ยาทาแผลเป็น หรือครีมลดรอยแผลเป็น ตัวช่วยให้รอยแผลจางลง

รอยแผลเป็น... คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นบนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ จากอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน หรือรอยแผลเป็นขนาดใหญ่จากการผ่าตัด รอยไหม้ หรือแม้แต่รอยจากสิว รอยแผลเป็นเหล่านี้ มักจะสร้างความกังวลใจ ทำให้ขาดความมั่นใจ สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยยาทาแผลเป็น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นให้ดูจางลงและเรียบเนียนขึ้น ในรูปแบบเจลหรือครีมที่ใช้งานง่าย สามารถทาได้เองที่บ้าน

ครีมลดรอยแผลเป็น ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างไร

ครีมลดรอยแผลเป็นทำงานโดยการปรับเปลี่ยนลักษณะที่ปรากฏของรอยแผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ รอยผ่าตัด หรือสิว แม้ว่าครีมทาแผลเป็นเหล่านี้ จะไม่สามารถลบรอยแผลเป็นให้หายไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลง อ่อนนุ่มขึ้น และเรียบเนียนขึ้นได้

ยาทาแผลเป็นมีกระบวนการทำงาน โดยช่วยให้ผิวบริเวณรอยแผลเป็นมีความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มขึ้นและลดอาการคัน กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลง บางครั้ง ร่างกายอาจผลิตคอลลาเจนมากเกินไปในบริเวณที่เกิดแผล ทำให้เกิดรอยแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ ครีมลบแผลเป็นบางชนิดมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมการผลิตคอลลาเจน และช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่นละออง และมลภาวะ ซึ่งอาจทำให้รอยแผลเป็นแย่ลง

ส่วนประกอบทั่วไปในครีมลดรอยแผลเป็น ได้แก่

• ซิลิโคน (Silicone) ช่วยลดการสูญเสียน้ำของผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดรอยแดง และลดขนาดของรอยแผลเป็น โดยเฉพาะรอยแผลเป็นนูนและคีลอยด์ มีทั้งในรูปแบบเจลและแผ่นแปะ
• สาร MPS (Mucopolysaccharide Polysulfate) ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดการอักเสบ และส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลงและเรียบเนียนขึ้น
• วิตามินอี (Vitamin E) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหาย ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และส่งเสริมการสมานแผล
• วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดรอยดำ และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
• สารสกัดจากหัวหอม (Allium Cepa Extract) มีคุณสมบัติลดการอักเสบและลดการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป ช่วยลดขนาดและความแดงของรอยแผลเป็น
• สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica Extract) ช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลง

แนะนำวิธีการเลือกซื้อยาทาแผลเป็น ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

การเลือกซื้อยาทาแผลเป็นนั้นสำคัญมาก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและชนิดของแผลเป็น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง จึงควรพิจารณาเลือกซื้อครีมลดรอยแผลเป็นจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้

1. ชนิดของแผลเป็น
   
   • แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) และคีลอยด์ (Keloid) มักเกิดจากการผลิตคอลลาเจนมากเกินไป ทำให้แผลเป็นนูนขึ้นมาจากผิวหนัง ควรเลือกยาทาแผลที่มีส่วนผสมของซิลิโคน (Silicone) หรือสารสกัดจากหัวหอม (Allium Cepa Extract) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างคอลลาเจน
   • แผลเป็นบุ๋ม (Atrophic Scar) มักเกิดจากสิวหรือการสูญเสียเนื้อเยื่อ ทำให้แผลเป็นเป็นรอยบุ๋มลงไป ควรเลือกครีมลดรอยแผลเป็นจากสิวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น วิตามินซี (Vitamin C) หรือสารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica Extract)
   • รอยแผลเป็นจากรอยดำ (Hyperpigmentation) มักเกิดจากการอักเสบหลังการเกิดแผล ทำให้เกิดรอยดำคล้ำ ควรเลือกยาทารอยแผลเป็นรอยดําที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดรอยดำ เช่น วิตามินซี (Vitamin C) หรือสารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract)
2. ส่วนผสมของยาทาแก้รอยแผลเป็น อย่างเช่นซิลิโคน (Silicone), สาร MPS (Mucopolysaccharide Polysulfate), วิตามินอี (Vitamin E), วิตามินซี (Vitamin C) เป็นต้น
3. สภาพผิว
   
   • ผิวแห้ง ควรเลือกยาทารักษาแผลเป็นที่มีเนื้อครีมเข้มข้น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
   • ผิวมัน ควรเลือกยารักษาแผลเป็นที่มีเนื้อเจลหรือเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
   • ผิวแพ้ง่าย ควรเลือกยาทาแก้แผลเป็นที่ระบุว่า "Hypoallergenic" หรือ "เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย" และทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ โดยทาผลิตภัณฑ์ในบริเวณเล็ก ๆ เช่น ข้อพับแขน ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง คัน หรือแสบร้อน ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นั้นได้
4. รูปแบบของยาทาแผลเป็น
   
   • เจล (Gel) เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว เหมาะสำหรับผิวมันและแผลเป็นที่ไม่หนามาก
   • ครีม (Cream) เนื้อเข้มข้น ให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแห้งและแผลเป็นที่หนา
   • แผ่นแปะ (Sheet) มักทำจากซิลิโคน ใช้แปะบริเวณแผลเป็น เหมาะสำหรับแผลเป็นนูนและคีลอยด์ ช่วยลดการเสียดสีและรักษาความชุ่มชื้น

แนะนำยาทาแผลเป็น 4 ยี่ห้อยอดนิยม

ด้วยปัจจุบัน มียาทาแผลเป็นมากมายหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ แต่อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องทำความเข้าใจและเปรียบเทียบครีมลดรอยแผลเป็นแต่ละยี่ห้อให้ดี เพื่อให้สามารถเลือกซื้อยาทาลดรอยแผลเป็นให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยขอแนะนำ 4 ยี่ห้อครีมทารอยแผลเป็นที่หลายคนให้ความนิยม ได้แก่

1. Rebac Silicone Gel

Rebac Silicone Gel เป็นยาทาแผลเป็นแบบซิลิโคนเจลทางการแพทย์ ใช้สำหรับลดเลือนรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ มาในรูปแบบเจลใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีคุณสมบัติคือ ลดเลือนรอยแผลเป็นนูน แผลคีลอยด์ และรอยแผลเป็นทั่วไป ช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนและคีลอยด์ ลดรอยดำ รอยแดงจากแผลเป็น ช่วยให้แผลเป็นเรียบเนียนขึ้น และสามารถใช้ได้กับแผลเป็นจากผ่าตัด อุบัติเหตุ และแผลเป็นจากสิวต่าง ๆ

1. จุดเด่นของครีมลดรอยแผลเป็น
   
   • Baycusan®: สารสำคัญที่ช่วยสร้างฟิล์มบาง ๆ เคลือบปกป้องแผลเป็นจากน้ำและสิ่งสกปรก ช่วยลดการระเหยของน้ำ ทำให้แผลเป็นชุ่มชื้น
   • Allium Cepa และ Centella Asiatica: สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยลดการอักเสบ สมานแผล ลดรอยดำ รอยแดง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
   • ซิลิโคนทางการแพทย์: ช่วยลดการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ลดแผลเป็นนูนและคีลอยด์
2. ข้อจำกัดของยารักษาแผลเป็น คือ เป็นสินค้าคุณภาพ เน้นจำหน่ายในช่องทางออนไลน์และร้านขายยาบางแห่ง

2. Dermatix Ultra

ขอบคุณภาพจาก https://dermatix.asia/our-scar-treatments/dermatix-ultra

Dermatix Ultra เป็นยาทารอยแผลแบบซิลิโคนเจล (Cyclopentasiloxane) เนื้อบางเบา แห้งเร็ว มาในรูปแบบเจลใส ไม่มีกลิ่น มีคุณสมบัติ คือ ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นนูน แผลเป็นจากการผ่าตัด อุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ช่วยให้แผลเป็นนุ่มขึ้นและสีจางลง และป้องกันการเกิดแผลเป็นนูน ทั้งนี้ สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้

1. จุดเด่นของครีมทาลดรอยแผลเป็น
   
   • CPX Technology: ซิลิโคนชนิดพิเศษที่ช่วยสร้างฟิล์มบาง ๆ ปกคลุมแผลเป็น ช่วยลดการสูญเสียน้ำ ทำให้แผลเป็นนุ่มขึ้น
   • Vitamin C Ester: อนุพันธ์ของวิตามินซีที่มีความเสถียร ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และช่วยบำรุงผิว
   • แห้งเร็ว: เนื้อเจลแห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้สามารถแต่งหน้าหรือสวมเสื้อผ้าทับได้ทันที
2. ข้อจำกัดของครีมลดแผลเป็น คือ มีราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่น และอาจไม่เหมาะกับแผลเป็นที่มีขนาดใหญ่มากหรือแผลเป็นเก่ามาก

3. Provamed Scar Silicone

ขอบคุณภาพจาก https://www.watsons.co.th/en/provamed-scar-silicone-10g./p/BP_291631

Provamed Scar Silicone เป็นครีมรักษารอยแผลเป็นในรูปแบบเจลซิลิโคนใส ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย มีจุดเด่นที่เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และมีส่วนผสมที่ช่วยดูแลรอยแผลเป็นให้ดูดีขึ้น มีคุณสมบัติ คือ ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลผ่าตัด (รวมถึงแผลผ่าคลอด) ช่วยให้แผลเป็นเรียบเนียนขึ้น และบำรุงผิวบริเวณแผลเป็น ถือว่าเป็นยาทาแผลเป็นผ่าตัดหรือยาทาแผลเป็นผ่าคลอดที่น่าสนใจที่สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้

1. จุดเด่นของยาทาลดรอยแผลเป็น
   
   • CPX (Cyclopentasiloxane): ซิลิโคนชนิดพิเศษ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
   • Epitensive™ (Plant-Epidermal Growth Factor): สารสกัดจากพืชที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
   • Vitamin C และ E: ช่วยบำรุงผิว ลดรอยดำ และต้านอนุมูลอิสระ
2. ข้อจำกัดของครีมรอยแผลเป็น คือ อาจต้องใช้เวลาในการใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะกับแผลเป็นเก่า

4. Hiruscar Silicone Pro 

ขอบคุณภาพจาก https://www.hiruscar.co.th/hiruscar-silicone-pro/

Hiruscar Silicone Pro เป็นยาทาลบรอยแผลเป็นในรูปแบบซิลิโคนเจลใส ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นให้ดูจางลงและเรียบเนียนขึ้น มีคุณสมบัติ คือ ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ แผลผ่าตัด แผลคีลอยด์ แผลนูน รอยบาด รอยขีดข่วน รอยไหม้ รวมถึงรอยแผลเป็นจากแมลงกัดต่อย ทั้งแผลเป็นเก่าและใหม่ ช่วยให้แผลเป็นอ่อนนุ่มขึ้น และบรรเทาอาการคันที่เกิดจากแผลเป็น

1. จุดเด่นของยาทาลดรอยแผล
   
   • MPS (Mucopolysaccharide Polysulfate): ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้แผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น
   • Stabilized Vitamin C: ช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลง และช่วยบำรุงผิว
   • ช่วยคงความชุ่มชื้นของผิว: ช่วยรักษาสมดุลการสูญเสียน้ำของผิว
2. ข้อจำกัดของครีมลดรอยแผลเป็น คือ อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจนในแผลเป็นเก่า และบางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อเจลมีความหนืดกว่าบางยี่ห้อ

วิธีใช้ยาทาแผลเป็น ใช้อย่างไรให้เห็นผลลัพธ์สูงสุด

การใช้ยาทาแผลเป็นให้เห็นผลสูงสุดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตัวยาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลและลักษณะของแผลเป็นด้วย 

1. เลือกครีมลดรอยแผลเป็นให้เหมาะสมกับชนิดของแผลเป็น เช่น
   
   • แผลเป็นนูน/คีลอยด์ ควรเลือกยาทาคีลอยด์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคน (Silicone) เป็นหลัก ซึ่งช่วยลดการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ทำให้แผลเป็นนุ่มและเรียบขึ้น
   • แผลเป็นบุ๋ม ควรเลือกครีมทาแผลเป็นที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น วิตามินซี (Vitamin C), สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica Extract) เพื่อเติมเต็มรอยบุ๋ม
   • รอยดำจากแผลเป็น ควรเลือกครีมลดรอยดําแผลเป็นที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดรอยดำ เช่น อาร์บูติน (Arbutin), วิตามินซี (Vitamin C), ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide)
   • แผลเป็นจากรอยไหม้ ควรเลือกครีมลดรอยแผลเป็นจากไฟไหม้ที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น อโลเวร่า (Aloe Vera), วิตามินอี (Vitamin E) เพื่อลดการระคายเคืองและส่งเสริมการสมานแผล
2. รอให้แผลปิดสนิทและสะเก็ดแผลหลุดออกก่อนเริ่มใช้ยาทาแผลเป็น การทายาบนแผลเปิดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ติดเชื้อ หรือแผลหายช้าลง
3. ก่อนทายาสมานแผลเป็นทุกครั้ง ควรล้างมือและทำความสะอาดบริเวณแผลเป็นด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ และซับให้แห้งสนิท เพื่อให้ยาซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
4. ทายาในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ต้องทาหนา เพราะจะทำให้ยาทาแผลเป็นไม่ซึมและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ โดยทาเบา ๆ ในทิศทางเดียวกับแนวแผล โดยไม่ต้องถูหรือนวดแรง ๆ และต้องทาอย่างสม่ำเสมอ วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือตามคำแนะนำของครีมลดรอยแผลเป็น
5. ระยะเวลาในการใช้ครีมลดรอยแผลเป็นขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของแผลเป็น โดยทั่วไปจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน หรือนานกว่านั้นในกรณีของแผลเป็นขนาดใหญ่หรือแผลเป็นเก่า

สรุป ยาทาแผลเป็น ตัวช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็น

ยาทาแผลเป็นเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อดูแลรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ จะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส และลดเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยส่วนผสมพิเศษที่ช่วยลดการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลเป็นนูนและคีลอยด์ รวมถึงช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการใช้ครีมลดรอยแผลเป็นตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังแผลปิดสนิท จะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ