ยาเบาหวานคืออะไร มีผลข้างเคียงที่อันตรายหรือไม่

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (467)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:843
เมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 02.08 น.

ในการดำรงชีวิตของเรามีสิ่งจำเป็นอยู่ที่ 4 อย่างที่เรียกว่าปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร, ที่อยู่อาศัย, เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค หากมีครบทั้งหมดก็สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ เราจะมาพูดถึงยารักษาโรคที่นับเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 โดยยาแต่ละชนิดนั้นก็สามารถรักษาโรคได้แตกต่างกันไป ในบทความนี้จะมากล่าวถึงยาเบาหวาน ที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวาน

 

รู้จักกับเบาหวาน

โรคเบาหวาน คือภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อระบบตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) เสียหายหรือไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ โดยฮอร์โมนอินซูลินมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้เซลล์ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานได้

เมื่อเกิดโรคเบาหวาน ร่างกายจะไม่สามารถผลิตอินซูลินอย่างเพียงพอหรือใช้อินซูลินที่ผลิตขึ้นมาได้อย่างปกติ ผลที่เกิดขึ้นคือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเกินไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถประมวลผลน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้เต็มที่ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ เช่น ภาวะอ้วน เส้นประสาทเสื่อมสภาพ การเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาตา ไต ปัญหาทางเพศ เป็นต้น

 

คำแนะนำการใช้ยาเบาหวาน

ยาเบาหวานเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งยารักษาเบาหวานนั้นมีข้อควรระวังในการใช้ ได้แก่

  • การใช้ยาเบาหวานควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ที่รักษาโรคเบาหวาน อ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับยาที่ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ ให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความชัดเจนกว่า ห้ามแก้ไขปริมาณยา รวมถึงเลือกใช้ยาแทนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์
  • หากใช้ยาเบาหวานที่เป็นอินซูลินหรือยาเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน ควรติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ใช้เครื่องมือตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดตามที่แพทย์แนะนำและปฏิบัติตามคำแนะนำให้ถูกต้อง การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดจะช่วยให้ทราบว่ายาที่ใช้มีผลเป็นอย่างไร จะได้ช่วยปรับยาให้เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย
  • อ่านคำแนะนำของผู้ผลิตยาเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาเบาหวาน และรายงานให้แพทย์ทราบหากมีอาการผิดปกติหรือผลข้างเคียงใด ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้แพทย์สามารถปรับปรุงการรักษาให้เหมาะสมได้

 

ชนิดยาเบาหวาน

ยาเบาหวานที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เช่น

 

ยาเบาหวานแบบรับประทาน

 

  • ตัวยา metformin คือยาเบาหวานชนิดแรกที่แพทย์มักจะสั่งให้ผู้ป่วยเบาหวานใช้ ช่วยลดการผลิตน้ำตาลในตับ ช่วยเพิ่มการใช้น้ำตาลเป็นพลังงานในกล้ามเนื้อ และลดการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้
  • ตัวยากลุ่มสลิมิฟลูออไรด์ (SGLT2 inhibitors) คือยาเบาหวานที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการเพิ่มการลบน้ำตาลที่ได้จากไต ผ่านการลดการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้
  • ตัวยากลุ่มอินฦิเปติน (DPP-4 inhibitors) คือยาเบาหวานที่ช่วยลดการย่อยสลายฮอร์โมนที่ชื่อว่า GLP-1 ซึ่งช่วยปลดปล่อยอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง โดยให้ยังคง GLP-1 ที่มีประสิทธิภาพในระยะเวลานานขึ้น
  • ตัวยากลุ่มแอลฟากลูโคไฮด์อาเสต์ (Alpha-glucosidase inhibitors) คือยาเบาหวานที่ช่วยลดการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตในลำไส้เล็ก ทำให้การดูดซึมน้ำตาลลดลง
  • ตัวยากลุ่มตัวรับเข้า (Meglitinides) คือยาเบาหวานที่กระตุ้นการผลิตอินซูลินจากเซลล์เบต้าในส่วนของตับ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังการรับประทานอาหาร
  • ตัวยากลุ่มตัวรับเอมิกเลพทิด์ (Thiazolidinediones) คือยาเบาหวานที่ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินในเซลล์และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

 

ยาเบาหวานแบบฉีด

 

  • ยาฉีดอินซูลินพื้นฐาน (Basal insulin) เป็นยาเบาหวานแบบฉีดที่ให้ใช้เป็นระยะเวลายาวนาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในช่วงเวลาที่ไม่มีการรับประทานอาหาร ส่วนใหญ่ใช้ก่อนนอนหรืออย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน
  • ยาฉีดอินซูลินก่อนมื้ออาหาร (Bolus insulin) เป็นยาเบาหวานแบบฉีดที่ใช้ให้ก่อนรับประทานอาหารเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก่อนมื้ออาหาร อินซูลินแบบนี้จะเร็วและมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาสั้น มักใช้กับผู้ป่วยที่บริโภคมื้ออาหารตามเวลา
  • ยาฉีดอินซูลินหลังมื้ออาหาร (Postprandial insulin) เป็นยาเบาหวานแบบฉีดที่ใช้เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร อินซูลินแบบนี้ให้ตามเวลาที่ผู้ป่วยบริโภคมื้ออาหาร

 

เมื่อเป็นเบาหวาน ดูแลตัวเองอย่างไร

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นเบาหวานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาสุขภาพที่ดี เช่น

  • ควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตในการสร้างน้ำตาลน้อยลง และเลือกอาหารที่มีปริมาณใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียวสด ผลไม้ ธัญพืช เนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่น้อยไขมัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง อาทิเช่น ขนมหวาน น้ำตาล น้ำเชื่อม เครื่องดื่มรสหวาน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มความไวต่ออินซูลิน
  • ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ
  • รับประทานยาเบาหวานอย่างสม่ำเสมอและตามเวลาที่กำหนด สำรองยาเบาหวานให้เพียงพออยู่เสมอ
  • ลดหรือหยุดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • มีการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวชหรือการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกสติ โยคะ การหายใจลึก
  • ตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น

 

ยาเบาหวานมีผลข้างเคียงไหม

ยาเบาหวานอาจมีผลข้างเคียงได้เช่นเดียวกับยาที่ใช้ในการรักษาอื่น ๆ ตัวอย่างของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาเบาหวาน ได้แก่

  • วิงเวียนศีรษะ
  • อาการเจ็บคอ
  • อาการท้องเสียหรือปวดท้อง
  • ความคล่องตัวลดลง
  • ผื่นคัน
  • ระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง

 

เมื่อมีอาการเกิดขึ้นหลังรับประทานยาเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อหาวิธีการจัดการกับผลข้างเคียงเหล่านั้น

 

สรุปเรื่องยาเบาหวาน

ยาเบาหวานมีหลายประเภทที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน เช่น ยาเบาหวานแบบรับประทานหรือยาเบาหวานแบบฉีด โดยก่อนที่จะใช้ต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำและคำสั่งที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลก่อนทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงให้ได้มากที่สุด

แก้ไขครั้งที่ 3 โดย GUEST1649747579 เมื่อ16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 11.35 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา