รู้จักกับบริการเลเซอร์หน้าใส ปรับผิวหน้าหมองคล้ำให้กระจ่างใส
การมีใบหน้าที่เรียบเนียน กระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ เป็นอีกความสำคัญของการสร้างภาพลักษณ์ที่น่าประจับใจให้แก่ผู้คนที่พบเห็น และยังสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวันอีกด้วย และหากพูดถึงวิธีที่ทำให้หน้าใสได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จนได้รับความนิยมมากๆ คงจะเป็นการทำเลเซอร์หน้าใสนี่แหละ ที่ตอบโจทย์มากที่สุด
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คลินิกเสริมความงามหลายแห่ง คอยพัฒนาและสรรหาเทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ให้กลับมาสวยกระจ่างใส ให้ทันสมัยอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบทความวันนี้จะมาอัปเดต และไปทำความรู้จักเลเซอร์หน้าใส ว่าปัจจุบันมีแบบไหนบ้าง ปลอดภัยไหม และหากสนใจเข้ารับบริการต้องเตรียมตัวอย่างไร หลังทำต้องดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อให้ผลลัพธ์ดี และปลอดภัยกับเรามากที่สุด
เลเซอร์หน้าใส คืออะไร ปลอดภัยจริงไหม?
เลเซอร์หน้าใส คือ การทำหัตถการเสริมความงามแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ รอยดำ รอยด่าง ให้กลับมาสว่างกระจ่างใสไปพร้อมๆ กลับคืนความเรียบเนียนให้ผิวหน้าด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์ยิงเข้าสู่ชั้นผิวหนังชั้นกลาง เพื่อเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และผลักเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าการแก้ปัญหาด้วยการกินวิตามิน อาหารเสริม หรือทาครีมบำรุงต่างๆ
ในเรื่องของความปลอดภัยในการทำเลเซอร์หน้าใส เป็นการยิงพลังงานเลเซอร์เข้าสู่ชั้นผิวหนัง จึงทำให้หลายคนรู้สึกวิตกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย แน่นอนว่าหากเลือกเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ และมีเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด รวมถึงดำเนินการทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ การทำเลเซอร์หน้าใส ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม นอกจากผิวหน้าภายนอกที่กระจ่างใส เรียบเนียนแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรงจากภายในอีกด้วย เรียกได้ว่า ผิวแข็งแรงจากภายใน และเปร่งประกายออกมาสู่ภายนอกนั่นเอง
เลเซอร์หน้าใส ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง
- สามารถแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส เกิดรอยดำ สิวอักเสบ ที่ล้วนแล้วมีปัจจัยมาจากสิ่งเหล่านี้
มลภาวะฝุ่นละออง - สามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่เจอมลภาวะในแต่ละวันได้ เช่น ผิวที่เป็นผื่นแพ้จากฝุ่นละอองในอากาศ หรือมลพิษจากสารเคมีที่ลอยในอากาศ
เลเซอร์หน้าใส มีกี่แบบ
สำหรับนวัตกรรมเลเซอร์หน้าใส ปัจจุบันมีหลากหลาย และแต่ละคลินิกก็เลือกใช้แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละเครื่องเลเซอร์ก็ใช้เทคโนโลยีคนละแบบ มีจุดเด่นแตกต่างกันไปดังนี้
IPL (Intense pulse light)
แม้ว่าเครื่อง IPL จะไม่ใช่เครื่องเลเซอร์ เพราะใช้คลื่นพลังงานแสงในการเข้าไปปรับเซลล์ผิวให้ทำงานดีขึ้น กระจ่างใสและค่อยๆ ปรับพื้นผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้น
ข้อดีของ IPL
- ช่วยปรับความสว่างกระจ่างใสให้กับผิวหน้า
- อ่อนโยนต่อผิวหน้า จึงเหมาะแม้ว่าจะเป็นผิวที่เซนซิทีฟง่าย
- ราคาค่าบริการถูกกว่า เมื่อเทียบกับการเลเซอร์ชนิดอื่น
ข้อเสียของ IPL
- ต้องทำหลายครั้งถึงจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะพลังงานคลื่นแสง IPL ไม่สามารถลงไปถึงผิวหนังชั้นลึกได้
Q-switch Laser
อีกหนึ่งนวัตกรรมเลเซอร์ที่เข้ามาแก้ปัญหาผิวที่มีความหมองคล้ำ ด้วยจุดเด่นคือพลังงานเลเซอร์สามารถเข้าไปทำให้เม็ดสีแตกตัว นั่นทำให้ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหน้าใหม่ ส่งผลให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น
ข้อดีของ Q-switch Laser
- เห็นผลถึงการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- สามารถแก้ไขปัญหารอยดำ - รอยแดง รอยกระ ไปจนถึงรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของ Q-switch Laser
- ให้ความรู้สึกเจ็บขณะทำ เพราะขณะที่พลังงานเลเซอร์ลงเข้าสู่ชั้นผิวหนังจะให้ความรู้สึกคล้ายๆ มีเข็มทิ่ม หรืออาจให้ความรู้สึกร้อนที่ผิวได้
ผิวจะตกสะเก็ดหรือเกิดรอยดำ หลังทำได้ แต่จะหลุดร่วงและหายเป็นปกติได้เองายใน 1 - 2 สัปดาห์
Dual Yellow Laser
เป็นเลเซอร์ที่มีจุดเด่นคือปล่อยพลังงานเลเซอร์เข้าไปจัดการจุดด่างดำ หรือจุดหมองคล้ำได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยไม่สร้างความระคายเคืองให้ผิวข้างเคียง ดังนั้นจึงอ่อนโยนกับผิวเอามากๆ เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่น และที่เป็นไฮท์ไลน์ของเลเซอร์ชนิดนี้คือ Dual Yellow Laser มีพลังงานแสง 2 สี ดังนี้
- แสงสีเขียว ช่วยรักษารอยดำ อันได้แก่ รอยฝ้า กระดำ ไปจนถึงลดความหมองคล้ำของผิวให้กลับมากระจ่างใสขึ้นและสม่ำเสมอกันทั่วทั้งใบหน้า
- แสงสีเหลือง ช่วยลดรอยแดง รอยเส้นเลือด หรือรอยแตกลาย รอยแดงจากการเกิดสิวอักเสบที่เพิ่งยุบได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของ Dual Yellow Laser
- ใช้เวลาในการเลเซอร์ไม่นาน และเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
- ไม่เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนัง หรือแสดงอาการออกทางผิวหนัง เช่น ไม่เกิดจ้ำเลือด หรือรอยแผลใดๆ
- เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบบนใบหน้า ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้าแบบเฉพาะเจาะจง
ข้อเสียของ Dual Yellow Laser
- ต้องทำซ้ำหลายครั้งทุกๆ 2 - 3 สัปดาห์
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่ากับเลเซอร์ชนิดอื่น เพราะผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 14 - 25 วันเท่านั้น
- ผิวไวกับแสงมากกว่าปกติ จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำเสร็จอย่างเคร่งคัด
ประโยชน์ของ เลเซอร์หน้าใส มีอะไรบ้าง
นอกเหนือจากผลลัพธ์ที่แสดงออกมาให้เห็นได้ชัดเจนหลังเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใส ไม่ว่าจะเป็น ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น หน้าผิวที่เคยขรุขระก็เรียบเนียนขึ้น จุดด่างดำหายไป ประโยชน์ของเลเซอร์หน้าใส ยังเข้าไปช่วยฟื้นฟูการทำงานของชั้นผิวที่บกพร่อง ให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
เลเซอร์หน้าใส เหมาะกับใคร
ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใสกับคลินิกใดคลินิกหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ต้องคกนึงนอกเหนือจากความได้มาตรฐาน ปลอดภัยของสถานที่ให้บริการ คือปัญหาผิวหน้าของเรานั้น เหมาะกับการทำเลเซอร์หน้าใสมากน้อยแค่ไหน เพราะการเลเซอร์หน้าใส เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้าดังนี้
- ผิวหน้าหมองคล้ำ
- ผิวหน้ามีรอยจุดด่างดำ รอยกระ รอยแดงจากเส้นเลือด หรือรอยแดงจากสิวอักเสบ
- ผิวหน้าที่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ
- ผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
- ผู้ที่ต้องการมีผิวหน้าขาวใสเรียบเนียนในระยะเวลารวดเร็ว
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิวหน้า ทั้งจากการรับประทานวิตามิน หรือทาครีมบำรุง
เลเซอร์หน้าใส ไม่เหมาะกับใคร
สำหรับการเลเซอร์หน้าใส เป็นการทำหัตถการความงามที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นแล้วจึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าเรียบเนียนอยู่แล้ว และยังไม่เหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่นผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคด่างขาว หรือผู้ที่เพิ่งมีแผลสด และเข้ารับการรักษายังไม่หายสนิท
ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจเลเซอร์หน้าใส
สำหรับข้อควรที่ต้องระวัง ก่อนตัดสินใจในการเข้ารับเลเซอร์หน้าใสจากคลินิกใดคลินิกหนึ่ง ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
ปัญหาผิวหน้า เพราะการเลเซอร์หน้าใส จะแก้ไขปัญหาเรื่องความหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใสเป็นหลัก หากมีปัยหาผิวหน้าที่เน้นไปเรื่องอื่น เช่น ริ้วรอย ร่องลึก หรือต้องการความกระชับ เต่งตึงของผิวหน้า เหมาะที่จะทำหัตถการความงามในรูปแบบอื่นมากกว่า เช่น การโบท็อก หรือฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย และร่องลึก เป็นต้น
โรคประจำตัว
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต่อมาก็คือโรคประจำตัว หรือภาวะอาการป่วยเกี่ยวกับผิวหนังของเราในขณะนั้น เช่นจะต้องไม่เป็นโรคที่เกี่ยวกับภาวะเลือดหยุดไหลช้า หรือกำลังเป็นแผลสด ผิวหนังติดเชื้อ ควรเข้ารับการรักษาให้หายก่อนทำเลเซอร์หน้าใส
เข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน
และด่านสุดท้ายคือ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานปลอดภัยที่มีป้ายชื่อคลินิกชัดเจน และเลขที่ใบอนุญาตจำนวน 11 หลัก ติดไว้หน้าคลินิกส่วนผลงานการรักษาก็ดูได้จากรีวิวต่างๆ ของลูกค้าที่เคยใช้บริการคลินิกนั้นเยอะๆ และศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เช่น แพทย์ที่ประจำคลนิกคือใคร มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการเลเซอร์หน้าใสมากน้อยแค่ไหน เครื่องเลเซอร์ของคลินิกมีแบบไหนบ้าง มีนวัตกรรมที่ทันสมัย และสะอาดถูกหลักอนามัยหรือไม่
วิธีเตรียมตัวก่อนเลเซอร์หน้าใส
เพื่อเตรียมพร้อมผิวหน้าก่อนเข้ารับการเลเซอร์หน้าใส ควรปฎิบัติตัว และเตรียมตัวดังนี้
- หลีกเลี่ยงให้ผิวหน้าเผชิญกับแสงแดดแรงๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือนก่อนเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใส
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวหน้า อยู่เป็นประจำ เช่น ครีมกันแดด ร่วมกับครีมบำรุงสูตรกลางวันที่มีส่วนผสมของครีมกันแดด จะดีมาก
- ดูแลผิวหน้าไม่ให้เกิดอาการแพ้ คัน หรือเกิดแผล ติดเชื้อก่อนเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใส
วิธีดูแลตัวเองหลังเลเซอร์หน้าใส
สำหรับผิวหน้าที่เพิ่งถูกยิงเลเซอร์มา แน่นอนว่าจะมีความเซนซิทีฟหรืออ่อนไหวได้ง่ายกว่าผิวในภาวะปกติ ฉะนั้นแล้วควรดุแลผิวหน้าหลังเลเซอร์หน้าใสด้วยการปฎิบัติตัวดังนี้
- หลีกเลี่ยงให้ผิวหน้าเจอแสงแดดประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หลังเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใส ร่วมกับทาครีมกันแดด SPF50+ สำหรับผิวหน้าสูตรอ่อนโยน หรือสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย
- พกร่ม หรือใส่มวก หากต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเจอแสงแดด
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหน้าโดนน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใส
- งดซาวน่า หรืออบไอน้ำผม ที่ทำให้ผิวหน้าโดนความร้อน
- งดรับประทานอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ เพื่อให้หน้าไม่เกิดการระคายเคืองมากกว่าปกติ
เลือกทำเลเซอร์หน้าใส คลินิกที่ไหนดี
เพราะปัจจุบันคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยมีเอยะขึ้นมากจริงๆ ดังนั้นแล้วการเลือกคลินิกเพื่อเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใส ก็เป็นอีกปัจจัยที่หลายคนกังวล หรืออาจยังเลือกไม่ถูก หรือเกิดการลังเล ดังนั้นแล้วจึงมีคำแนะนำในการเลือกคลินิกเลเซอร์หน้าใส ที่ปลอภัย ไม่เสี่ยงอันตรายต่อผิว และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีดังนี้
- คลินิกมีมาตรฐาน มีชื่อคลินิกติดไว้ชัดเจน มองหาง่าย และอยุ่ในทำเลที่เหมาะสม ปลอดโปร่ง ไม่ลึกลับ โดยมีใบประกอบอนุญาต 11 หลัก ติดไว้หน้าคลินิก
- แพทย์ประจำคลินิก จะต้องเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีใบประกอบอาชีพ มีประวัติตรวจสอบได้ และมีผลงานให้ชมผ่านรีวิวของลูกค้าที่เคยทำมาก่อนหน้านี้
- เครื่องมือแพทย์ในคลินิกจะต้องทันสมัย และสะอาด ตรวจสอบได้ว่าเป็นยี่ห้ออะไร มีอย.หรือไม่ และจะต้องบอกรายละเอียดแก่ผู้เข้ารับบริการทุกครั้ง ว่ากำลังใช้ยาตัวไหน หรือใช้เครื่องมือแพทย์ชนิดใด
ความปลอดภัยของการทำเลเซอร์หน้าใส ขึ้นอยู่กับการทำงานของแพทย์ที่ชำนาญ ที่เลือกใช้เครื่องมือได้อย่างเชี่ยวชาญ เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าของแต่ละคน อีกทั้งคำนึงความสะอาด ถูกหลักอนามัย ก็จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี เห็นผลชัดเจน และมอบความปลอดภัยให้กับผู้เข้ารับบริการได้อย่างเต็มร้อย
หากสนใจข้อมูลบริการเพิ่มเติมสามารถอ่านต่อได้ที่ https://www.gangnamlaserclinic.com/face-brightening-laser/
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้