ฝึกแบบดั้งเดิม VS Cyber Range Simulation อะไรดีกว่า?

Cyber Range Simulation ทางเลือกใหม่การฝึกอบรมรับมือภัยไซเบอร์

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวหน้า Cyber Range Simulation ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างมาก เนื่องจาก Cyber Range คือการใช้เทคโนโลยีสร้างสภาพแวดล้อมไซเบอร์เสมือนจริงเพื่อฝึกทักษะในการต่อกรกับภัยไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนและรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรในปัจจุบัน เมื่อภัยไซเบอร์มีความรุนแรงมากขึ้น การฝึกแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอสำหรับการเตรียมพร้อมในสถานการณ์จริง ดังนั้น Cyber Range Training จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ และเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น บทความนี้จะชวนไปดูความต่างระหว่างการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมและ Cyber Range Training 

ความแตกต่างของการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมกับ Cyber Range Simulation

เมื่อปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่ทุกองค์ต้องเผชิญและต้องมีการวางแผนรับมือในเรื่องนี้อย่างรัดกุม การฝึกอบรมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ไซเบอร์จึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยองค์กรสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์จริงได้ โดยการฝึกอบรมนี้สามารถแบ่งได้ออกเป็นสองรูปแบบหลัก ๆ คือการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมและ Cyber Range Training ซึ่งการฝึกทั้งสองวิธีมีข้อดี ข้อจำกัด และความเหมาะสมในด้านการพัฒนาทักษะที่แตกต่างกันไป

ดังนั้นเพื่อให้คุณมีความเข้าใจและสามารถเลือกวิธีการฝึกอบรมระหว่างแบบดั้งเดิมและ Cyber Range Simulation ได้ มาดูข้อมูลที่เรานำมาฝากไปพร้อม ๆ กันเลย

การฝึกอบรมแบบดั้งเดิม

การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมเป็นการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้เชิงทฤษฎี การศึกษาภายในห้องเรียน หรือการฝึกปฏิบัติที่ไม่ซับซ้อนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยอาจมีการให้ผู้ฝึกอบรมทำแบบฝึกหัด เน้นไปที่การให้ความรู้พื้นฐานและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการรับมือในสถานการณ์ทั่วไป

ลักษณะเด่น

• การเรียนรู้ทฤษฎี: เน้นไปที่การให้ความรู้และการศึกษาทฤษฎีพื้นฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อให้ผู้อบรมสามารถเข้าใจหลักพื้นฐานและนำไปปรับใช้ได้
• การฝึกฝนในห้องเรียนหรือการศึกษาทางออนไลน์: มีการฝึกอบรมในสถานที่ที่มีการควบคุมด้านความปลอดภัย ทำให้จัดการเนื้อหาและเวลาเรียนได้มีประสิทธิภาพ
• เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น: การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมเป็นการเน้นไปที่ความรู้พื้นฐาน ไม่ซับซ้อนและมีความปลอดภัยสูง จึงเป็นการฝึกอบรมที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

• ไม่เสี่ยงต่อสถานการณ์จริง: ไม่มีการจำลองสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง จึงช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดในสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้

ข้อจำกัด

ข้อจำกัดของการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมคือ ผู้ฝึกอบรมอาจไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจริงได้ เนื่องจากขาดประสบการณ์และทักษะในการตัดสินใจจากการไม่ได้จำลองสถานการณ์จริง นอกจากนี้ยังขาดทักษะในการจัดการและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

Cyber Range Simulation

Cyber Range คือการฝึกอบรมที่เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริงของโลกไซเบอร์ ซึ่งผู้ฝึกอบรมสามารถเข้าไปทดสอบความรู้ความสามารถ และฝึกใช้ทักษะต่าง ๆ ในการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุดได้

ลักษณะเด่น

• จำลองสถานการณ์จริง: Cyber Range Training สามารถจำลองสถานการณ์จริงของภัยไซเบอร์ได้หลากหลาย เช่น การเจาะระบบข้อมูล หรือการโจมตีแบบ DDoS
• ฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย: Cyber Range Training ช่วยให้ผู้ฝึกอบรมสามารถฝึกการคิดและการตอบสนองต่อภัยไซเบอร์โดยไม่เสี่ยงระบบข้อมูลจริง
• ประสบการณ์ที่สมจริง: Cyber Range Training ช่วยให้ผู้ฝึกอบรมได้รับประสบการณ์สมจริงจากการรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ซึ่งหาได้ยากจากการเรียนทั่วไป
• สามารถฝึกซ้ำได้: Cyber Range Training เป็นการฝึกอบรมที่สามารถฝึกซ้ำได้ในหลายสถานการณ์และได้ตลอดเวลา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบจริง ๆ 

ข้อจำกัด

แม้ Cyber Range Simulation จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การต้องใช้ทรัพยากร เทคโนโลยี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบที่สูง การมีความซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้น ตลอดถึงการที่ไม่สามารถจำลองทุกสถานการณ์หรือภัยคุกคามได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

เห็นได้ว่าทั้งการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมและ Cyber Range Simulation นั้นมีลักษณะเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมนั้นเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องปูพื้นฐานเนื้อหาด้าน Cyber Sucurity ในขณะที่ Cyber Range คือการฝึกอบรมที่ต้องนำทักษะพื้นฐานเหล่านั้นไปใช้เพื่อทดสอบความสามารถผ่านการจำลอง Cyber Range Simulation ในสถานการณ์จริงที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์จริงได้ ดังนั้นการจะเลือกได้ว่าควรฝึกอบรมแบบดั้งเดิมหรือ Cyber Range Training จำเป็นต้องพิจารณาจากทักษะความรู้ของผู้ฝึกอบรมเป็นหลักเพื่อให้การฝึกอบรมเป็นไปอย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด