ปลดหนี้อย่างไรให้หนี้หมดไว้ พร้อมเริ่มต้นเก็บเงินใหม่

ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่บางครั้งก็มีเหตุการณ์จำเป็นที่ต้องหยิบยืมเงินจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ เมื่อเป็นหนี้เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะปลดหนี้ออกไปให้หมด แต่บางครั้งก็มีเหตุบางอย่างทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ทั้งหมดทีเดียวได้ เมื่อปล่อยให้หนี้ก้อนโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มรู้สึกเครียด นอนไม่หลับ ทานอาหารไม่ลง จนส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจ 

แม้จะรู้สึกเครียดแค่ไหนแต่หนี้ก็ไม่หยุดรอด้วย ดังนั้นควรรีบตั้งสติและยอมรับว่ามีหนี้ที่กำลังรอสะสางอยู่ สำหรับผู้ที่อยากจะปลดหนี้ให้หมดไว ๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี? หากทำตามวิธีปลดหนี้บัตรเครดิตและหนี้อื่น ๆ ที่กำลังจะบอกต่อไปนี้ ก็จะเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยปลดหนี้ได้ในระยะยาว และพร้อมเริ่มต้นเก็บเงินใหม่ไว้ใช้ในอนาคต

1. พอแล้ว กับการสร้างหนี้เพิ่ม

สิ่งที่ควรทำในการปลดหนี้เป็นอย่างแรก ๆ คือ หยุดสร้างหนี้เพิ่ม เพราะถ้ายังคงใช้จ่ายเงินซื้อของตามใจตนเองอยู่ ก็จะทำให้ยอดหนี้ที่มีอยู่ไม่ลดลง กลับกันอาจเป็นการสร้างหนี้ที่ต้องตามจ่ายทีหลังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้จัดการหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบันลำบากขึ้นด้วยเช่นกัน

ในที่นี้สามารถหยุดสร้างหนี้ได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ค่าช็อปปิ้ง ค่างานอดิเรก ค่าใช้บริการต่าง ๆ รวมถึงการลดสเกลของที่เคยใช้อยู่ลง เช่น ปกติทานข้าวมื้อละ 100 บาทก็ลดลงเหลือมื้อละ 70 บาท ปกติใช้บริการอินเทอร์เน็ตเดือนละ 900 บาทก็ลดลงเหลือเดือนละ 400 บาท หรือปกติเน้นซื้อของราคาแพงก็ซื้อของที่ราคาถูกลงแต่คุณภาพใกล้เคียง เป็นต้น

ถึงแม้ว่าการงดซื้อของฟุ่มเฟือย หรือลดการใช้เงินอย่างที่เคยใช้ในช่วงแรก ๆ อาจรู้สึกลำบากมาก แต่การปลดหนี้ให้หมดไว ๆ ก็เป็นผลดีกับตัวเองในอนาคต ดังนั้นหากต้องการปลดหนี้ก็ควรลดการใช้เงินกับสิ่งของฟุ่มเฟือยในแต่ละเดือนลง และหยุดสร้างหนี้เพิ่มเพื่อให้มีเงินไว้ใช้ชำระหนี้ในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้น

2. จดรายการหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ก่อนที่จัดระเบียบและปลดหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น ก็จะต้องจดรายการหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดอย่างละเอียดว่ามีหนี้จากแหล่งไหนบ้าง เช่น หนี้จากการยืมครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้าง หนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้จากการผ่อนบ้านหรือรถ และหนี้อื่น ๆ ว่าแต่ละหนี้มียอดคงเหลือปัจจุบันเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ย ยอดชำระขั้นต่ำ และระยะเวลาที่ค้างชำระหนี้นั้น ๆ 

การจดรายการหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดออกมาอย่างละเอียด จะทำให้เห็นภาพรวมของหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด และสามารถเรียงลำดับหนี้ไหนที่จำเป็นจะต้องชำระให้หมดก่อน และหนี้ไหนที่สามารถรอชำระให้หมดทีหลังได้สะดวกขึ้น

3. จัดลำดับหนี้ที่มีอยู่ ว่าหนี้ไหนควรรีบจ่ายที่สุด

เมื่อจดรายการหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้วว่ามีหนี้จากแหล่งไหนบ้าง ขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำในการปลดหนี้ คือ การลำดับหนี้สินที่มีอยู่ทั้งหมด ว่าควรจ่ายหนี้ไหมก่อน โดยหนี้ที่ควรรีบจัดการให้หมดไวที่สุด คือ หนี้จากนอกระบบ แล้วค่อยจัดการหนี้ในระบบอีกที

1. กรณีที่มีหนี้นอกระบบ

หนี้นอกระบบ คือ หนี้ที่ไม่ผ่านระบบสถาบันทางการเงิน ซึ่งมักจะมีดอกเบี้ยสูงกว่าปกติมาก ในกรณีที่ยืมกับเจ้าหนี้ที่เคี่ยวและถ้าชำระหนี้ไม่หมดก็เสี่ยงที่จะโดนเจ้าหนี้ขู่ คุกคาม หากโชคไม่ดีก็อาจโดนทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินได้ 

ดังนั้นถ้ามีเงินก้อนให้รีบจัดการเคลียร์หนี้สินนอกระบบให้เร็วที่สุด แต่ถ้าไม่มีเงินก้อนปลดหนี้ควรปรึกษากับสถาบันทางการเงินเพื่อขอสินเชื่อปลดหนี้นอกระบบ และย้ายหนี้ที่มีให้อยู่ในระบบทางสถาบันทางการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าแทน

2. กรณีที่ไม่มีหนี้นอกระบบ 

กรณีที่ไม่มีหนี้นอกระบบ หนี้ที่ควรจัดการเป็นอย่างแรก คือ หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ เพราะยิ่งอัตราดอกเบี้ยสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทำให้มีเงินไปชำระเงินต้นน้อยลง ดังนั้นจึงควรเลือกชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงก่อน แล้วค่อย ๆ เรียงลำดับชำระหนี้อื่น ๆ ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลงมา

ทั้งนี้การเรียงลำดับหนี้ที่ต้องชำระนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เพราะจะมีบางกรณี เช่น กรณีที่มีหนี้อัตราดอกเบี้ยปกติแต่ยอดน้อยมากพอที่จะปิดหนี้ได้เลย ก็สามารถเลือกปลดหนี้ก้อนนั้นก่อน แล้วค่อยชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงทีหลังเพื่อไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ยเพิ่มได้ด้วยเช่นกัน

4. ชำระหนี้สินด้วยวิธีไหน

กรณีที่มีเงินก้อนไม่พอปิดหนี้ทั้งหมด จะต้องเลือกวิธีชำระหนี้อย่างรัดกุมเพื่อให้ปลดหนี้ได้เร็ว ในที่นี้จะแนะนำให้ชำระหนี้ขั้นต่ำกับตัวหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำก่อน แล้วนำเงินที่เหลือจากการแบ่งเก็บแบ่งใช้จ่ายในแต่ละเดือนทั้งหมดไปปลดหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด 

หลังจากที่ปลดหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดแล้ว ค่อยเรียงลำดับชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงรองลงมาด้วยการชำระหนี้ให้สูงกว่าขั้นต่ำ และชำระหนี้ปกติด้วยขั้นต่ำ ทำซ้ำ ๆ จนปิดหนี้ทั้งหมดได้

แล้วถ้าหนี้ที่มีอยู่ทุกตัวในปัจจุบันมีอัตราดอกเบี้ยปกติควรชำระหนี้แบบไหนดี? ในที่นี้ก็สามารถเลือกปลดหนี้ที่มียอดคงเหลือน้อยที่สุดก่อนด้วยการชำระหนี้ให้สูงกว่าขั้นต่ำ แล้วค่อย ๆ ชำระหนี้ที่เหลือด้วยการชำระขั้นต่ำตามลำดับจนหมดตามปกติ

5. หาเงินเพิ่ม = ชำระหนี้ได้มากขึ้น

หากต้องการชำระหนี้มากขึ้น นอกจากการลดรายจ่ายแล้ว การหาเงินในแต่ละเดือนเพิ่มเป็นหนึ่งในวิธีปลดหนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อมีเงินเพิ่มขึ้นก็จะสามารถนำเงินไปชำระหนี้ ได้มากขึ้น และยอดหนี้คงเหลือก็จะลดลง สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางหาเงินปลดหนี้ ในที่นี้ก็มีบางวิธีที่ช่วยหาเงินปลดหนี้ได้ เช่น

ขายทรัพย์สิน

ถึงแม้ว่าทรัพย์สินบางอย่างจะเป็นทรัพย์สินที่มีคุณค่าทางจิตใจ แต่ทรัพย์สินบางอย่างสามารถขายได้ราคาดีและยังทำให้ได้รับเงินก้อนเร็ว ถ้าต้องการปลดหนี้ไว ๆ การขายทรัพย์สินจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้มีเงินชำระหนี้เพิ่มได้

หางานเสริมสร้างรายได้

หากต้องการหาเงินเพิ่มหลังจากเลิกงานหรือว่าทำงานในวันหยุด ในปัจจุบันก็มีงานที่เปิดรับรายวันมากมาย เช่น งานสตาฟ งานทำความสะอาดบ้าน และงานอื่น ๆ ในกรณีที่มีความสามารถพิเศษ เช่น วาดรูป เล่นดนตรี ทำอาหาร ทำขนม หรือมีความถนัดทางด้านการศึกษา ก็สามารถใช้ทักษะที่ตนเองมีมาใช้หารายได้เสริมเพิ่มได้ด้วยเช่นกัน

6. วางแผนการเงินใหม่ให้ดี

หลังจากที่ปลดหนี้บางส่วนไปแล้วก็จะทำให้มีอิสระทางการเงินมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะใช้เงินตามใจชอบได้ เพราะตราบใดที่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินก็อาจจะกลับมามีหนี้สินก้อนโตอีกครั้งได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อหนี้เพิ่ม คือ การวางแผนการเงินของตนเองใหม่

การวางแผนทางการเงินจะเริ่มจากการแยกค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละเดือนออกมาก่อน โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นและค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น นอกจากนี้แล้วยังควรทำบันทึกรายรับรายจ่ายที่ใช้ทุกรายการ เพื่อให้เห็นภาพรวมพฤติกรรมการใช้เงินในแต่ละเดือนง่ายขึ้น และยังช่วยทำให้สามารถวางแผนปรับเปลี่ยนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถึงแม้ว่าจะปลดหนี้ต่าง ๆ รวมถึงปลดหนี้บัตรเครดิตหมดแล้วก็ไม่ควรใช้เงินอย่างประมาท เพราะอาจทำให้กลับมามีภาระหนี้สินอีกครั้งได้ ดังนั้นหากต้องการใช้เงินจากบัตรเครดิตก็ควรใช้เท่าที่จ่ายยอดเต็มจำนวนไหว หรือว่าต้องการผ่อนของต่าง ๆ ก็ควรตรวจสอบสถานะทางการเงินของตนเอง รวมถึงเงื่อนไขในการผ่อนทุกครั้ง

7. วางแผนเตรียมออมเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่กำลังชำระหนี้หรือว่าปลดหนี้สินทั้งหมดได้แล้ว ก็ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากรายรับในแต่ละเดือนมาเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากในกรณีเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ เช่น เช่น เจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือประสบกับเหตุการณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน จะได้นำเงินที่เก็บสำรองไว้มาใช้จ่ายแทนการหยิบยืมเงินจากบัตรเงินสดหรือหาสินเชื่อกู้ที่มีดอกเบี้ย

ปลดหนี้ให้หมด เพื่ออนาคตของตนเอง

เมื่อหลวมตัวสร้างหนี้แล้วก็ควรรีบจัดการปลดหนี้ออกไปให้หมดให้เร็วที่สุด แต่ก็มีบางคนที่จมปลักอยู่กับความเครียด และก็มีบางคนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงว่าตัวเองมีหนี้ที่กำลังรอชำระด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเครียดมากแค่ไหน ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองมีหนี้ แต่การปล่อยหนี้ทิ้งไว้ก็ไม่ได้เป็นผลดีกับตนเอง ดังนั้นจึงควรรีบตั้งสติและวางแผนชำระหนี้อย่างรัดกุมเพื่ออนาคตของตนเอง