วิธีเก็บเงินของมนุษย์เงินเดือน 10000 บาท เก็บยังไงให้เวิร์ก

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทจะเก็บยังไงให้อยู่รอดได้ แค่ใช้เงินเดือนชนเดือนก็ยากแล้ว ให้เก็บเงินอีกจะทำได้จริงหรือ ต้องบอกว่ามันมีวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 ก็เก็บได้อยู่ แม้ว่าจะเก็บได้ครั้งละไม่มาก แต่เมื่อเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ขึ้น และสามารถนำเงินเก็บตรงส่วนนี้ไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยต่อไปได้อีก

สำหรับใครที่กำลังท้อ มีเงินเดือนไม่มากจะเก็บเงินได้ยังไง เรามีวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000ก็เก็บได้มาให้ โดยเริ่มจากการแบ่งเงิน 10000 บาทนั้นออกเป็น 5 ส่วนก่อน ได้แก่

1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 2000 บาท
2. ค่าเดินทาง 1000 บาท
3. เงินเก็บ 1000 บาท
4. ค่าที่พักอาศัย ไม่เกิน 2500 บาท
5. ค่าอาหาร 3000 บาท

โดยเหลือเงิน 500 ไว้สำหรับเป็นเงินลื่นไหลที่สามารถนำไปใส่ในเงินส่วนใดก็ได้ตามจำเป็นนั่นเอง

โดยวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000บาท เก็บได้ดังกล่าวนี้ หลาย ๆ คนอาจจะมองว่ามันยาก แม้ว่าจะมีการกำหนดจำนวนเงินมาให้ทำตามแล้วก็ตาม ดังนั้นเราจึงมีวิธีการที่จะเก็บเงินให้ได้ตามที่กำหนดนี้มาแนะนำอีกด้วย เพื่อให้คุณสามารถเก็บเงินได้จริง ๆ แม้จะมีเงินเดือนไม่มาก และมีแรงใจในการเก็บเงินเพิ่มมากขึ้นต่อไปได้ในอนาคต

1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว

วิธีเก็บเงินให้ได้นั้นโดยปกติก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่สำหรับวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000บาทให้มีทั้งเงินเก็บและยังอยู่ได้ก็อาจเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินกำลังของเราอย่างแน่นอน ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวนั้นควรจะใช้ไม่เกิน 2000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะใช้ซื้อของอะไรก็ได้ตามใจเรา เป็นของที่เราชอบ เพื่อให้รางวัลแก่ตัวเองในแต่ละเดือนนั่นเอง

เพราะแม้ว่าเราจะมีเงินไม่มาก แต่การจะไม่ให้ซื้อของซื้อความสุขอะไรให้ตัวเองเลยก็คงจะเป็นการกดดันกันเกินไปและจะกลายเป็นการสร้างภาระความเครียดให้กับตัวเองอีก ดังนั้นจึงมีเงินส่วนนี้เอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000บาท ที่จะทำให้คุณมีแรงใจแรงกายในการเก็บเงินในเดือนต่อ ๆ ไป

ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกซื้อของที่ไม่ฟุ่มเฟือยมากนัก เป็นของที่อยากได้จริง ๆ หรือของที่มีประโยชน์ เพื่อให้เงิน 2000 บาทนี้ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าที่สุด และหากมีเหลือก็จะได้สามารถนำส่วนที่เหลือไปประกอบกับวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หรือเป็นเงินเก็บได้อีกด้วย

2. ค่าเดินทาง

สำหรับเงินส่วนต่อไปที่ต้องจำกัดเอาไว้ให้ได้ในวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทคือ เงินส่วนค่าเดินทางที่ไม่ควรเกิน 1000 บาทนั่นเอง แต่หลาย ๆ คนก็อาจมีคำถามว่าจะทำได้อย่างไร ยิ่งในตัวเมืองอย่างกรุงเทพที่มีค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้

สำหรับการจำกัดค่าเดินทางให้ไม่เกิน 1000 บาทนั้น วิธีที่ดีที่สุดหากไม่ได้เดินทางไปไหนไกลก็คือการเดินนั่นเอง แต่แน่นอนว่าเมื่อมีการเดินทางไกล การเดินก็จะถูกจำกัดและทำไม่ได้ไปในที่สุด ดังนั้นจึงมีวิธีการอื่น ๆ เพิ่มเติมเช่น หากไปทางเดียวกัน ก็ติดรถไปด้วยกันกับคนอื่น ๆ จะช่วยประหยัดได้มากขึ้น และสามารถทำได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง

ในขณะที่หากคุณอยู่ในกรุงเทพ แม้ค่าครองชีพและค่าเดินทางขนส่งสาธารณะบางประเภทเช่นรถไฟฟ้าอาจจะแพงจนคุณมองว่าอยู่ลำบาก แต่ก็มีขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ๆ อย่างรถเมล์ เรือข้ามฟาก รถสองแถว และรถตู้ที่คอยให้บริการอยู่อีก ดังนั้นการเลือกขนส่งสาธารณะที่ประหยัด โดยใช้การเผื่อเวลาและฝึกใช้ให้ชินแล้วก็จะช่วยให้คุณเก็บเงินตามวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 9000 บาทได้ง่ายขึ้น

3. เงินเก็บ

ส่วนของเงินเก็บตามวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทที่ควรเก็บให้ได้ในแต่ละเดือนก็คือ 1000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลขที่เยอะสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่การเก็บเงินให้ได้จำนวนนี้จะช่วยให้คุณมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นจริงในทุก ๆ เดือน และจะรวมเป็นยอดที่มากขึ้นจนสามารถนำไปต่อยอดได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นตัวเลขที่เหมาะสม และจะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินได้เร็วขึ้น

ทว่าการจะมีเงินเก็บ 1000 ให้ได้ก็อาจเป็นเรื่องยาก แต่เรามีวิธีนั่นคือการแยกเงินเก็บออกมาจากเงินใช้ต่าง ๆ ในทันทีเลยนั่นเอง เพื่อไม่ให้เงินไปปนกันแล้วเผลอใช้ โดยอาจทำได้จากการเปิดบัญชีแยก หรือการใช้แอปพลิเคชันเก็บเงินที่จะมีส่วนช่วยให้คุณทำตามวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทได้ง่ายขึ้น

แนะนำแอปเก็บเงิน 

แอปเก็บเงินในปัจจุบันมีหลายแอปที่น่าใช้ แต่ในบทความนี้จะขอพูดถึงแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ซึ่งเป็นแอปที่มีฟีเจอร์โดดเด่นสำหรับการเก็บเงินมากมาย แต่จะมีฟีเจอร์หนึ่งที่จะช่วยให้การเก็บเงินตามวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาท ทำได้ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ฟีเจอร์นั้นก็คือฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่ช่วยให้คุณแยกค่าใช้จ่ายส่วนต่าง ๆ ออกไปตามกระเป๋านั้น ๆ ได้เลยในทันที รวมไปถึงแยกกระเป๋าสำหรับเป็นเงินเก็บได้อีกด้วย เพียงเท่านี้ ค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนก็จะถูกแยกเอาไว้ตั้งแต่ที่คุณได้เงินมา และสามารถเห็นยอดได้ทันทีว่าค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนเหลือยอดเท่าไหร่และไม่มีการปนกันอย่างแน่นอน

ฟีเจอร์นี้จึงเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาท ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นอกจากฟีเจอร์นี้แล้วก็ยังมีจุดเด่นอื่น ๆ ที่ทำให้แอปพลิเคชันนี้น่าใช้งานด้วย เช่น Expense Summary ที่ช่วยสรุปค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน และดอกเบี้ยสูงเมื่อเทียบกับการเก็บเงินในบัญชีทั่วไป

4. ค่าที่พักอาศัย

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน ที่ได้เงินเดือนละ 10000 ก็คือการจำกัดค่าที่พักอาศัยให้อยู่ในช่วงไม่เกิน 2500 บาท โดยถ้าน้อยกว่านั้นได้ยิ่งดี เพราะคุณอาจต้องเผื่อเรื่องของค่าน้ำค่าไฟอีกด้วย โดยการเลือกที่พักให้ได้ช่วงไม่เกิน 2500 บาทนั้นอาจต้องใช้ความพยายามและขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาอีกด้วย

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทให้สำเร็จได้นั้น บางครั้งคุณก็อาจต้องพึ่งพาคนอื่น เช่นคนที่ยังสามารถอาศัยร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองได้ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าที่พักอาศัยตรงนี้ไป ซึ่งเงินจำนวน 2500 บาทนี้สามารถนำไปทำอะไรได้มาก หรือจะนำไปเป็นเงินเก็บก็ได้อีกเช่นกัน ดังนั้นการได้รับความช่วยเหลือบ้างในขณะที่เงินเดือนเรายังมีไม่มากจึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีแต่อย่างใด

สำหรับใครที่จำเป็นจะต้องหาที่พักอาศัยจริง ๆ ก็ควรหาให้ราคาไม่เกินนี้ หรือหากเกินก็ต้องลองไปบวกลบดูกับค่าเดินทางไปทำงานว่าเพียงพอหรือไม่ เพื่อไม่ให้ไปกระทบเงินส่วนอื่น ๆ นั่นเอง

5. ค่าอาหาร

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาท ให้มีเงินเก็บได้ส่วนสุดท้ายคือค่าอาหารไม่ควรเกิน 3000 บาทต่อเดือนนั่นคือไม่เกินวันละ 100 บาท แน่นอนว่าในปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นมาก ค่าข้าวค่าอาหารก็แพงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นคนที่สามารถทำอาหารเองได้ ย่อมประหยัดเงินได้มากกว่า เนื่องจากสามารถเลี่ยงวัตถุดิบราคาแพง และใช้วัตถุดิบทดแทนอื่น ๆ ได้นั่นเอง

ดังนั้นแล้วหากคุณทำอาหารเป็นก็ขอแนะนำให้ทำอาหารไม่ว่าจะเป็น 2 หรือ 3 มื้อต่อวันเก็บไว้เลย เพื่อที่จะได้ประหยัดค่าข้าวไว้ และสามารถเก็บเงินตามวิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปวิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือน 10,000 บาท ก็เก็บเงินได้

วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน 10000 บาทก็ทำได้เป็นวิธีที่ง่ายในทางทฤษฎี เพราะคุณเพียงแค่แบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ 5 ส่วนเท่านั้น โดยมีการกำหนดจำนวนเงินอย่างชัดเจน จึงทำตามได้ง่าย ทว่าในการปฏิบัติจริง แต่ละคนอาจมีภาระและปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงสามารถปรับเปลี่ยน พลิกแพลงการแบ่ง 5 ส่วนนี้ให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของแต่ละคนไปได้ เพื่อให้เก็บเงินได้โดยที่ไม่กระทบการใช้ชีวิต