใส่เสื้อผ้าธรรมดาแล้วเพราะเขามีแค่แผลถลอกตามแขนและขาเท่านั้น ได้ยินว่าวันนี้คุณมินนาจะพาบีสท์ส่วนหนึ่งกลับไปพักที่โรงแรมด้วยนี่

            “พวกเราตามหามันมานาน แต่เจ็บใจที่ตามมันไม่ทันสักที”  ดูจุนพูดพร้อมกับกำหมัดเอาไว้แน่น (ข้างที่ข้อมือไม่หักน่ะ=_=;)

            “ถ้านายสงสัยคนที่พูดถึง ก็แสดงว่าตอนนี้พวกนายกำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ!”  ฉันร้องด้วยความตกใจ ยิ่งนึกถึงผิวขาวๆ เนียนๆ มีออร่าของนายหมวกแก๊ปแว่นดำคนนั้นแล้วยิ่งสยอง O_o! (เสียดายความขาวนะ ไม่น่าเป็นโจรเลย -..- : ความคิดอีกด้านของเฝ้าฝัน)

            “ตามมาถึงไทยขนาดนี้ มันต้องมีแผนแน่ๆ”  จุนฮยองกอดอกแล้วทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก โห...เครียดเลยฉัน เรียนหมอยังไม่เครียดขนาดนี้เลยนะฉันว่า =_=

 

 

**************************************

Ep. ใหม่ค่าาาาาา ฝากติดตามด้วยนะคะ ^O^

**************************************

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา