Just a Dream…หรือแค่ฝันไป

9.4

เขียนโดย koala

วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.59 น.

  13 chapter
  116 วิจารณ์
  33.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) เธอคนนั้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อ้าวหนูเฟย์มาพอดีเลย  มานั่งนี่เลยลูก

 

 

ซวยแล้ว...นี่แม่นัดยัยตัวแสบมาเหรอเนี่ย

 

 

ชายหนุ่มได้แต่นั่งอึ้งหลังจากที่เขาได้เห็นหน้าสมาชิกผู้ร่วมโต๊ะอีกคน

 

เธอ...คนที่เขาแสนจะเกลียดนักเกลียดหนา

 

เธอ...คนที่เขาหนีการพบปะมาโดยตลอด

 

กลับกลายเป็นเธอ...คนที่เขาบังเอิญเจออย่างไม่คาดคิด

 

 

 

“อ้าว  คุณนั่นเอง”  สาวร่างโปร่งทักคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ

เขาเพิ่งสังเกตว่าลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้างของเด็กน้อยในวันวานที่กลายเป็นสาวสวยในวันนี้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย

 

ทำไมตอนกลางวันที่เจอกัน  ตอนที่เธอยิ้ม  รอยยิ้มนี้  ทำไมเขาถึงจำไม่ได้นะ

 

หนุ่มหน้ายาวส่งยิ้มกลับไปให้สาวผู้มาใหม่ก่อนจะเอ่ยคำทักทาย  “สวัสดีครับ  น้องเฟย์”

 

“นี่เราสองคนเคยเจอกันแล้วหรอ”  คนสูงวัยที่สุดถามสมาชิกร่วมโต๊ะทั้งสองคน

“อ้อ  เราบังเอิญเจอกันเมื่อตอนกลางวันน่ะครับ”  ลูกชายตัวดีตอบมารดา

“โลกมันกลมจริงๆนะเนี่ย”  มารดาหัวเราะเล็กน้อย

“เฟย์ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเป็นพี่เขื่อนค่ะ  หล่อซะจนจำไม่ได้เลย”  สาวร่างโปร่งเอ่ยชมเขาก่อนเดินเข้าไปนั่งอีกฝั่งของโต๊ะ

“พูดอย่างนี้แสดงว่าเมื่อก่อนไม่หล่อเหรอ”  คนถูกชมแอบงอนนิดๆ

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น  แค่อยากบอกว่าพี่ชายของเฟย์หล่อสุดๆไปเลยค่ะตอนนี้น่ะ”  คนที่อายุน้อยที่สุดในโต๊ะพูดต่อ

“ค่อยยังชั่วหน่อย”  คนถูกอวยยังกล่าวต่อ

“ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะลูกชายแม่เนี่ย”  ผู้สูงวัยเริ่มหมั่นไส้ลูกชายตัวดี

“แน่นอนครับแม่  คนหน้าตาดีอย่างพวกเราต้องมั่นใจในตัวเอง  จริงไหมครับน้องเฟย์”

นอกจากยังอวยตัวเองไม่เลิกแล้วเขายังชวนสาวร่างโปร่งมาร่วมอวยด้วย

“โห  หาพวกอย่างนี้เลยเหรอพี่เขื่อน”  สาวน้อยกล่าวอย่างขำๆ

 

“ก็จริงนี่นา  พี่ว่าน้องเฟย์ออกจะสวยขนาดนี้  หนุ่มๆไม่รุมจีบกันแย่เหรอ”  ชายหนุ่มเริ่มถามลองเชิง

 

“ก็ไม่ขนาดนั้น  แค่มีคนเข้ามาบ้างนิดหน่อย  แต่หนูคงเลือกเยอะมั้งคะ  เขาเลยหนีกันไปหมดเลย”

เธอแค่นหัวเราะกับคำตอบ

 

“แล้วสรุปว่าตอนนี้เฟย์มีแฟนหรือยังลูก”  คนสูงวัยที่สุดในโต๊ะเริ่มยิงคำถามให้ตรงประเด็นมากขึ้น

 

“ตอนนี้โสดสนิทค่ะคุณอา”  ตอบคำถามไปพร้อมกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ

 

 

แต่คำตอบนี้กลับสร้างรอยยิ้มน้อยบนใบหน้าชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม

แล้วทำไมเราต้องดีใจด้วยนะ  แค่น้องเฟย์ยังไม่มีแฟนเนี่ย...

 

 

“ค่อยๆดูไปเรื่อยๆไม่เสียหายหรอกลูก  ยังมีเวลาอีกเยอะ”  สาวสูงวัยกล่าวปลอบใจก่อนจะเหน็บลูกชายต่อว่า

“เลือกเยอะก็ยังดีกว่าไม่ค่อยเลือกนะ”

“อ้าวแล้วไงงานมาเข้าผมได้เนี่ย”  คนถูกเหน็บเริ่มงง

“ผมก็เลือกนะครับคุณแม่  แต่ถ้าคบไปแล้วมันไม่ใช่ก็หยุดไม่ดีกว่าหรอ  จริงไหมน้องเฟย์”  เขาเริ่มหาพวกอีกรอบ

เธอได้แต่อมยิ้มนึกขันเล็กน้อย

 

ก็จริงของเขาเนอะ...แต่ดูท่าจะไม่เคยว่างเลยล่ะสิ  คุณพี่ชายสุดหล่อหน้ายาวของหนูเนี่ย

 

“เออ  ว่าแต่น้องเฟย์มาเรียนต่อด้านอะไรเหรอครับ”  พี่ชายต่างสายเลือดเริ่มเปลี่ยนเรื่อง

“เรียนออกแบบน่ะค่ะ”

“ออกแบบบ้าน”  คนถามถามด้วยสีหน้างงเล็กน้อย

“ไม่ใช่  เฟย์เรียนออกแบบพวกชุดแฟชั่น  กระเป๋า  รองเท้า...”  เธอเริ่มพรรณนาถึงสิ่งที่เธอเรียนให้อีกสองคนในโต๊ะฟัง

“อ้อๆ  เดี๋ยวนี้มันมีเรียนอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย  สงสัยพี่จะแก่ไปละ”  ยังไม่วายงงต่อ

“ฮ่าๆ  คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะ  มันก็เปิดมานานพอควรแล้วแหละ”

 

“เออ  อาได้ข่าวว่าเฟย์ออกแบบชุดแต่งงานให้พี่แจมด้วยใช่ไหมลูก”  คนสูงวัยเอ่ยถามขึ้น

“ก็ช่วยๆกับพี่แจมแหละค่ะคุณป้า  แต่รับรองว่างานนี้เจ้าสาวต้องสวยสุดๆแน่นอน”  คนตอบกล่าวอย่างมั่นใจ

 

 

 

ระหว่างนั้นบริกรก็นำเมนูอาหารมาให้ลูกค้าทั้งสามเลือก

“เต็มที่เลยนะลูก  งานนี้อาจ่ายเอง”  คนสูงวัยบอกอีกสองคนในโต๊ะ

“งั้นเขื่อนไม่เกรงใจแล้วนะฮะ”  บุตรชายฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะจิ้มเลือกอาหารไปหลายรายการ

“น้องเฟย์เลือกเลยๆ  นานๆทีจะมีปรากฏการณ์นี้นะ  ถือว่าเป็นโชคดีสุดๆเลยนะเนี่ยที่แม่พี่จะเลี้ยงข้าว”

เขาบอกสาวที่นั่งตรงข้ามอย่างติดตลก  ก่อนที่ฝ่ามือของมารดาจะฟาดลงมาบนไหล่ดังเปรี๊ยะ

“นี่กล้าแซวแม่เหรอ”  พร้อมมองค้อนตาดุ

“โอ๋  แซวเพราะรักนะครับ”  ลูกชายเริ่มง้อมารดาบ้าง

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยเจ้าตัวดี  เดี๋ยวจะโดน”  มารดากล่าวอย่างเคืองๆ

 

 

ขี้อ้อนอย่างนี้สินะ  สาวๆถึงได้ใจอ่อนน่ะ  สาวร่างโปร่งได้แต่คิดในใจ

เธอนึกขันเล็กน้อยกับลีลาการอ้อนสาวสูงวัยของชายหนุ่มตรงหน้า

 

เขาคนนี้ช่างแตกต่างจากเด็กหนุ่มหน้ากวนตอนสมัยก่อนที่เธอเคยรู้จักมากนัก  พลันคิดถึงเหตุการณ์ในวัยเยาว์

 

 

ร่างโปร่งจำความได้ว่าตอนเด็กๆนั้นเธอค่อนข้างเป็นเด็กเอาแต่ใจมากๆคนหนึ่ง

อาจเพราะเป็นน้องคนสุดท้องของบ้านและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูล

ทำให้เธอแทบจะชี้นกเป็นไม้ได้เลยทีเดียว  ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะมีใครกล้าขัดใจเธอมากนัก

เพราะถ้าขัดใจเมื่อไหร่ความพินาศอาจเกิดกับผู้ที่บังอาจมาขัดใจเธออย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ไม้ตายก็คือการร้องไห้แบบเสียงแปดหลอดจนคนอื่นทนไม่ได้ต้องยอมตามใจเธอ

 

จะมีก็แต่หนุ่มน้อยหน้ากวนคนหนึ่งที่กล้าต่อกรกับเธอ  เรียกว่าเป็นคู่กัดเลยก็ว่าได้

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรเธอจะคอยตามไปก่อกวนหนุ่มคนนั้นจนถึงที่สุด

และดูเขาจะไม่สนใจกับท่าไม้ตายของเธอเลยแม้แต่น้อย

 

เขามักจะเรียกเธอว่า...ยัยขี้แยจอมจุ้น

 

ส่วนเธอก็ตั้งฉายาให้เขาว่า...ไอ้หน้ายาว

 

เรียกได้ว่าถ้าสองคนนี้เจอกันจะไม่มีใครยอมใคร  และสงครามเล็กๆจะบังเกิดขึ้นจนทำให้บรรดาคนรอบข้างแทบกุมขมับ

 

แต่เวลาผ่านไป...สิ่งแวดล้อม  สังคม  เพื่อนฝูง  และคนในครอบครัวสามารถหล่อหลอมให้เด็กเอาแต่ใจคนนั้นกลายเป็นสาวมั่นที่มีวุฒิภาวะเต็มตัวอย่างทุกวันนี้ได้

 

ร่างโปร่งได้แต่นึกขันกับเหตุการณ์ในอดีตจนคนร่วมโต๊ะสงสัยและเอ่ยทักขึ้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“เปล่าค่ะ  พอดีนึกอะไรเพลินๆนิดหน่อย”  คนถูกทักฉีกยิ้มให้คนถาม

 

คนสูงวัยที่สุดในโต๊ะมองเหตุการณ์ระหว่างหนุ่มสาวทั้งสองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ว่าสมัยก่อนนี่ทะเลาะกันอย่างอะไรดี

ตอนนี้ดูเป็นห่วงเป็นใยกันจังเลย

 

 

 

ค่ำคืนแรกในลอนดอนผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ไม่ช้าก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน

 

“น้องเฟย์กลับที่พักไงครับ  พี่ไปส่งมั้ย  นี่ก็ดึกแล้ว”  พี่ชายสุดหล่อต่างสายเลือดของเธอถามอย่างเป็นห่วง

 

แต่สาวร่างโปร่งก็ปฏิเสธคำชวนด้วยความเกรงใจไปว่า

“ไม่เป็นไรค่ะพี่เขื่อน  เดี๋ยวเฟย์กลับรถไฟใต้ดินก็ถึงหอพักแล้ว”

 

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวให้คนขับรถอาไปส่งให้  เดี๋ยวป้าจะไปส่งตาเขื่อนด้วย  ไปพร้อมกันนี่แหละ”

คนสูงวัยกล่าวตัดบทมัดมือชกก่อนหลิ่วตามองคุณลูกชาย

“ค่ะ  ขอบคุณค่ะคุณอา”  คำตอบตกลงของสาวน้อยสร้างรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าลูกชายตัวดีของเธอ

 

 

 

............................................. 

 

 

 

 

ความเงียบสงบของบ้านไม้เล็กๆหลังนี้ถูกแทนที่ด้วยเสียงเลื่อยไม้  ตอกตะปู  รวมถึงเครื่องจักรต่างๆที่ดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ

 

 

“พี่ๆเอาชิ้นนี้มาไว้ตรงนี้ค่ะ”  เสียงสาวร่างสูงสั่งคนงานให้วางอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในตำแหน่งที่เธอต้องการ

“ไม่ใช่ตรงนั้นค่ะพี่  เลื่อนขวานิดนึง  อีกนิด  โอเคอย่างนั้นแหละ”

“โต๊ะไม้วางตรงนี้ค่ะ  แจกัน  แจกัน  เออ  เอาตรงไหนดีล่ะเนี่ย”

 

ขณะที่เธอกำลังคิดหาตำแหน่งในการวางแจกันใบสวยอยู่นั้น

เธอก็เหลือบไปเห็นว่าร่างของคนงานที่กำลังขนตู้ไม้ใบใหญ่กำลังถอยมาชนแจกันใบสวยให้ร่วงหล่นสู่พื้น

สาวร่างสูงปรี่เข้ามาคว้าแจกันไว้ได้ทันก่อนที่จะตำหนิคนทำ  “เฮ้ย  พี่ระวังหน่อยสิคะ”

คนงานได้แต่พยักหน้าตามยอมรับความผิดพร้อมกล่าวขอโทษ

สาวร่างสูงไม่ได้ติดใจเอาโทษอะไรและบอกให้ทำงานต่อไป  เธอยังคงสั่งการไปเรื่อยๆอย่างแข็งขัน…

 

 

จะว่าไปแล้วงานของเธอยังเหลืออีกเยอะพอควรเพราะต้องออกแบบแปลนบ้านที่แทบจะต้องรื้อใหม่ทั้งหลังเลยทีเดียว

ไม่ใช่แบบเก่าไม่ดีหรือไม่สวยอะไรหรอกนะ  แต่เธอคิดว่ามันดูไม่ค่อยสดใสเหมือนสวนข้างนอก

 

เธอจึงคิดที่จะจัดบ้านหลังนี้ให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น  แต่อีตาขี้เก๊กนั่นจะไม่มาบ่นฉันใช่ไหมเนี่ย

สาวร่างสูงนึกถึงหน้าตาของเจ้าของบ้านหนุ่มผู้ว่าจ้างของเธอแล้วอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

 

 

 

ในขณะที่ร่างสูงกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งอยู่นั้นก็มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาจากมุมหนึ่งของตัวบ้าน

แววตาที่ดูเย็นชาปนเศร้าของผู้เป็นเจ้าของ

 

มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆนับจากวันนั้น  วันที่เขาพาเธอมาสำรวจตัวบ้านครั้งแรก

 

ความจริงเขาเดินเข้ามาในบริเวณบ้านได้สักพักแล้วแต่ปล่อยให้คนอื่นๆทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อไป

 

 

หนุ่มหน้าหวานเดินสำรวจภายในตัวบ้านแล้วอดชื่นชมความสามารถของคนที่ออกแบบไม่ได้ว่าเป็นคนมีฝีมือดีทีเดียว

นี่ยังไม่เสร็จยังรู้สึกได้  ก่อนมองไปทางคนที่กำลังทำงานอย่างแข็งขันอีกครั้ง

 

วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวขนาดพอดีตัว  พับชายเสื้อขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อความทะมัดแทมงมากขึ้น

สวมกางเกงยีนส์ขาเดฟที่ทำให้ดูพร้อมลุยทุกสถานการณ์

 

 

เฮ้อ...เหนื่อยจริง  ฉันจะทำเสร็จทันกำหนดให้หมอนั่นมั้ยเนี่ย  ไม่รู้จะเร่งอะไรนักหนา

บ้านตัวเองก็มีอยู่หลังเบ้อเริ่ม  สงสัยหมอนี่คงกะจะมาซุกกิ๊กไว้ที่นี่แน่เลย  พวกผู้ชายก็อย่างงี้แหละมักมากจริงๆ

 

ผู้รับจ้างแอบนินทาคนว่าจ้างในใจ  ก่อนจะรู้สึกเอะใจว่าเหมือนมีคนจ้องมองเธออยู่  เธอจึงหันไปตามสัญชาตญาณ

และก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนคนนั้นคือคนที่กำลังนินทาอยู่

 

 

ตายยากจริงๆนะนายเนี่ย  เธอยังคงคิดในใจพลางยิ้มแห้งๆส่งไปให้ชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ

 

 

“คุณแอบนินทาผมอยู่ในใจล่ะสิ”  หนุ่มหน้าหวานกล่าวอย่างรู้ทัน

“ใครจะกล้านินทาคุณล่ะคะ”  คนถูกจ้างเริ่มปฏิเสธ

“ก็คุณไง  ผมรู้นะ  คุณคิดว่าผมจะมาซุกกิ๊ก  กั๊ก  อะไรอย่างนี้ใช่ไหมล่ะ”

 

 

รู้ทันอีก  นายนี่ชักจะน่ากลัวไปแล้ว  คนถูกจ้างเริ่มหลอนก่อนจะถามกลับว่า  “หรือว่าไม่จริงล่ะ”

 

“นั่นไง  คิดจริงด้วย  คุณนี่เป็นคนเดาง่ายนะ”  ผู้ว่าจ้างหนุ่มหน้าหวานกล่าวด้วยเสียงขำๆก่อนจะพูดกับคนแอบนินทาว่า

 

“บ้านหลังนี้มีไว้เพื่อผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียวเท่านั้น”

 

ชายหนุ่มพูดก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านไป  สร้างความแปลกใจให้กับสาวร่างสูงที่ได้แต่นั่งงงอยู่

แต่ก็ไม่วายจะแอบจิกกัดเจ้าของบ้านในใจต่อ

 

โห  แมนสุดๆไปเลยค่ะ  คุณชายโทโมะ  เพื่อผู้หญิงที่ผมรักคนเดียว...ขนาดนี้ยังเก๊กได้อีก

 

 

 

ในขณะที่คนที่เดินออกจากบ้านพยายามก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังรถสปอร์ตคันหรูที่ติดฟิล์มกันแสงอย่างหนาจนแทบจะมองไม่เห็นคนข้างใน

ชายหนุ่มเปิดประตูรถก่อนที่จะซุกหน้าลงกับพวงมาลัย  ปล่อยให้หยดน้ำตาหลั่งรินออกมาอย่างไม่ต้องอายใคร

คนภายนอกอาจจะมองเขาว่าเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง  แต่ใครจะรู้ว่าข้างในตอนนี้แทบจะไม่มีแรงหายใจ

 

 

บ้านหลังนี้เขาทำเพื่อเธอ...ผู้หญิงที่เขารัก

 

 

มือหน้าค่อยๆปาดน้ำตาตัวเอง  ก่อนเปิดกระเป๋าสตางค์มองภาพสาวหน้าสวยผิวขาวกับชายหนุ่มหน้าหวาน

ช่างเป็นภาพที่มีความสุขมาก...แต่มันไม่มีอีกแล้ว...ไม่มีอีกแล้ว

 

 

 

สาวร่างสูงมองออกไปนอกบริเวณบ้านเห็นรถสปอร์ตคันหรูยังคงจอดนิ่งอยู่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรกับคนข้างใน

จึงกำลังจะเดินไปถามคนในรถว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่

 

แต่ดันเสียหลักไปชนข้าวของเก่าๆที่คนงานขนมาวางไว้รวมกันเพื่อนำไปคืนเจ้าของบ้านตามเดิม

 

กล่องเล็กใบหนึ่งเคลื่อนหล่นลงมาจากที่ตั้งเดิม  ของภายในกระจัดกระจายลงเต็มพื้น

 

ส่วนใหญ่เป็นภาพของผู้ชายสองคนกับผู้หญิงคนหนึ่ง  ดูเหมือนเป็นเพื่อนรักกันมากทีเดียว

แต่จากสีหน้าและแววตาจากภาพบ่งบอกได้ว่าชายหนุ่มทั้งสองออกจะมีใจให้ผู้หญิงคนเดียวในภาพไม่น้อย

 

ชายหนุ่มคนแรกคือหนุ่มหน้าหวานที่เธอคุ้นเคยดี  เขา...คนที่เพิ่งเดินออกจากบ้านไปเมื่อครู่

 

ส่วนชายหนุ่มอีกคนเธอไม่รู้จักเขามาก่อน  แต่จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีไม่น้อยทีเดียว

 

และหญิงสาวต้องบอกว่าเป็นผู้หญิงสวยมากคนหนึ่ง  ผิวขาว  ผมยาวตรง

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งสอง

 

 

 

นี่สินะ...เธอคนนั้น...ผู้หญิงที่นายนั่นรักนักรักหนาถึงขนาดทำบ้านหลังนี้ให้  น่าอิจฉาจริงๆ

 

 

 

 

 

บรึน  บรืน...รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนออกจากที่จอดอย่างรวดเร็ว

คนในรถคันหรูกำลังว้าวุ่นอย่างหนัก  เขาเร่งความเร็วเครื่องยนต์มากขึ้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง

ในไม่ช้ารถคันหรูก็วิ่งมาถึงที่หมาย  รถค่อยๆชะลอความเร็วลงเพื่อหยุดจอด

 

หนุ่มร่างโปร่งเปิดประตูรถก่อนเข้าไปสั่งดอกลิลลี่สีขาวหนึ่งช่อ

 

เขาจ้องมองช่อดอกไม้ที่เธออันเป็นที่รักของเขาชอบก่อนจะพูดกับตัวเองว่า

 

 

นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะทำให้คุณได้นะ

 

 

 

 

=======================================================

ขอโทษที่มาอัพช้านะคะงานยุ่งสุดๆไปเลย  ตอนนี้แต่งไปมึนไป 555  เธอคนนั้นของโทโมะคือใครรอติดตามนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา