สัญญาณเตือนว่าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นกำลังเสีย และวิธีรับมือเบื้องต้น

chenphattharaphon

หัดอ่านหัดเขียน (6)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:10
เมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568 17.04 น.

คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น คือหัวใจหลักของระบบทำความเย็น หากอุปกรณ์ชิ้นนี้เริ่มมีปัญหา อาจทำให้ตู้เย็นไม่เย็น อาหารเน่าเสีย หรือระบบภายในตู้เย็นหยุดทำงานทั้งหมดได้ การตรวจสอบสัญญาณเตือนล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้สามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้ทันก่อนเกิดความเสียหายรุนแรง ในวันนี้เราจะพาไปดู สัญญาณที่บ่งบอกว่าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นกำลังเสีย พร้อมแนะนำวิธีรับมือเบื้องต้นแบบเข้าใจง่าย

คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น คืออะไร?

ก่อนจะไปดูสัญญาณเตือน มาทำความรู้จักกับคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นกันก่อนสักนิด คอมเพรสเซอร์คือตัวอัดแก๊สในระบบทำความเย็น โดยจะทำหน้าที่อัดสารทำความเย็นให้เปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็นของเหลว และหมุนเวียนภายในระบบเพื่อทำให้อุณหภูมิในตู้เย็นลดลง หากคอมเพรสเซอร์หยุดทำงาน หรือทำงานผิดปกติ ระบบทั้งหมดของตู้เย็นจะล้มเหลวทันที

7 สัญญาณเตือนว่าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นอาจเสีย

1. ตู้เย็นไม่เย็นหรือเย็นน้อยผิดปกติ
หากเปิดตู้เย็นแล้วพบว่าอุณหภูมิภายในไม่เย็น หรือช่องฟรีซไม่สามารถแช่แข็งได้เหมือนเดิม นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเริ่มทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง

2. มีเสียงดังผิดปกติจากด้านหลังตู้เย็น
คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นจะมีเสียงเบา ๆ ขณะทำงาน แต่หากได้ยินเสียงดังคล้ายโลหะกระทบกัน เสียงคราง หรือเสียง “ตึ้ง” เป็นช่วง ๆ อาจแปลว่าอุปกรณ์ภายในคอมเพรสเซอร์หลวม หรือเริ่มสึกหรอแล้ว

3. คอมเพรสเซอร์ร้อนจัด
โดยปกติคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นจะอุ่นในขณะทำงาน แต่ถ้าสัมผัสแล้วรู้สึกร้อนผิดปกติ หรือร้อนจนเกินไป อาจเกิดจากการทำงานหนักเกินไป หรือระบบภายในเริ่มล้มเหลว

4. เครื่องทำงานอยู่ดี ๆ แล้วหยุด
หากสังเกตว่าตู้เย็นทำงานอยู่ดี ๆ แล้วหยุด แล้วกลับมาทำงานใหม่เป็นช่วงสั้น ๆ อาจมีปัญหาที่รีเลย์สตาร์ท หรือคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเริ่มมีไฟฟ้าลัดวงจร

5. ใช้ไฟมากผิดปกติ
หากค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตในช่วงที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม อาจเป็นเพราะคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นพยายามทำงานหนักกว่าปกติเพื่อรักษาความเย็น

6. มีกลิ่นไหม้หรือกลิ่นแปลก
หากมีกลิ่นไหม้หรือกลิ่นแปลกออกมาจากด้านหลังตู้เย็นให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะอาจมีไฟฟ้าลัดวงจรในตัวคอมเพรสเซอร์คู้เย็น ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งตู้เย็นและผู้ใช้งาน

7. ไม่ได้ยินเสียงทำงานของคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเลย
ในกรณีที่ตู้เย็นไม่เย็น และไม่มีเสียงใด ๆ จากด้านหลังเลย แปลว่าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นอาจเสียสนิทแล้ว จำเป็นต้องเรียกช่างมาตรวจสอบทันที

วิธีรับมือเบื้องต้นเมื่อคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเริ่มมีปัญหา
หากพบสัญญาณใด ๆ ข้างต้นอย่าละเลย เพราะการปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ลองทำตามคำแนะนำเบื้องต้นดังนี้

1.ถอดปลั๊กทันทีเมื่อพบอาการผิดปกติ เพื่อความปลอดภัย ควรถอดปลั๊กตู้เย็นทันที โดยเฉพาะหากมีกลิ่นไหม้ เสียงผิดปกติ หรือคอมเพรสเซอร์ร้อนมาก

2.ตรวจสอบไฟและปลั๊กพ่วง บางครั้งอาการตู้เย็นไม่เย็นอาจเกิดจากปลั๊กหลวม หรือไฟกระชาก หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับแหล่งจ่ายไฟ ให้เรียกช่างเข้ามาเช็กต่อ

3.หลีกเลี่ยงการเปิดตู้เย็นบ่อย หากต้องรอช่างมาตรวจสอบ ควรงดการเปิดตู้เย็นบ่อยครั้งเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน ลดภาระของระบบ

4.ติดต่อช่างซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องคอมเพรสเซอร์ตู้เย็น ไม่ควรพยายามถอดซ่อมเองโดยไม่มีความรู้ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายและสร้างความเสียหายเพิ่มเติม ควรติดต่อศูนย์บริการหรือร้านซ่อมที่น่าเชื่อถือ

ควรซ่อมหรือเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ตู้เย็น?

การตัดสินใจว่าจะซ่อมหรือเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งานของตู้เย็น ค่าใช้จ่ายในการซ่อม และประสิทธิภาพที่ได้หลังซ่อม หากตู้เย็นมีอายุมากกว่า 7-10 ปี อาจคุ้มกว่าหากเลือกเปลี่ยนเครื่องใหม่ เพราะคอมเพรสเซอร์เป็นอะไหล่ที่มีราคาสูง และอาจต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่นร่วมด้วย

สรุป

คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น ถือเป็นปัจจัยหลักของการทำความเย็นในตู้เย็นทุกเครื่อง หากเริ่มแสดงอาการผิดปกติ ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ได้ การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนว่าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นกำลังเสีย และรู้วิธีรับมือเบื้องต้นอย่างถูกต้อง จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว รวมถึงยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา