ปวดคอบ่าไหล่ ปัญหาของคนทำงานยุคใหม่
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น หลายคนต้องทำงานนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จึงเกิดอาการปวดคอบ่าไหล่ที่พบบ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน การนั่งนานในท่าที่ไม่เหมาะสม ความเครียดที่สะสม และการใช้งานกล้ามเนื้อที่ผิดวิธี ล้วนส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรังและสร้างปัญหาต่อสุขภาพ การเข้าใจสาเหตุและวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ถูกต้องเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอาการนี้ บทความนี้จะอธิบายถึงลักษณะอาการปวดคอบ่าไหล่ สาเหตุว่าทำไมอาการนี้จึงเป็นปัญหาของคนทำงานยุคใหม่ และแนวทางการปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
ปวดคอบ่าไหล่
อาการปวดคอบ่าไหล่เป็นความรู้สึกไม่สบายและเจ็บปวดในบริเวณคอ บ่า และไหล่ ซึ่งอาจมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่อาการปวดตึงเล็กน้อยไปจนถึงปวดแหลมชัดเจนและปวดต่อเนื่อง ผู้ที่มีอาการปวดในบริเวณนี้มักจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องเคลื่อนไหวคอหรือบ่า เช่น การหันศีรษะ หรือการยกไหล่ ซึ่งอาจส่งผล
กระทบต่อการทำงานและชีวิตประจำวันได้
อาการปวดคอบ่าไหล่มักเกี่ยวข้องกับการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนี้มากเกินไปหรือใช้งานผิดท่า เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่มีการยืดกล้ามเนื้อ การก้มคอดูสมาร์ทโฟน หรือการใช้แขนยกของหนัก นอกจากนี้ ความเครียดที่สะสมยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรังและกล้ามเนื้อตึงตลอดเวลา
ทำไมปวดคอบ่าไหล่เป็นปัญหาของคนทำงานยุคใหม่
ปัจจัยที่ทำให้ปวดคอบ่าไหล่กลายเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคปัจจุบันมาจากลักษณะการทำงานและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี คนส่วนใหญ่มักทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ซึ่งการนั่งนานในท่าที่ไม่ถูกต้องทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ต้องรับแรงกดดันและเกิดความเครียด นอกจากนี้ การใช้งานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไปยังส่งผลให้เกิดอาการปวดจากการก้มคอหรือใช้งานกล้ามเนื้ออย่างไม่เหมาะสม
การทำงานในยุคใหม่ยังมีลักษณะงานที่ต้องรับผิดชอบสูง การทำงานที่ต้องการความรับผิดชอบมากทำให้เกิดความเครียดซึ่งส่งผลต่อกล้ามเนื้อคอ บ่า และไหล่ เนื่องจากความเครียดสามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งและส่งผลให้เกิดอาการปวดร้าวไปถึงหลัง การใช้เวลาในการพักผ่อนน้อย การเคลื่อนไหวที่น้อย และการนั่งนานต่อเนื่องเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้อาการปวดคอบ่าไหล่เป็นปัญหาที่คนทำงานยุคนี้ต้องเผชิญ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อเกิดอาการปวดคอบ่าไหล่
การป้องกันและบรรเทาอาการปวดคอบ่าไหล่สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่
- การจัดท่าทางการนั่งทำงานที่เหมาะสม ควรจัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาและจัดเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับโต๊ะเพื่อให้แขนและข้อมืออยู่ในตำแหน่งที่สบาย การนั่งให้หลังตรงและการใช้เก้าอี้ที่รองรับสรีระช่วยลดแรงกดดันที่คอและไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดความเสี่ยงของการเกิดอาการปวด
- การพักเบรกและยืดกล้ามเนื้อเป็นระยะ ควรหยุดพักจากการทำงานทุก ๆ 1 ชั่วโมงเพื่อยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ และหลัง การทำท่ายืดเหยียดเล็กน้อย เช่น การยืดคอเอียงไปด้านข้างหรือการยกแขนขึ้นเหนือศีรษะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น
- การฝึกการหายใจและการจัดการความเครียด ความเครียดส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดความเกร็งตัว การฝึกการหายใจลึกและการฝึกผ่อนคลายช่วยให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายและลดความเครียดที่เกิดขึ้น ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่าดีขึ้น
- การออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบคอ บ่า และไหล่ เช่น โยคะ พิลาทิส หรือการยกน้ำหนักเบาช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อสามารถรองรับแรงกดดันจากการทำงานและการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
- การใช้หมอนและเตียงที่เหมาะสม การนอนหลับบนหมอนและเตียงที่รองรับศีรษะและกระดูกสันหลังได้ดีช่วยลดความเครียดต่อกล้ามเนื้อคอและบ่า ควรเลือกหมอนที่รองรับโครงสร้างของคอและไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป ทำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพและลดการเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดเมื่อยหลังตื่นนอน
- การทำกายภาพบำบัดหรือการนวดบำบัด ในกรณีที่อาการปวดรุนแรงขึ้นและเกิดอาการเรื้อรัง การทำกายภาพบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยลดอาการปวดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ปกติ การนวดบำบัดเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเจ็บปวดได้เช่นกัน
อาการปวดคอบ่าไหล่เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทำงานยุคใหม่ เนื่องจากพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนั่งทำงานนาน ความเครียดสะสม และการใช้กล้ามเนื้อผิดท่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการนั่งทำงานในท่าที่เหมาะสม การพักเบรกและยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ และการดูแลร่างกายด้วยการออกกำลังกายและการฝึกผ่อนคลายช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดคอบ่าไหล่ การป้องกันและใส่ใจสุขภาพกล้ามเนื้อให้แข็งแรงช่วยให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บลู เมดิแคร์ เจเเปน (Blue Medicare Japan) หรือ BluMed ดำเนินการโดย บริษัท บลู แอสซิสแท็นซ จำกัด ก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการจัดการท่องเที่ยวเพื่อมุ่งเน้นในการป้องกันการดูแลสุขภาพ ชะลอการเจ็บป่วย รวมไปถึงการรักษาโรคแก่ผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
BluMed ได้ร่วมมือกับคลินิกทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น ในการให้คำปรึกษาและจัดการความเจ็บปวดอย่างเหมาะสม ตามอาการของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-661-7686
Website : blumedth.com
Line official : @blumed
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้