ความแตกต่างของการเจ็บคอจากการติดเชื้อไวรัสและการเจ็บคอที่ไม่ติดเชื้อไวรัส

GUEST1660817967

ขีดเขียนเต็มตัว (148)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:143
เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 16.46 น.

          อาการเจ็บคอ เป็นความเจ็บป่วยของบริเวณเนื้อเยื่อในลำคอ ต่อมทอนซิล กล่องเสียงและส่วนอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บ คัน หรือระคายเคืองภายในลำคอ และมักมีอาการมากขึ้นขณะกลืนน้ำลาย รวมถึงอาจทำให้ไอและเสียงเปลี่ยนไปได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เจ็บคอมาก จะมาจากการติดเชื้อไวรัส จากไข้หวัด ซึ่งการเจ็บคอจากเชื้อไวรัสจะสามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน โดยไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งแตกต่างจากการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่จะมีอาการนานกว่า และต้องรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งต่อเนื่องจนหมด ส่วนการเจ็บคอที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ก็อาจจะเกิดจากโรคบางโรคที่สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บคอหรือคออักเสบได้ เช่น ไซนัส ภูมิแพ้ กรดไหลย้อน รวมไปถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งเสริมให้เกิดอาการเจ็บคอ เคืองคอได้ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ชอบรับประทานอาหารทอดๆ มันๆ หรืออาหารรสจัด ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการเจ็บคอมีทั้งที่เป็นอาการหนักที่ต้องไปพบแพทย์ด่วน กับที่อาการไม่หนักสามารถทำการรักษาด้วยตนเองได้โดยอาการที่เป็นหนักที่ต้องพบแพทย์มีดังนี้

รวมอาการเจ็บคอที่ต้องรีบไปพบแพทย์

  • เจ็บคอมาก คอแดง ร่วมกับมีไข้
  • เจ็บคอ ร่วมกับหายใจและกลืนลำบาก
  • เจ็บคอและมีอาการปวดหู ปวดศีรษะ
  • เจ็บคอ เสียงแหบ มีเลือดปนเสมหะ หรือน้ำลาย

วิธีรักษาอาการเจ็บคอเบื้องต้น

การรักษาอาการเจ็บคอจะมีวิธีการรักษาตามสาเหตุของอาการเจ็บคอ ได้แก่

  1. การเจ็บคอจากการติดเชื้อไวรัส โดยปกติจะสามารถหายได้เองภายในเวลาไม่เกิน 7 วัน อาจจะใช้ยาหรือ spray ฉีดพ้นคอเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอก็ได้ อย่าง สเปร์ย ของโพรโพลิส ที่สามารถฉีดพ้นได้ทั้งกับเด็ก และผู้ใหญ่ แต่หากเป็นเด็กควรระมัดระวังในการใช้ยาแอสไพรินหน่อย เพราะอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อเด็กได้
  2. การเจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หากอาการไม่หายไปเองภายใน 7 วัน และมีอาการอื่นปรากฏร่วมด้วย เช่น มีไข้ เสมหะมีเลือดปะปน รวมถึงอาการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเจ็บคอ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับคำแนะนำในการรักษาต่อไป
  3. ไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัส เกิดจากผลกระทบจากโรคอื่น หรือเกิดจากอาการภูมิแพ้ก็ควรหลีกเลี่ยงสารหรือวัตถุที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้และรักษาตามอาการต่อไป

การป้องกันอาการเจ็บคอ สามารถทำได้หลายวิธี จากการดูแลตนเองในเรื่องสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน และหลีกเลี่ยงสถานที่หรือสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย

  • ไม่ใช้อุปกรณ์และของต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่น
  • ล้างมือก่อน-หลังทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันแบคทีเรีย
  • ดูแลสุขอนามัยภายในบ้านให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อ 1 วัน ผู้หญิง ควรดื่มวันละประมาณ 7 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 11 แก้วครึ่ง ผู้ชาย ควรดื่มวันละประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 15 แก้วครึ่ง (คำแนะจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ)
  • พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ และสารเคมีต่าง ๆ
  • หลีกเลี่ยงการสูดดมควันต่าง ๆ เช่น ควันจากยานพาหนะ หรือควันบุหรี่

          ทั้งนี้หากมีอาการเจ็บคอนานกว่า 2 สัปดาห์ รับประทานยาแล้วยังไม่หาย หายใจลำบาก กลืนไม่ได้จนน้ำลายไหล ควรรีบพบแพทย์เพราะอาจเป็นอาการบ่งชี้โรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงโรคไข้หวัดทั่วไป จะเห็นได้ว่าอาการเจ็บคอสามารถบ่งชี้โรคอื่นๆ ได้หลายโรค ดังนั้นหากมีอาการเจ็บคอมากผิดปกติ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกรก่อนการรับประทานยาทุกครั้ง เพราะการรับประทานยาในกรณีที่ไม่จำเป็นอาจทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสดื้อยาในอนาคตอีกด้วยค่ะ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจ็บคอมากได้ที่ https://www.propolizspray.com/เจ็บคอมาก/

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา