ยาเบาหวานคืออะไร มีผลข้างเคียงที่อันตรายหรือไม่
ในการดำรงชีวิตของเรามีสิ่งจำเป็นอยู่ที่ 4 อย่างที่เรียกว่าปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร, ที่อยู่อาศัย, เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค หากมีครบทั้งหมดก็สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ เราจะมาพูดถึงยารักษาโรคที่นับเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 โดยยาแต่ละชนิดนั้นก็สามารถรักษาโรคได้แตกต่างกันไป ในบทความนี้จะมากล่าวถึงยาเบาหวาน ที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวาน
รู้จักกับเบาหวาน
โรคเบาหวาน คือภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อระบบตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) เสียหายหรือไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ โดยฮอร์โมนอินซูลินมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้เซลล์ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานได้
เมื่อเกิดโรคเบาหวาน ร่างกายจะไม่สามารถผลิตอินซูลินอย่างเพียงพอหรือใช้อินซูลินที่ผลิตขึ้นมาได้อย่างปกติ ผลที่เกิดขึ้นคือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเกินไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถประมวลผลน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้เต็มที่ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ เช่น ภาวะอ้วน เส้นประสาทเสื่อมสภาพ การเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาตา ไต ปัญหาทางเพศ เป็นต้น
คำแนะนำการใช้ยาเบาหวาน
ยาเบาหวานเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งยารักษาเบาหวานนั้นมีข้อควรระวังในการใช้ ได้แก่
- การใช้ยาเบาหวานควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ที่รักษาโรคเบาหวาน อ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับยาที่ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ ให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความชัดเจนกว่า ห้ามแก้ไขปริมาณยา รวมถึงเลือกใช้ยาแทนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์
- หากใช้ยาเบาหวานที่เป็นอินซูลินหรือยาเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน ควรติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ใช้เครื่องมือตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดตามที่แพทย์แนะนำและปฏิบัติตามคำแนะนำให้ถูกต้อง การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดจะช่วยให้ทราบว่ายาที่ใช้มีผลเป็นอย่างไร จะได้ช่วยปรับยาให้เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย
- อ่านคำแนะนำของผู้ผลิตยาเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาเบาหวาน และรายงานให้แพทย์ทราบหากมีอาการผิดปกติหรือผลข้างเคียงใด ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้แพทย์สามารถปรับปรุงการรักษาให้เหมาะสมได้
ชนิดยาเบาหวาน
ยาเบาหวานที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เช่น
ยาเบาหวานแบบรับประทาน
- ตัวยา metformin คือยาเบาหวานชนิดแรกที่แพทย์มักจะสั่งให้ผู้ป่วยเบาหวานใช้ ช่วยลดการผลิตน้ำตาลในตับ ช่วยเพิ่มการใช้น้ำตาลเป็นพลังงานในกล้ามเนื้อ และลดการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้
- ตัวยากลุ่มสลิมิฟลูออไรด์ (SGLT2 inhibitors) คือยาเบาหวานที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการเพิ่มการลบน้ำตาลที่ได้จากไต ผ่านการลดการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้
- ตัวยากลุ่มอินฦิเปติน (DPP-4 inhibitors) คือยาเบาหวานที่ช่วยลดการย่อยสลายฮอร์โมนที่ชื่อว่า GLP-1 ซึ่งช่วยปลดปล่อยอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง โดยให้ยังคง GLP-1 ที่มีประสิทธิภาพในระยะเวลานานขึ้น
- ตัวยากลุ่มแอลฟากลูโคไฮด์อาเสต์ (Alpha-glucosidase inhibitors) คือยาเบาหวานที่ช่วยลดการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตในลำไส้เล็ก ทำให้การดูดซึมน้ำตาลลดลง
- ตัวยากลุ่มตัวรับเข้า (Meglitinides) คือยาเบาหวานที่กระตุ้นการผลิตอินซูลินจากเซลล์เบต้าในส่วนของตับ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังการรับประทานอาหาร
- ตัวยากลุ่มตัวรับเอมิกเลพทิด์ (Thiazolidinediones) คือยาเบาหวานที่ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินในเซลล์และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ยาเบาหวานแบบฉีด
- ยาฉีดอินซูลินพื้นฐาน (Basal insulin) เป็นยาเบาหวานแบบฉีดที่ให้ใช้เป็นระยะเวลายาวนาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในช่วงเวลาที่ไม่มีการรับประทานอาหาร ส่วนใหญ่ใช้ก่อนนอนหรืออย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน
- ยาฉีดอินซูลินก่อนมื้ออาหาร (Bolus insulin) เป็นยาเบาหวานแบบฉีดที่ใช้ให้ก่อนรับประทานอาหารเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก่อนมื้ออาหาร อินซูลินแบบนี้จะเร็วและมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาสั้น มักใช้กับผู้ป่วยที่บริโภคมื้ออาหารตามเวลา
- ยาฉีดอินซูลินหลังมื้ออาหาร (Postprandial insulin) เป็นยาเบาหวานแบบฉีดที่ใช้เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร อินซูลินแบบนี้ให้ตามเวลาที่ผู้ป่วยบริโภคมื้ออาหาร
เมื่อเป็นเบาหวาน ดูแลตัวเองอย่างไร
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นเบาหวานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาสุขภาพที่ดี เช่น
- ควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตในการสร้างน้ำตาลน้อยลง และเลือกอาหารที่มีปริมาณใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียวสด ผลไม้ ธัญพืช เนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่น้อยไขมัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง อาทิเช่น ขนมหวาน น้ำตาล น้ำเชื่อม เครื่องดื่มรสหวาน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มความไวต่ออินซูลิน
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ
- รับประทานยาเบาหวานอย่างสม่ำเสมอและตามเวลาที่กำหนด สำรองยาเบาหวานให้เพียงพออยู่เสมอ
- ลดหรือหยุดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- มีการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวชหรือการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกสติ โยคะ การหายใจลึก
- ตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
ยาเบาหวานมีผลข้างเคียงไหม
ยาเบาหวานอาจมีผลข้างเคียงได้เช่นเดียวกับยาที่ใช้ในการรักษาอื่น ๆ ตัวอย่างของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาเบาหวาน ได้แก่
- วิงเวียนศีรษะ
- อาการเจ็บคอ
- อาการท้องเสียหรือปวดท้อง
- ความคล่องตัวลดลง
- ผื่นคัน
- ระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง
เมื่อมีอาการเกิดขึ้นหลังรับประทานยาเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อหาวิธีการจัดการกับผลข้างเคียงเหล่านั้น
สรุปเรื่องยาเบาหวาน
ยาเบาหวานมีหลายประเภทที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน เช่น ยาเบาหวานแบบรับประทานหรือยาเบาหวานแบบฉีด โดยก่อนที่จะใช้ต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำและคำสั่งที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลก่อนทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงให้ได้มากที่สุด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้