บอกลาฝ้าก่อนมาเยือน เปิดสาเหตุและเคล็ดลับป้องกัน
บอกลาฝ้าก่อนมาเยือน เปิดสาเหตุและเคล็ดลับป้องกัน
บอกลาฝ้าก่อนมาเยือน เปิดสาเหตุและเคล็ดลับป้องกัน
การมีฝ้าอยู่บนหน้า อาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่าย เพราะเราต้องเจอกับแสงแดด ความร้อน ฝุ่น ควัน และมลภาวะต่างๆ ทุกวัน ยังไม่รวมถึงเรื่องของฮอร์โมนและพันธุกรรมที่มีผลต่อการเกิดฝ้าโดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ฝ้าเกิดขึ้นได้โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว และบางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ฝ้าคืออะไร แล้วมีกี่ประเภท
ฝ้า เป็นปัญหาผิวที่หลายคนเจอ โดยเฉพาะคนที่ต้องเจอแดดบ่อย ๆ ฝ้าเกิดจากเซลล์ที่ชื่อว่าเมลาโนไซท์ ซึ่งเป็นเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ทำให้ผิวบางจุดมีสีเข้มขึ้น กลายเป็นรอยคล้ำหรือจุดด่างดำ มักจะเกิดตรงบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก และเหนือริมฝีปาก เพราะเป็นจุดที่โดนแดดบ่อยที่สุด
ฝ้ามีกี่ประเภท แล้วแต่ละแบบต่างกันยังไง
จริง ๆ แล้วฝ้ามี 3 ประเภทหลัก ๆ แต่ละแบบจะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ลองมาดูกันว่าฝ้าแบบไหนที่เรากำลังเจออยู่
1. ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma)
ฝ้าตื้นจะอยู่ที่ชั้นผิวหนังด้านบน หรือที่เรียกว่าชั้นหนังกำพร้า ลักษณะของฝ้าตื้นจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้ม ขอบชัด และจะเห็นชัดขึ้นเวลาใช้ไฟส่อง ฝ้าตื้นมักเกิดจากแสงแดด ฮอร์โมน มลภาวะ หรือสารเคมีจากเครื่องสำอาง ข้อดีคือฝ้าตื้นรักษาได้ง่ายกว่าชนิดอื่น ใช้ครีมบำรุงหรือเลเซอร์ก็เห็นผลได้ดี
2. ฝ้าลึก (Dermal Melasma)
ฝ้าลึกจะอยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ ซึ่งลึกกว่าฝ้าตื้น ลักษณะของฝ้าลึกจะเป็นสีน้ำตาลเทาหรือม่วงคล้ำ ขอบไม่ค่อยชัด สาเหตุหลักมาจากฮอร์โมน เช่น ตอนตั้งครรภ์ การกินยาคุม หรือพันธุกรรม ฝ้าลึกจะรักษายากกว่าฝ้าตื้น เพราะเม็ดสีอยู่ลึก ต้องอาศัยการดูแลเฉพาะทาง เช่น เลเซอร์หรือทรีตเมนต์พิเศษ
3. ฝ้าผสม (Mixed Melasma)
ฝ้าผสมคือฝ้าที่มีทั้งแบบตื้นและแบบลึกผสมกัน พบได้บ่อยที่สุด ลักษณะของฝ้าผสมจะมีทั้งสีน้ำตาลเข้มและน้ำตาลเทาปนกัน สาเหตุของฝ้าผสมก็มาจากหลายอย่างรวมกัน ทั้งแสงแดด ฮอร์โมน และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง การรักษาฝ้าผสมค่อนข้างซับซ้อน ต้องดูแลด้วยหลายวิธีร่วมกัน เช่น ครีมกันแดด ยาทา ทรีตเมนต์ และเลเซอร์
สารเคมีในเครื่องสำอางค์ตัวไหนที่อาจทำให้เกิดฝ้า
ใครที่มีปัญหาฝ้า หรือกลัวว่าจะเป็นฝ้าโดยไม่รู้ตัว ต้องระวังสารบางอย่างในเครื่องสำอางค์ เพราะมีบางชนิดที่อาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ วันนี้เราจะพาไปดูว่าสารตัวไหนควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากให้ฝ้าขึ้นหน้าแบบไม่รู้ตัว
1. สารกันแดดบางชนิด (Chemical Sunscreens) ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง
สารกันแดดในกลุ่ม Chemical Sunscreens บางตัวอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบและไวต่อแสง ซึ่งส่งผลให้เกิดฝ้าได้ เช่น
- Oxybenzone ดูดซับรังสี UV ได้ก็จริง แต่มีโอกาสทำให้เกิดการอักเสบที่ชั้นผิว และไปกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีมากขึ้นจนกลายเป็นฝ้า
- Octinoxate (Octyl Methoxycinnamate) อาจทำให้เกิดการแพ้แสง ส่งผลให้ผิวไวต่อรังสี UVA
- Avobenzone ป้องกันรังสี UVA ได้ดี แต่ไม่เสถียรเมื่อโดนแดด และอาจทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสี ทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น
ถ้าอยากลดความเสี่ยงเรื่องฝ้า แนะนำให้ใช้กันแดดแบบ Physical Sunscreen ที่มี Titanium Dioxide หรือ Zinc Oxide จะอ่อนโยนกว่ามาก
2. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) และอนุพันธ์
ไฮโดรควิโนนเป็นสารที่ใช้รักษาฝ้าได้ในระยะสั้น แต่ถ้าใช้ต่อเนื่องนานเกินไปหรือในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวเสียมากกว่าเดิม
- ใช้เกิน 2% โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ อาจทำให้ผิวไวต่อแสง และเกิดฝ้าแบบถาวร
- หยุดใช้แบบทันที อาจทำให้ผิวคล้ำลงกว่าเดิม หรือเกิดฝ้าแบบรุนแรง
- ถึงแม้จะช่วยลดฝ้าได้ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
3. สเตียรอยด์ (Steroids) ในครีมหน้าขาว
ครีมที่มีสเตียรอยด์แรง ๆ แม้จะทำให้ผิวขาวเร็ว แต่ก็มีผลข้างเคียงมาก โดยเฉพาะเรื่องฝ้า
- ทำให้ผิวบางลง ไวต่อแสง และเกิดฝ้าได้ง่าย
- กระตุ้นให้เมลาโนไซท์ทำงานผิดปกติ สร้างเม็ดสีไม่สมดุล จนเกิดฝ้า
- ใช้ต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้เส้นเลือดฝอยขยาย ผิวอ่อนแอ และเกิดฝ้าแบบถาวร
หลีกเลี่ยงครีมที่ไม่ได้ผ่านการแนะนำจากแพทย์ดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าลุกลาม
4. น้ำหอมและสารแต่งกลิ่นในเครื่องสำอาง
หลายคนอาจไม่รู้ว่าน้ำหอมก็มีส่วนทำให้เกิดฝ้า โดยเฉพาะกลุ่มที่ไวต่อแสง
- Bergamot Oil มี Psoralen ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง
- Linalool และ Limonene สารเหล่านี้เมื่อเจอแสงแดดอาจทำให้ผิวอักเสบ และเกิดฝ้า
ใครที่มีแนวโน้มจะเป็นฝ้า แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบ Fragrance-Free หรือไม่มีน้ำหอมเลย จะปลอดภัยกว่า
5. แอลกอฮอล์ในเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวแห้งและไวต่อแสง
แอลกอฮอล์บางชนิดสามารถทำให้ผิวแห้ง จนไวต่อแสง ซึ่งเพิ่มโอกาสการเกิดฝ้าได้
- Ethanol, Denatured Alcohol, Isopropyl Alcohol ทำให้ผิวแห้งลงและเสี่ยงต่อฝ้า
- Benzyl Alcohol อาจทำให้ผิวระคายเคือง และไปกระตุ้นเมลาโนไซท์ให้ทำงานผิดปกติ
ใครที่มีปัญหาฝ้าหรือกังวลเรื่องฝ้า ควรเลือกสูตรที่ไม่มีแอลกอฮอล์แรง ๆ หรือแบบ Alcohol-Free ไปเลย
6. กรดผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA และ Retinol
แม้ว่าสารพวกนี้จะช่วยเรื่องผิวกระจ่างใสและลดสิว แต่ก็ทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น จึงอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ง่าย
- AHA (เช่น Glycolic Acid, Lactic Acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่ทำให้ผิวไวต่อแสง UV
- BHA (เช่น Salicylic Acid) ใช้แล้วผิวอาจบางลง และไวต่อการเกิดฝ้า
- Retinol และวิตามิน A อนุพันธ์ ถึงจะช่วยลดริ้วรอย แต่ก็ทำให้ผิวบางและไวต่อแดด
ถ้าจะใช้สารเหล่านี้ ต้องทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นฝ้ามาแน่นอน
วิธีป้องกันฝ้าเบื้องต้น
การป้องกันฝ้าทำได้ไม่ยาก แค่ใส่ใจดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมหรือฮอร์โมนโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้า
- ใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยน เลี่ยงสารที่ทำให้เกิดฝ้า เช่น ไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ น้ำหอม แอลกอฮอล์
- บำรุงผิวด้วย Antioxidants เช่น วิตามินซี วิตามินอี และไนอะซินาไมด์ เพื่อลดโอกาสเกิดฝ้า
- กินอาหารที่ดีต่อผิว ลดน้ำตาล ไขมันทรานส์ และเน้นผักผลไม้
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดเครียด เพราะความเครียดก็มีผลต่อการเกิดฝ้าเหมือนกัน
ครีมลดเลือนฝ้า
ถ้าเริ่มมีฝ้า ควรเลือกครีมที่ช่วยดูแลผิวและลดฝ้าโดยเฉพาะ อย่าง ABSOLUTE LIGHT CREAM ที่รวมสารสำคัญช่วยจัดการฝ้าไว้ครบ เช่น
- Niacinamide ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและลดฝ้าให้ผิวดูสม่ำเสมอ
- Tranexamic Acid ยับยั้งฝ้าจากแสงแดดโดยตรง
- Kojic Dipalmitate ลดฝ้าฝังลึกให้จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- Allantoin ช่วยลดการระคายเคือง และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับฝ้า
ฝ้า คือปัญหาผิวที่เกิดจากเซลล์เมลาโนไซท์สร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ทำให้ผิวหน้ามีรอยคล้ำเป็นปื้น โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก และเหนือริมฝีปาก สาเหตุหลักของฝ้ามักมาจากแสงแดด รวมถึงฮอร์โมน การตั้งครรภ์ ยาคุม กรรมพันธุ์ มลภาวะ และสารเคมีในเครื่องสำอางบางชนิดก็ทำให้ฝ้าเกิดขึ้นได้
ฝ้ามี 3 ประเภท คือ ฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม ซึ่งฝ้าผสมพบได้บ่อยที่สุด การป้องกันฝ้าสำคัญมาก ควรหลีกเลี่ยงแดดและใช้ครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ รวมถึงเลือกสกินแคร์ที่ช่วยลดฝ้า เช่น Niacinamide, Tranexamic Acid และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยชะลอและลดการเกิดฝ้าในระยะยาว
https://board.postjung.com/1617874
https://pr.postjung.com/1617874
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=gaopannakub&month=19-05-2025&group=2&gblog=45
https://www.bloggang.com/m/mainblog.php?id=gaopannakub&month=19-05-2025&group=2&gblog=45
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้