ประธานตัวร้ายกับหวานใจตัวแสบ

9.8

เขียนโดย African_violet

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 19.56 น.

  31 chapter
  88 วิจารณ์
  44.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563 13.00 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

15)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 15

            หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอาการบาดเจ็บที่ขาของฉันก็เริ่มหายเป็นปกติ อาจจะมีเจ็บอยู่นิดหน่อยแต่ก็มีปัญญาเดินเองได้แล้วหล่ะ ส่วนพี่จองเบสุดหล่อก็เลิกกักบริเวณฉันแล้วเพราะเห้นว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรมากและคงไม่หาเรื่องใส่ตัวอีก แต่เขาก็ยังคงไปรับไปส่งฉันที่โรงเรียนเหมือนเดิมโดยให้เหตุผลว่าจะคอยกันท่าไม่ให้ป๊อบปี้เข้าใกล้ฉันมาก

                “เย็นนี้พี่จะให้คนขับรถมารับนะ พี่ติดประชุม”

                “ไม่เอาอ่า ฟางกลับเองก็ได้”

                “แต่มันอันตรายนะ”

                “ไม่หรอกหน่า ฟางก็กลับเองออกบ่อยน้าๆๆวันเดียวเองนะ”ฉันเริ่มส่งเสียงออดอ้อน

                “เออๆถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย”

                “เจ้าค่า”

                หลังจากรับปากว่าจะไม่ดื้อไม่สน พี่จองเบก็ยอมให้ฉันกลับบ้านเอง  เฮ้อจริงๆเลยนะตั้งแต่พี่จองเบย้ายมาอยู่ไทยด้วยฉันต้องตื่นเช้ากว่าปกติมาก ดูซิเช้าขนาดที่เฟย์กับแก้วที่ว่ามาเช้าแล้วยังมาไม่ถึงเลยงั้นฉันไปนั่งเล่นหลังตึกสามดีกว่า

                “อ่า เงียบแบบนี้น่านอนจังเลย”

                แหมะ กระดาษแผ่นหนึ่งลอยมาแปะที่หน้าฉัน อะไรเนี่ยคนจะนอน

                “คะแนนสอบย่อยหนิ ของใครนะ”

                “เฮ้ เธอคนนั้นอ่ะเอากระดาษคืนมานะ”

                เสียงโวยวายจากข้างหลังทำให้ฉันต้องรีบหันกลับไปดู ที่แท้ก็นายปริ๊นนี่เองไม่อยากจะเชื่อเลยคะแนนน้อยเป็นบ้า

                “นี่คะแนนหรอเนี่ย”

                “ทำไมใครเขาจะไปเก่งเหมือนเธอละ”

                “แน่นอนฉันเก่ง ว่าแต่เรียนอีท่าไหนคะแนนควิทมันถึงได้เยอะจนน่าตกใจขนาดนี้”

                “นี่ไม่ต้องมาบ่นเลย เป็นแม่ฉันหรือไง”

                ปริ๊นดึงแผ่นกระดาษออกไปแล้วทรุดตัวนั่งม้านั่งตรงข้ามฉัน อยากถามมากเลยว่าใครเชิญให้มันนั่งอ่ะ

                “ฉันแก่ขนาดนั่นเชียวแต่ถ้าฉันเป็นแม่นายฉันคงเสียใจมากเลย มีลูกไม่ได้เรื่องแบบนายอย่างนี้”

                “นั่นสินะ”

                ปริ๊นตอบด้วยท่าทางเศร้าๆนี่ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ซวยแล้วไงรู้สึกเหมือนจะเคยได้ยินว่าแม่ของสองพี่น้องเสียไปแล้วนี่นา

                “เออ ขอโทษนะ”ฉันถามเสียงแผ่ว

                “ขอโทษทำไม ฉันมันก็เหลวแหลกจริงๆนี่นา”

                “แล้วนายไม่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอ”

                “ถ้าไม่ทำแบบนั้นคนคนนั้นก็คงไม่มองฉันหรอก”

                “ใคร นายหมายถึงใคร”

                “อย่ารู้เลยมันไม่เกี่ยวกับเธอหรอก”

                “แล้วถ้าฉันขอให้นายตั้งใจเรียนละ นายจะทำให้ฉันได้หรือเปล่า”

                ฉันสบสายตาเข้ากับดวงตาสีครามของปริ๊น ไม่รู้สิฉันรู้สึกว่าแววตาคู่นั้นมันช่างเหงาและเศร้าสร้อย หมอนี่น่าสงสารเกินไปแล้วบาดแผลในใจของเขาคืออะไรกันนะ

                “ถ้าเป็นเธอของั้นหรอ”ปริ๊นพิมพำ

                “เอางี้ไหมเดี๋ยวฉันติวให้นายเอง”ฉันเสนอแนวทางที่คิดว่าดูดี

                “ทำไม”

                “ฮะ ว่าไงนะ”ฉันถามกลับ

                “ทำไมเธอต้องทำดีกับฉันด้วยหล่ะ เพราะเธอชอบพี่ป๊อบปี้”

                 >///<อร้ายยยมันก็ตรงไปนะถามมาได้ว่าฉันชอบนายปอบนั่นหรือเปล่า ฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะเฮ้ยแล้วฉันชอบนายป๊อบปี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เข้าใจตัวเองเลย

                “เกี่ยวที่ไหนเล่า นายก็นายไอ้ปอบนั่นก็ไอ้ปอบคนละคนกันจะเอามาเป็นเหตุผลได้ยังไง”

                “ทำเพราะชอบฉันหรอ”ปริ๊นยังไม่เลิกถามต่อ

                “ไอ้เด็กบ้า ฉันไม่ชอบเด็กหรอกนะ”ฉันตอบ ถามอะไรแบบนี้ฟร่ะ

                “แต่ฉันชอบ”

                “ชอบอะไรหรอ”

                เสียงขรึมๆดังออกมากจากปากนายปอบมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วนี่ไปโกรธใครมาหน้าตาอย่างกับคนปวดท้องถ่ายไม่ออกมาหลายวัน

               “นั่นสิชอบอะไรหรอ”ฉันหันไปเอาคำตอบกับนายปริ๊น

               “ก็ไม่รู้โว้ยย มีเรียนคาบศูนย์ไปก่อนนะ”

               “เฮ้ยแล้วเรื่องติวหล่ะ”ฉันดึงคอเสื้อหมอนั่นไว้ก่อนที่มันจะวิ่งไป

               “ก็นัดมาละกัน”

               “อ่าฮะ”

                ฉันรับคำแล้วปล่อยให้ไอ้เด็กบ้านั่นวิ่งไปเรียน สงสัยที่รีบไปนี่คือหลบหน้าพี่ชายตัวเองอีกตามเคยสินะ ไอ้ปอบนี่ก็น่ากลัวจนน่าวิ่งหนีเหมือนกันแหละ

                “มาแต่เช้าเชียวนะ”

                “อืมม ง่วงซะมัดเลย”

                “นี่อย่าเพิ่งนอนนะฉันมีอะไรจะคุยด้วย”

                ป๊อบปี้เอามือตัวเองยันหัวฉันขึ้นมาจากโต๊ะม้าหิน ฉันก็เลยเอาหัวซบไหล่หมอนี่แทนก็ดีเหมือนกันไหล่กับโต๊ะมันนิ่มต่างกันเยอะ

                “ก็พูดมาสิ”ฉันหลับตาพริ้มแต่ก็ยังฟังอยู่ แม้จะถูกความรู้สึกอยากหลับครอบงำก็เถอะ

                “ปริ๊นมันคุยอะไรกับเธอ”

                “ก็เรื่องทั่วไปอ่ะ แล้วก็เรื่องเรียน”

                “แล้วทำไมอยู่ๆมันถึงคุยเรื่องเรียนกับเธอ”

                “ก็ฉันเห็นคะแนนไอ้เด็กนั่นนะสิ คะแนนน้อยจนน่าตกใจฉันก็เลยคิดว่าจะช่วยติวให้”

                “ทำดีกับมัน ชอบมันหรือไง”

                ป็อบปี้ถามเสียงขุ่น หมอนี่ไปอารมณ์เสียมาจากไหนกันเป็นคนนิสัยดีก็ผิดอีก

                “ทำไมหึงหรือไง”

                “จะบ้าหรอ สรุปว่าเธอชอบมันหรือเปล่า”

                “รู้ไหม นายพูดเหมือนปริ๊นเลย”

ฉันไม่ตอบแต่ถามเขากลับแทน ทำไมสองพี่น้องถึงถามอะไรแปลกกันทั้งคู่เลยฉันจะชอบหรือไม่ชอบใครมันเกี่ยวอะไรกับอีตาบ้าสองคนนั่นด้วย

                “ปริ๊นมันพูดอะไร”

                “ปริ๊นมันถามว่าฉันชอบนายหรอ”

                “แล้วเธอตอบว่ายังไง”

                “ตอบว่า ห้าวว ZZzzz..”

                “เฮ้ยหลับไปซะแล้ว”

                ป๊อบปี้มองร่างบางยิ้มๆ คนอะไรหลับได้ตลอดเวลาถ้าไม่ใช่เพราะเธอขี้เซาเขาคงคิดว่าเธอจงใจจะไม่ตอบคำถามเขามากกว่า แต่ก็เอาเถอะตื่นเมื่อไหร่จะซักให้ละเอียดยิบเลย เขาหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นว่าอีกนานคงจะเข้าเรียนปล่อยให้นอนไปก่อนก็คงไม่เป็นไร

ป๊อบปี้ said

                ผมเอนหัวคนที่ซบไหล่อยู่มานอนตักแทนเพราะเห็นว่าฟางหัวหล่นจากไหล่ผมมาหลายรอบแล้ว ผมกลัวยัยนี่คอหักไปต่อหน้าต่อตา

กริ้งงง กริ้งงง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้คนที่นอนหลับสบายอยู่บ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์

“ปอบโทรศัพท์ใครดังอ่ะ หนวกหู”

“โทรศัพท์เธอนั่นแหละยัยบ๊อง”

“อ้าวหรองั้นรับแทนไปเลย”

                “อืม”

                ผมหยิบโทรศัพท์ยัยฟางขึ้นมากดรับถ้าผมเดาไม่ผิดคนที่โทรมาน่าจะเป็นยัยแก้วหรือไม่ก็เป็นยัยเฟย์

                (ยัยฟางทำไมป่านนี่ยังไม่มาโรงเรียนอีก ฉันโทรหาพี่แกพี่แกก็บอกว่าส่งแกเรียบร้อยแล้วนี่ถ้าแกยังไม่ดพล่มาพี่แกส่งคนบุกโรงเรียนหาแกแน่)

                “แก้วหรอ นี่พี่ประธานนักเรียนเองนะ”

                (พี่ประธานหรอกคะ แล้วยัยฟางอยู่ไหนหล่ะคะ)

                “หลับอยู่หนะ หลับสนิทมากด้วยเอาเป็นว่าเดี๋ยวถึงเวลาเข้าเรียนพี่จะพาไปส่งให้พี่ห้องนะแก้วไม่ต้องเป็นห่วง”

                (เอางั้นหรอคะ ก็ได้คะงั้นฝากด้วยนะคะ)

                “ครับผม เอ่ออย่างเพิ่งวางครับแก้วพี่มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยครับ”

(เรื่องอะไรหรอคะ)

“เออตอนนี้พี่ปลีกตัวไปทำงานไม่ได้ ฝากแก้วไปบอกโทโมะให้หน่อยได้ไหมว่าช่วยดุแลความเรียบร้อยให้พี่หน่อย”

(ไว้ใจได้หรอคะ คนอย่างโทโมะหนะ)

“ช่วยไปบอกให้พี่หน่อยนะครับ ถ้ามันไม่ทำเดี๋ยวพี่ไปเตะมันเอง”

(แต่ว่า)

“แค่นี้ก่อนนะครับฟางดูเหมือนจะรำคาญเสียงโทรศัพท์แล้วหล่ะครับ”

ผมไม่ต้องกดวางสายเลย อยู่ๆคนขี้เซาก็คว้าโทรศัพท์ตัวเองไปกดปิดเครื่องซะงั้นสงสัยวันนี้จะโดนพี่ชายลากลงมาจากเตียงทั้งๆที่นอนไม่เต็มอิ่มแน่เลย

“ที่นี้นายก็นั่งเฉยๆเงียบได้แล้วคนจะนอน”

“อืมให้นอนต่ออีกแปบเดียวนะเดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก”

ผมบ่นคนที่อ้อนขอนอนต่อไม่เลิกก่อนหน้าที่แก้วจะโทรมาผมก็ปลุกไปแล้วรอบนึงแต่ก็ยังอ้อนขอนอนต่ออยู่ได้แล้วผมจะทำยังไงได้ละครับก็ต้องใจอ่อนให้เขานอนหลับต่อไป

“อืม”

///10 นาทีผ่านไป////

“ตื่นได้แล้วฟาง”

“งืมม ขอนอนอีกนิดนะ”ยัยฟางยังคงไม่หายงัวเงีย

“ไปได้แล้วเดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก”

ผมลุกขึ้นแต่ก็ยังเอามือรองหัวฟางไว้ไม่ให้กระแทกกับม้านั่ง แล้วเอามืออีกข้างดึงร่างบางที่ยังงัวเงียอยู่ให้ลุกขึ้นตามแรงพยุงของผม ยัยฟางไม่ได้ขัดขืนผมคนตัวเล็กก็เลยเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดผม ไม่คิดว่ายัยนี่จะตัวนุ่มนิ่มน่ากอดขนาดนี้

“ตื่นซะทีสิ”ผมก้มลงกระซิบข้างหูยัยบ๊องเบาๆ

“งืมม”

“นี่ถ้าไม่ตื่นฉันจะเปลี่ยนวิธีปลุกแล้วนะ”

“ก็ตามใจ”

“อืม”

เธอพูดเองนะฟางแล้วจะมาบ่นทีหลังไม่ได้นะ ใครใช้ให้เธอน่ารักน่าจูบขนาดนี้นะขอจูบปลุกหน่อยก็แล้วกันนะคะคนสวย ริมฝีปากของผมประกบเข้ากับปากบางละเลียดชิมความหวานจากปากของเธอ หลังจากครั้งนี้จะได้จูบอีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

“กรี้ดดด อีตาบ้าใครใช้ให้นายมาจูบฉันย่ะ”

ฟางบ่น ใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู คนตัวเล็กยังอยู่ในอ้อมกอดผมอยู่เลยแบบนี้มันน่าปล่อยไปเรียนไหมเนี่ย

“ก็บอกว่าตามใจนิ”

“คนหน้าด้าน นิสัยไม่ดี”

“เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจจูบจนไม่ได้ไปเรียนคาบแรกหรอก”ผมขู่เล็กๆเล่นเอาแก้มฟางแดงแปร้ดมากกว่าเดิม

“อร้ายยย ปล่อยเลยนะ อยากตายหรือไง”

“หึหึ ทำอะไรฉันได้ด้วยหรอ”

“ปล่อยๆ ไม่งั้นฉันโกรธจริงด้วยนะ”

ฟางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดผม ผมแอบเสียดายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้อยากกลั้นแกล้งให้ฟางอายไปมากกว่านี้ เกิดเป็นลมขึ้นมาผมก็ซวยดิ

“เอ้าปล่อยแล้วไปเรียนกันได้แล้ว”

ผมเปลี่ยนจากกอดมาเป็นกุมมือแทน ไม่สนใจฟางที่บ่นโวยวายไปตลอดทางเดิน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา