เคล็ดลับลดถุงใต้ตาบวม ผิวใต้ตาหย่อนคล้อย สำหรับคนที่หน้าดูอดนอน

wipadee_diary

เริ่มเข้าขีดเขียน (28)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:26
เมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566 00.14 น.

ปัญหาถุงใต้ตาบวมเป็นอาการที่เกิดได้บ่อยๆ ในคนที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเร่งรีบ ขาดการดูแลตัวเอง ไปจนถึงคนที่มีอายุเพิ่มขึ้นแล้วเกิดถุงใต้ตาหย่อนคล้อยตามธรรมชาติ

ปัญหาถุงใต้ตาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละคนจึงอาจไม่เหมาะกับการใช้วิธีรักษาแบบเดียวกัน แต่ควรเลือกให้เหมาะกับปัจจัยเฉพาะบุคคล จะมีวิธีไหนที่ช่วยรักษาถุงใต้ตาบวมได้บ้างมาดูกันได้เลย


ลักษณะของถุงใต้ตาบวม

ถุงใต้ตาบวมคืออาการที่บริเวณผิวหนังใต้ตาบวมปูดขึ้นมามากกว่าปกติ เหมือนมีก้อนอยู่ที่ใต้ตา เกิดขึ้นในลักษณะแตกต่างกัน เป็นได้ทั้งอาการชั่วคราวหลังจากตื่นนอน พักผ่อนน้อย หรือมีถุงใต้ตาบวมตลอดวันเลยก็ได้เช่นกันแล้วแต่สาเหตุการเกิด ในหลายเคสพบลักษณะใต้ตาดำหรือริ้วรอยร่วมด้วย

 

ถุงใต้ตาบวมมีกี่แบบ?

ถุงใต้ตาแบ่งได้เป็น 2 แบบจากลักษณะการเกิด ได้แก่

ถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาเทียม เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อทำพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบกับผิวใต้ดวงตา ทำให้เกิดถุงใต้ตาบวมชั่วคราวในช่วงหนึ่งก่อนจะหายไปเอง

ถุงใต้ตาแท้
ถุงใต้ตาแท้มักเป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะยาว ซึ่งมีผลกระทบมาจากการทำงานของร่างกายที่เปลี่ยนไป อายุมากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวบริเวณดวงตาและถุงไขมันหย่อนคล้อย


ต้นเหตุของถุงใต้ตาบวมมาจากอะไรบ้าง?

สาเหตุของถุงใต้ตาบวมเกิดจากปัจจัย 2 ประเภท สอดคล้องกับประเภทของถุงใต้ตา นั่นคือ ปัจจัยจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และปัจจัยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต


ถุงใต้ตาจากความเปลี่ยนแปลงร่างกาย

  • ระบบต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ
    ส่งผลให้เกิดการรวมตัวของไขมันบริเวณใต้ตามากผิดปกติ ถุงใต้ตาคั่งน้ำ ทำให้ใต้ตาดูมีถุงป่องๆ ปูดขึ้นมา
  • อายุเพิ่มขึ้น
    อายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การทำงานของเซลล์ผิวและไขมันเปลี่ยนไป โครงสร้างผิวอ่อนแอส่งผลให้เกิดการหย่อนคล้อยบริเวณใต้ตา

ถุงใต้ตาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • ขยี้ตาบ่อย
    การขยี้ตาส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณรอบดวงตาขยายทำให้ใต้ตาบวมปูดขึ้นมาได้
  • ร้องไห้เยอะ
    ในขณะที่ร้องไห้ดวงตาจะผลิตน้ำตาออกมาทำให้ผิวหนังโดยรอบต้องดูดซับน้ำตาเอาไว้ รอบดวงตาจึงมีอาการบวมขึ้นได้ง่าย
  • พักผ่อนน้อย
    เวลาพักผ่อนน้อยร่างกายจะไม่ได้ซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ กระทบต่อการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดซึ่งส่งผลให้เกิดถุงใต้ตานั่นเอง
  • ดื่มแอลกอฮอล์
    การดื่มแอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะความดันตาลง กลายเป็นถุงใต้ตาได้


ถุงใต้ตาเป็นอันตรายไหม?

ถุงใต้ตาบวมมีสาเหตุการเกิดหลายแบบ ถุงใต้ตาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น นอนดึก ร้องไห้หนัก หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากถุงใต้ตามีลักษณะใหญ่มากเกินปกติ มีอาการแดงร่วมด้วย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการแพ้หรืออักเสบซึ่งเป็นอันตรายได้ ควรพบแพทย์โดยทันทีเพื่อรักษา

 

ถุงใต้ตาบวมเป็นสัญญาณของโรคอะไรบ้าง?

ถุงใต้ตาบวมที่ดูผิดปกติอาจบ่งบอกอาการของโรคบางชนิดได้ดังนี้

 

  • ภูมิแพ้
    ในเคสที่มีถุงใต้ตาพร้อมอาการระคายเคือง แสบ หรือคันตา อาจบ่งบอกได้ถึงอาการภูมิแพ้ได้ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ฝุ่นควันทั่วไป หรือแพ้อาหาร ตามแต่อาการแพ้ของแต่ละคน
  • ไทรอยด์ที่ใต้ตา
    ใต้ตาบวมปูด ดูตาโปน รู้สึกตาพร่าง่ายเมื่อโดนแสง มองไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน เป็นอาการที่บ่งชี้โรคตาไทรอยด์ (Thyroid Eye Disease) เกิดจากการมีฮอร์โมนสะสมที่กล้ามเนื้อหลังดวงตาปริมาณมาก ควบคู่กับภาวะเซลล์ไขมันพองตัวจึงส่งผลให้ใต้ตาดูบวมขึ้นผิดปกติ
  • เยื่อบุตาอักเสบ
    คนที่ใต้ตาบวมแล้วมีอาการตาแดง มีหนอง รู้สึกแสบร้อนเหมือนไข้ขึ้นตา เป็นอาการที่บ่งชี้โรคเยื่อบุตาอักเสบซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ต่อมน้ำตาหรือในรูขุมขนได้
  • โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในตา
    ถุงใต้ตาที่มีการบวมรอบดวงตาทั้งบริเวณชั้นตาและใต้ตาสามารถบ่งชี้โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในตาได้ หากไม่ทำการรักษาอาจรุนแรงขึ้นจนกระทบต่อการมองเห็นได้
  • ภาวะไตอ่อนแอ
    ถุงใต้ตาบวมสามารถแสดงอาการของโรคไตได้ หากเป็นการบวมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นนานหลายวัน โดยที่ก่อนหน้าเกิดอาการบวมไม่ได้มีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผล


ถุงใต้ตาบวมแค่ข้างเดียวผิดปกติไหม?

อาการถุงใต้ตาบวมเพียงข้างเดียวเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือเยื่อบุตาอักเสบได้ โดยมีอาการร่วมคือ มีไข้ บวมแดง หรือรู้สึกปวด แนะนำให้พบแพทย์หรือทานยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาให้หาย


มีถุงใต้ตาส่งผลเสียอย่างไร?

การมีถุงใต้ตาแบบทั่วไปที่ไม่ได้กระทบต่อสุขภาพแม้ว่าไม่ได้เป็นอันตราย แต่ก็สามารถส่งผลเสียได้ดังนี้

  • ดูสูงวัยขึ้น
  • ทำให้เห็นริ้วรอยรอบดวงตาได้ชัดขึ้น
  • เสียบุคลิกภาพ เหมือนอดนอน
  • แต่งหน้ายากขึ้น ต้องใช้เมคอัพช่วยปกปิด
  • ทำให้ขาดความมั่นใจได้

 

7 วิธีลดถุงใต้ตา เลือกวิธีไหนดี?

สำหรับคนที่มองหาวิธีลดถุงใต้ตาอยู่แนะนำ 7 วิธีต่อไปนี้

 

1.ประคบใต้ตาด้วยน้ำแข็ง

การประคบเย็น หรือใช้น้ำแข็งประคบใต้ตา เป็นการใช้ความเย็นลดอาการบวมใต้ตา และลดความคล้ำใต้ตาได้ เห็นผลดีกับคนที่มีถุงใต้ตาเทียม เช่น นอนดึก ร้องไห้หนัก หรืออาการตาบวมหลังตื่นนอนได้


2.มาสก์เปลือกตา

การเพิ่มความชุ่มชื้นให้เปลือกตาเป็นวิธีที่ช่วยลดถุงใต้ตาเทียมได้ดี สามารถเลือกใช้มาสก์แบบครีม ผลิตภัณฑ์ดูแลรอบดวงตาที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือเลือกสูตร DIY อย่างมะเขือเทศ แตงกวา ถุงชามาโปะไว้บนเปลือกตา ก็ช่วยลดอาการบวมได้เช่นกัน


3.โบท็อกใต้ตา

โบท็อกเป็นสารที่ช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว เมื่อฉีดบริเวณใต้ตาจะช่วยให้กล้ามเนื้อถุงใต้ตาหดตัวลง แต่เป็นวิธีที่เห็นผลเฉพาะบริเวณผิวหนังชั้นตื้น ช่วยลดริ้วรอยได้ แต่อาจไม่เห็นผลลัพธ์การลดถุงใต้ตาได้ดีมากนัก

 


4.ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิแอซิดเข้าไปปรับสภาพผิวให้ดูเต่งตึง กระชับขึ้น เมื่อฉีดบริเวณใต้ตาจะช่วยทำให้ผิวใต้ตาหย่อนคล้อยดูเรียบเนียน ลดการบวมนูน ใต้ตาดูเต็มขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาจากอายุที่เพิ่มขึ้น


5.Ultraformer III

เทคโนโลยียกกระชับ Ultraformer เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเข้าไปสลายไขมันใต้ตาเพื่อปรับสภาพให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นผลเรื่องลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้อีกด้วย เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่กลัวเข็มสามารถทำได้


6.ดูดไขมันใต้ตา

คนที่ถุงใต้ตาหย่อนคล้อยเพราะมีไขมันสะสมเยอะสามารถรักษาด้วยการดูดไขมันใต้ตาได้ วิธีนี้จะมีการเจาะท่อขนาดเล็กพิเศษเพื่อดูดไขมันออกมา ทำให้มีผลข้างเคียงเป็นอาการบวมช้ำหลังทำ


7.ผ่าตัดถุงใต้ตา

สำหรับคนที่ต้องการวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตาแบบถาวรการทำศัลยกรรมเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สุด มี 2 เทคนิคหลักๆ นั่นคือการกรีดใต้ตานำไขมันหรือเนื้อเยื่อส่วนเกินออก หรือการใช้เลเซอร์เพื่อดูดไขมันออกจากถุงใต้ตา มีขั้นตอนและความซับซ้อนสูง ต้องมั่นใจว่าเลือกทำกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น


ลดถุงใต้ตาด้วยวิธีไหนเห็นผลไวสุด?

วิธีลดถุงใต้ตาแบบเห็นผลเร็วและคงผลลัพธ์ได้ดีในระยะยาว คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และการทำ Ultraformer III เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยปรับโครงสร้างถึงชั้นผิวจึงเห็นผลได้ดี แต่ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ แม้จะไม่ได้คงสภาพถาวรก็นับเป็นวิธีสะดวก เนื่องจากคนไข้ยังสามารถกลับไปทำซ้ำต่อเนื่องเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ได้

 

ทำหัตถการลดถุงใต้ตาพร้อมยกกระชับถุงใต้ตาได้ไหม?

การแก้ปัญหาถุงใต้ตาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้ แต่ในบางเคสหากอยู่ภายใต้การดูแลและการแนะนำของแพทย์ก็สามารถเลือกทำหัตถการลดถุงใต้ตาพร้อมการยกกระชับผิวได้


รักษาถุงใต้ตาควรระวังเรื่องใดบ้าง?

กรณีรักษาถุงใต้ตากับคลินิก อันดับแรกควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เปิดบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายกำหนด มีการให้ความสำคัญกับความสะอาดและความปลอดภัย ใช้อุปกรณ์และตัวยาที่มีคุณภาพ และมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำให้ เพราะใต้ตาเป็นบริเวณที่มีความบอบบาง หากทำอย่างไม่ถูกวิธีก็เสี่ยงเกิดอันตรายได้

 


หลังรักษาถุงใต้ตาควรดูแลอย่างไร?

เนื่องจากถุงใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ แม้มีการรักษาด้วยวิธีที่ได้ประสิทธิภาพก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้อีกด้วยระยะเวลาที่ผ่านไป ตัวยาหมดสภาพ หรือการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จึงควรดูแลด้วยวิธีต่อไปนี้เพื่อช่วยคงสภาพการรักษา

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงความเครียด
  • ทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงอาทิตย์โดยตรง รวมทั้งมลภาวะและฝุ่นควัน

 

สำหรับคนที่เป็นถุงใต้ตาแท้และต้องการรักษาแบบเห็นผล เลือกใช้วิธีการทางการแพทย์จะตอบโจทย์ที่สุด เพราะเป็นการรักษาอย่างตรงจุด แนะนำการยกกระชับ Ultraformer III หรือเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็ได้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ควรศึกษาคลินิกที่เลือกทำให้ดี เพราะหากได้แพทย์หรือเครื่องทำที่ได้มาตรฐานก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจยิ่งขึ้น

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูลและสาระดีๆจาก

https://www.gangnamconsult.com/how-to-reduce-eyebags/

แก้ไขครั้งที่ 4 โดย wipadee_diary เมื่อ27 มิถุนายน พ.ศ. 2566 00.21 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา