ข้อแนะนำก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ปรับหน้าเรียว ให้เห็นผลและปลอดภัย
“การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม” ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากหน้าเรียวกรามเล็กแบบเร่งด่วน แต่บางคนฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็ยังไม่ค่อยเห็นผล วันนี้เลยขอนำเอา 5 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้โบท็อกกรามเห็นผลไวยิ่งขึ้นมาบอกทุกคน พร้อมกับตอบคำถามอื่น ๆ ที่หลาย ๆ คนอยากรู้ ไม่ว่า โบท็อกซ์ช่วยให้น่าเรียวได้ยังไง โบท็อกซ์ต้องฉีดกี่วันถึงจะเห็นผล โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน และโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร วันนี้มาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย
แน่นอนว่าการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราหน้าเรียวสวยได้รูป แต่ถึงอย่างงั้นก็มีบางคนที่เคยฉีดโบท็อกซ์แล้วแต่ก็ยังมีใบหน้าที่ดูใหญ่ วันนี้จะมาพาไขคำตอบกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพื่อที่ว่าทุกคนจะได้ประเมินและดูแลตัวเองย่างถูกวิธี เพื่อให้โบท็อกซ์ที่เราฉีดเข้าไปทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. ตรวจสอบใบหน้าของตัวเอง
ก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์กราม เพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจควรทำความรู้จักกับใบหน้าของเราให้ดี ที่สำคัญคือควรปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวิเคราะห์และประเมินใบหน้าก่อนทำเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด ในบางคนที่มีหน้าใหญ่เพราะกระดูกกรามที่ใหญ่เป็นทุนเดิม แน่นอนว่าการฉีดโบท็อกซ์กรามจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าใดนัก เพราะสาร Botulinum Toxin ทำงานกับสารสื่อประสาทเพื่อให้กล้ามเนื้อของเราเล็กลง ดังนั้นคนที่มีกระดูกใบหน้าใหญ่หรือโครงหน้าใบหน้ากลมสั้นเป็นทุนเดิม ย่อมไม่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาด้วยโบท็อกซ์นั่นเอง
2. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่ร้อนจัด
ความร้อนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้โปรตีนของสาร Botulinum Toxin ในโบท็อกซ์ถูกทำลาย โดยเฉพาะอุณหภูมิความร้อนที่สูงเกิน 50 องศาเซลเซียสขึ้น จะยิ่งทำให้โบท็อกซ์สลายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งความร้อนเหล่านี้มักมาจากการเลเซอร์หน้าหรืออบซาวน่า ดังนั้นควรงดกิจกรรมดังกล่าวอย่างน้อย 2 - 3 สัปดาห์ หลังฉีดโบท็อกซ์กราม เพื่อยืดอายุของโบท็อกซ์ให้อยู่กับเราได้นานขึ้น ในส่วนของแสงแดด โดยปกติแล้วการโดนแสงแดดโดยตรงไม่ค่อยมีผลต่อโบท็อกซ์เท่าไหร่ แต่แสงแดดก็ไม่ส่งผลดีต่อผิวหน้าของเรา การทากันแดดกันไว้จริงดีที่สุด
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพราะแอลกอฮอล์จะไปทำให้เส้นเลือดของเราขยายตัว อาจจะทำให้รบกวนการกระจายตัวของสารโบท็อกซ์ แถมแอลกอฮอล์ยังส่งผลให้การแข็งตัวของเลือดลดลง ทำให้เกิดอาการบวม และกระตุ้นให้มีการขับธาตุสังกะสีออกจากร่างกายมากกว่าปกติส่งผลให้แผลหายช้า เท่านั้นยังไม่พอแอลกอฮอล์ยังมีฤทธิ์ไปขัดขวางการดูดซึมของสารอาหารต่าง ๆ ในร่างกายของเรา ดังนั้นใครเป็นคอเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควรงดไปก่อนอย่างน้อย 2 - 3 สัปดาห์
4. ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป
ทุกคนคงเคยได้ยินภาวะที่เรียกว่า “ดื้อโบ” ซึ่งเกิดจากการฉีดโบท็อกซ์บ่อยครั้งเกินไป ซึ่งเมื่อร่างกายของเราได้รับโบท็อกซ์บ่อย ๆ ก็จะตอบรับด้วยการสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายการฉีดโบท็อกซ์ครั้งหลัง ๆ เริ่มไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นควรระยะฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 3 - 4 เดือน แล้วจึงเข้ารับการฉีดอีกครั้ง อย่างไรก็ดีไม่ควรเว้นระยะเกิน 8 - 9 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ ทำให้ต้องใช้ปริมาณของโบท็อกซ์เยอะขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป
5. เลือกรับบริการโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ โดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ
อีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์กรามไม่เห็นผล ก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพหรือรับบริการโดยคุณหมอที่ไม่มีความผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้อาจจะเกิดจากการที่โบท็อกซ์ผสมน้ำเกลือมากเกินไปทำให้ตัว Botulinum Toxin ถูกเจือจาง ซึ่งอันตรายมากเพราะหากถูกเจือจางมาก ๆ ตัวโบท็อกซ์จะกระจายไปจุดข้างเคียง อาจทำให้ ปากเบี้ยวและตาตกได้ แถมบางคนอาจจะมีอาการดื้อโบ ซึ่งเกิดจากการเคยฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อน
อีกสิ่งที่ควรระวังคือการฉีดโบท็อกซ์ไม่ถูกตำแหน่ง เพราะหัตถการดังกล่าวแม้จะมีความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรเสี่ยงกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานและคุณหมอที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เพราะผลการรักษาอาจจะกลายเป็นสูญเปล่าได้
ข้อสรุปเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์กราม
“การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม” ถือได้ว่าเป็นตัวช่วยให้หน้าเรียวที่ได้ผลสุด ๆ โดยสามารถเห็นผลหลังทำตั้งแต่ 3 - 4 วันแรก และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะคงอยู่ยาวนานประมาณ 5 - 6เดือน และหากทำตาม 5 วิธีง่ายๆ ก็จะทำให้โบท็อกซ์กรามเห็นผลไวยิ่งขึ้น
1. คือตรวจสอบใบหน้าของตัวเองและปรึกษาคุณหมอก่อนทำ เพราะหากเกิดมาเป็นคนมีโครงกระดูกใบหน้าใหญ่แต่กำเนิดอาจจะต้องพิจารณาเพื่อให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด
2. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่ร้อนจัดเพราะจะทำให้โบท็อกซ์ถูกทำลาย
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะแอลกอฮอล์จะไปรบกวนการกระจายตัวของสารโบท็อก
4. ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไปเพราะจะเกิดอาการดื้อโบตามมา
5. เลือกรับบริการโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ โดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงและผลการรักษาอาจจะกลายเป็นสูญเปล่าได้ ที่สำคัญควรเลือกคลินิกโบท็อกซ์กราม และเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังรับบริการฉีดโบท็อกซ์กรามตามขั้นตอนที่แนะนำ เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ
หากใครที่กำลังสนใจฉีดโบท็อกซ์กรามสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gangnamconsult.com/jaw-botox/
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้