UTM คืออะไร ทำไมนักการตลาดจึงใช้ในการประเมินผลแคมเปญ
UTM คืออะไร ดีต่อนักการตลาดอย่างไร แบ่งออกเป็นกี่ประเภท แล้ว UTM tracking คืออะไร เราสามารถวัดผล UTM tracking ได้อย่างไร เราไปดูกัน
ในทางธุรกิจย่อมมีการจัดแคมเปญต่าง ๆ มากมาย เพื่อกระตุ้นยอดขายหรือเพิ่มจำนวนลูกค้า แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า แคมเปญที่เราจัดนั้น มีประสิทธิภาพเพียงพอ ลูกค้าสามารถเข้าถึงด้วยช่องทางใด วิธีการใด หรือแคมเปญใดที่เราจัด โดยเราขอแนะนำ Urchin Tracking Module หรือ UTM ซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่จะช่วยเราตอบคำถามดังกล่าว แล้ว UTM คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรในเชิงธุรกิจ บทความนี้มีคำตอบ
UTM Code คืออะไร
Urchin Tracking Module หรือ UTM คือ พารามิเตอร์หรือตัวแปรต่าง ๆ ที่ใส่ต่อท้าย URL ของเว็บไซต์ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ ว่า ลูกค้ามาจากช่องทางไหน มาด้วยวิธีอะไร และมาจากแคมเปญอะไร ถือว่าเป็นเครื่องมือทาง Marketing ที่ใช้ในการติดตามและวิเคราะห์ผลของแคมเปญทางการตลาด เพื่อให้เราสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล นำมาวัดประสิทธิภาพของแคมเปญ และต่อยอดวางแผนถึงแคมเปญต่อไปในอนาคต
โดย UTM Code จะนำมาต่อท้าย URL ทำให้นักการตลาดสามารถรวบรวมข้อมูลในด้านต่าง ๆ ของแคมเปญได้ถึงแหล่งที่มา สื่อ แคมเปญ และคำหลักที่ดึงดูดการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อนำมาประเมินแคมเปญที่ทำอยู่ เป็นการใช้ข้อมูลที่ได้รับมาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้
UTM ดีต่อนักการตลาดอย่างไร?
ในหัวข้อนี้ เรามาหาความรู้เกี่ยวกับ UTM ให้ประโยชน์หรือมีข้อดีอย่างไรกับนักการตลาด โดยมีปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ที่ช่วยให้ UTM ดีต่อนักการตลาด คือ
- การติดตามแคมเปญ UTM ช่วยให้นักการตลาดติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดได้อย่างถูกต้อง ด้วยการผนวกพารามิเตอร์ UTM ที่ไม่ซ้ำกันเข้ากับลิงก์แคมเปญต่าง ๆ นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าแคมเปญใดที่กระตุ้นการเข้าชม และการมีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ของตน ข้อมูลนี้ช่วยในการประเมินความสำเร็จทางการตลาดได้เป็นอย่างดี
- แหล่งที่มา รหัส UTM ช่วยระบุแหล่งที่มาของการเข้าชมเว็บไซต์ โดยใช้พารามิเตอร์ "UTM_source" นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าเว็บไซต์ เครื่องมือค้นหา แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแหล่งอ้างอิงใดที่สร้างการเข้าชมมากที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่ช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสม
- วิเคราะห์สื่อ ด้วยพารามิเตอร์ "UTM_medium" นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของสื่อหรือช่องทางการตลาดต่าง ๆ โดยสามารถระบุได้ว่าสื่อใด เช่น อีเมล โซเชียลมีเดีย โฆษณาแบบ CPC หรือการค้นหาแบบออร์แกนิก ที่กระตุ้นการเข้าชมมากที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลงทุนในช่องทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จสูงสุด
- การเปรียบเทียบแคมเปญ UTM ช่วยให้นักการตลาดสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดต่างๆ โดยใช้พารามิเตอร์ "UTM_campaign" นักการตลาดสามารถแยกความแตกต่างระหว่างหลายแคมเปญที่ทำงานพร้อมกัน และตัดสินว่าแคมเปญใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยในการระบุกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ และจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
- การติดตามคำหลัก: พารามิเตอร์ "UTM_term" มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการติดตามคำหลักในแคมเปญการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าคำหลักใดที่ทำให้เกิดการคลิก ทำให้เขาสามารถปรับแต่งกลยุทธ์คำหลัก เพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา และปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ
- การทดสอบ A/Bโค้ด UTM ที่มีพารามิเตอร์ "UTM_content" ช่วยในการทดสอบ A/B นักการตลาดสามารถสร้างโฆษณาหรือลิงก์เวอร์ชั่นต่างๆ ที่มีค่าเนื้อหา UTM ที่แตกต่างกัน โดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของรูปแบบนั้น ในการประเมินว่าองค์ประกอบใดมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจเพิ่มประสิทธิภาพสื่อการตลาดของตน
โดยรวมแล้ว UTM ให้ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดแก่นักการตลาดเกี่ยวกับการพัฒนาทางการตลาดช่วยให้วัดและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ แหล่งที่มา สื่อ คำหลัก และรูปแบบเนื้อหาที่แตกต่างกัน ข้อมูลนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับกลยุทธ์ จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
5 ประเภท UTM Parameter
พารามิเตอร์ UTM หรือที่เรียกว่าแท็ก UTM หรือรหัส UTM ใช้เพื่อติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดและการเข้าชมเว็บไซต์ ทำให้นักการตลาดสามารถรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ ของแคมเปญได้ พารามิเตอร์เหล่านี้ถูกเพิ่มลงใน URL เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของผู้เข้าชมหรือแคมเปญเฉพาะที่นำไปยังเว็บไซต์ มี 5 พารามิเตอร์ UTM หลักที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่
1. Campaign
UTM_campaign คือ พารามิเตอร์ที่ติดตามแคมเปญการตลาดหรือโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้องกับลิงก์ ช่วยในการแยกแยะในกรณีที่มีการทำโปรโมทหลายแคมเปญหรือโปรโมชั่นพร้อมกัน เพื่อไม่ให้สับสน กรณีที่ทำการวัดผลปริมาณมาก ๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังส่งเสริมการขายช่วงลดราคาฤดูร้อน คุณอาจใช้ "UTM_campaign=summersale" ใน URL ของคุณ
2. Source
UTM_source พารามิเตอร์นี้ระบุแหล่งที่มาของการเข้าชม เช่น เว็บไซต์ เครื่องมือค้นหา จดหมายข่าว หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทำให้ทราบว่าผู้เข้าชมมาจากช่องทางใด หรือเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ไปฝากลิงก์ไว้
ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้งานแคมเปญบน Facebook คุณจะใช้ "UTM_source=facebook" ใน URL ของคุณ
3. Medium
UTM_medium พารามิเตอร์นี้ระบุสื่อทางการตลาดหรือช่องทางที่นำผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ด้วยวิธีการใด เช่นเข้ามาจาก อีเมล โซเชียลมีเดีย จะเป็นการคลิกแบนเนอร์ คลิกโฆษณา คลิกลิงก์ หรืออื่นๆ Medium ก็จะช่วยให้เราสามารถแยก และวิเคราะห์วิธีที่ลูกค้าคลิกเข้า หรือบอกว่าเข้ามาด้วยเส้นทางหรือรูปแบบใด
ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้การตลาดผ่านอีเมล คุณจะใช้ "UTM_medium=email" ใน URL ของคุณ
4. Term
UTM_term: พารามิเตอร์นี้ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลอื่น ๆ จากคำหลักในแคมเปญการค้นหาช่วยระบุข้อความค้นหาหรือ keywords ที่ใช้ในแคมเปญนั้น ๆ
ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้งานแคมเปญ Google Ads และเสนอราคาสำหรับคำหลัก "รองเท้าวิ่ง" คุณอาจใช้ "UTM_term=running+shoes" ใน URL ของคุณ
5. Content
UTM_content พารามิเตอร์นี้ใช้เพื่อแยกเนื้อหาที่ใกล้เคียงหรือแตกต่างกันในแคมเปญนั้น หรือลิงก์ภายในโฆษณาเดียวกัน สามารถใช้เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างโฆษณาหรือองค์ประกอบต่างๆ ภายในแคมเปญเดียวกัน เพื่อให้ทราบว่าเนื้อหารูปแบบใดมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ากัน
อาจมีประโยชน์สำหรับการทดสอบ A/B หรือการติดตามลิงก์เฉพาะภายในอีเมลหรือโฆษณา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีหลายลิงก์ภายในแคมเปญอีเมล คุณสามารถใช้ "UTM_content=link1" และ "UTM_content=link2" เพื่อติดตามประสิทธิภาพแยกกัน
วิธีการทำ UTM Tracking
การติดตาม UTM หรือ UTM Tracking คือ วิธีในการติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ ด้วยการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งเราสามารถทำ UTM Tracking ได้ง่าย ๆ ดังนี้
- กำหนดสิ่งที่คุณต้องการติดตามและวัดผล เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการมีส่วนร่วมแคมเปญ
- ตั้งค่าตัวสร้าง UTM เพื่อสร้างสเปรดชีตและจัดระเบียบพารามิเตอร์ UTM เช่น แหล่งที่มาของแคมเปญ (UTM_source) สื่อแคมเปญ (UTM_medium) ชื่อแคมเปญ (UTM_campaign) คำของแคมเปญ (UTM_term) และเนื้อหาแคมเปญ (UTM_content)
- กรอกค่าพารามิเตอร์ UTM แต่ละรายการตามแคมเปญของคุณ เช่น URL: https://www.example.com/page?UTM_source=facebook&UTM_medium=social&UTM_campaign=summer_sale
- เพิ่มพารามิเตอร์ UTM ที่สร้างขึ้นไปยัง URL ปลายทางของเว็บไซต์
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า URL ที่ต่อท้ายนั้นถูกต้อง
- ตั้งค่าเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามข้อมูลที่สร้างโดยพารามิเตอร์ UTM ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ ทั้งแหล่งที่มาของการเข้าชม และพฤติกรรมของผู้ใช้
- ตรวจสอบข้อมูลการวิเคราะห์เป็นประจำเพื่อประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด
UTM Tracking ใช้เครื่องมืออะไรดี
สำหรับ UTM Tracking นั้น เรามีเครื่องมือหลายอย่าง แต่ที่นิยมกันในปัจจุบัน คือ Google Analytics และ Bitly ซึ่งทั้ง 2 เครื่องมือสามารถติดตามและวิเคราะห์ผลในเชิงลึกได้เป็นอย่างดี
Google Analytics
Google Analytics เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความสามารถในการติดตามและการรายงานอย่างครบถ้วนและรอบด้าน ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์ UTM และติดตามแคมเปญได้อย่างง่ายดาย ด้วยการรวม Google Analytics เข้ากับเว็บไซต์และตรวจสอบเมตริกต่าง ๆ เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ อัตราการตีกลับ และอื่น ๆ โดยสามารถสร้างรายงานที่กำหนดค่าได้เองและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของแคมเปญได้
Bitly
Bitly เป็นบริการย่อ URL ที่มีฟังก์ชันการติดตาม UTM ช่วยให้สร้าง URL ที่สั้นลง โดยต่อท้ายพารามิเตอร์ UTM Bitly จะนำเสนอการวิเคราะห์และข้อมูลการติดตามการคลิก แสดงจำนวนการคลิก แหล่งที่มาของการเข้าชม และตำแหน่งที่ตั้งของผู้เข้าชม เครื่องมือนี้ มีประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับการติดตามประสิทธิภาพของลิงก์ที่แชร์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือในแคมเปญอีเมล
วัดผลการ Tracking UTM
ในการวัดผลการ Tracking UTM เราสามารถทำตามได้อย่างง่าย ๆ ด้วยขั้นตอนเหล่านี้
- กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาดให้ชัดเจน รวมถึงการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ สร้างโอกาสในการขาย หรือกระตุ้นยอดขาย
- ตัดสินใจเลือกพารามิเตอร์ UTM ที่คุณต้องการใช้ เช่น UTM_source, UTM_medium, UTM_campaign, UTM_content และ UTM_term ให้เหมาะสมกับช่องทางการตลาดและแคมเปญ
- ใช้เครื่องมือสร้าง URL และใช้ UTM Tracking ในการติดตามผล
- ใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์เว็บ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อบันทึกพารามิเตอร์ UTM พร้อมทั้งใช้ข้อมูลเหล่านั้น ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างรอบด้าน
- นำข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจาก UTM Tracking มาตัดสินใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาด ปรับกลยุทธ์ การกำหนดเป้าหมาย หรือการส่งข้อความต่อไป
ข้อสรุป
Urchin Tracking Module หรือ UTM คือ พารามิเตอร์หรือตัวแปรต่าง ๆ ที่ใส่ต่อท้าย URL ของเว็บไซต์ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ ทั้งช่องทางที่ลูกค้าเข้ามา มาด้วยวิธีใด และมาจากแคมเปญอะไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ เราสามารถใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ผลอย่าง Google Analytics หรือ Bitly ในการติดตามและวิเคราะห์ผล เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญที่เราจัดได้ว่า มีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ หรือต้องปรับปรุงและพัฒนาส่วนใดต่อไปในอนาคต
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้