การดูดไขมัน ไม่อันตรายอย่างที่คิด
ถึงแม้การดูดไขมันจะถือเป็นการผ่าตัด แต่เป้าหมายนั้นคือการทำให้สัดส่วนเล็กลง เพื่อความสวยงามเท่านั้น โดยค่อนข้างจะไม่มีผลต่อการลดน้ำหนักลง เพราะไขมันจะมีน้ำหนักเบามาก ไม่เหมือนกับน้ำหนักของมวลไขมันและกล้ามเนื้อ
ในสมัยก่อนการดูดไขมันอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชิวิตได้ เพราะยังไม่มีตัวช่วยลดความเจ็บปวดขณะดูดไขมัน แถมยังขาดเครื่องมือการดูดไขมันที่ดี ขาดเทคนิคดูดไขมัน ไม่มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ ไม่มีอุปกรณ์ช่วยฉุกเฉิน แต่ในปัจจุบันนี้ข้อจำกัดเหล่านี้ได้รับการพัฒนาและแก้ไขแล้ว จึงไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ที่ต้องการดูดไขมัน เพราะมีหลายวิธีให้เลือกใช้ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และได้ผลตามที่ต้องการ
การดูดไขมัน คือ?
การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การกำจัดไขมันส่วนเกิน ลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดออก หรือในบริเวณที่ไม่สามารถเอาออกได้ด้วยการออกกำลังกาย หรือการควบคุมอาหาร และเนื่องจากในปัจจุบันการดูดไขมันออกนั้นมีความเสี่ยงและอันตรายน้อยมาก ถ้าสามารถหาข้อมูลคลีนิกที่เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันก่อนที่จะเลือกใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการดูดไขมัน
ดูดไขมัน ช่วยอะไรได้บ้าง
วิธีดูดไขมัน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ทำ คือ
- ได้รูปร่างที่สวยงาม ในเวลาที่รวดเร็ว เห็นผลไวและชัดเจน
- เป็นการลดสัดส่วน ไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด
ตัวช่วยในการดูดไขมัน Tumescent
Tumescent คือ สิ่งที่ช่วยให้ดูดไขมันได้ง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงต่าง ๆ ลงได้ ตัว Tumescent ประกอบด้วย ยาชา , น้ำเกลือ , ยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ซึ่งก็คือ Adrenaline และตัวยาอื่น ๆ ขึ้นกับแต่ละคลินิกหลังจากที่ใส่ Tumescent แล้ว ช่องว่างในชั้นไขมันจะเพิ่มขึ้น เส้นเลือดหดตัวลง และทำให้เส้นเลือดกับเส้นประสาทลอยอยู่ในน้ำ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโดนเข็มดูดไขมันแทง
ตัวช่วย Tumescent จะช่วยลดอาการเจ็บระหว่างดูดไขมัน ทำให้เสียเลือดน้อยลง ลดโอกาสเกิดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดขณะดูดไขมัน ดังนั้นอันตรายที่เกิดจากการดูดไขมันจะลดน้อยกว่าอดีตลงมาก
เครื่องดูดไขมัน มีแบบไหนบ้าง
ปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องดูดไขมันออกมาในหลายรูปแบบเพื่อให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของสภาพไขมันที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย
1. J Plasma
เป็นเครื่องยกกระชับผิว กระชับสัดส่วนโดยเฉพาะ เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวแบบใหม่ล่าสุดจากอเมริกาไม่ใช่เครื่องดูดไขมัน แต่ก็เหมาะที่จะใช้ควบคู่กับเครื่องดูดไขมัน เครื่องนี้ช่วยให้ได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันได้ชัดเจนมากขึ้น ร่างกายฟื้นฟูเร็ว ลดปัญหาผิวย้วย ผิวหย่อนคล้อยได้ตรงจุด
2. Manual Liposuction
เป็นการดูดไขมันแบบดั้งเดิมที่ใช้ในสมัยก่อน ไม่มีการใช้เครื่องมือมาช่วย แต่เป็นการใช้แรงแพทย์กระทุ้ง ไซริงค์ เข้าไปที่ชั้นไขมัน และดูดออกมา วิธีนี้ค่อนข้างเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับเส้นเลือด และเส้นประสาทเสียเลือดมาก เจ็บมาก พักฟื้นนานมาก จึงเหมาะกับการดูดไขมันเหนียง หรือดูดไขมันน้อย ๆ
3. Water Jet Assisted Liposuction
เป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ body-jet เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากเยอรมัน ซึ่งใช้พลังงานน้ำ ฉีดพ่นเข้าไปในรูปแบบใบพัด เพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว และแยกออกจากกัน และสามารถดูดออกโดยเจ็บน้อยมาก
4. Power Assisted Liposuction
เป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานกล ที่ไม่มีการใช้ความร้อนหรือพลังงานเข้ามาช่วย เป็นสลายไขมันที่คล้ายกับ Manual Liposuction แต่เป็นเครื่องมือที่เพิ่มความถี่ของการขยับเข็มดูดไขมัน จนทำให้ไขมันแตกตัวออกจากกัน
5. Ultrasonic Assisted Liposuction
เป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ที่ปล่อยพลังคลื่นเสียงออกมาเป็นพลังงานความร้อนสูง ซึ่งจะทำให้ไขมันแตกตัวออกจากภายใน กลายเป็นน้ำมัน เพื่อให้ดูดทิ้ง เครื่องที่ใข้มี Vaser Smooth 2.2 และเครื่อง Ultra Z เป็นต้น
6. Suction Assisted Liposuction
เป็นการดูดไขมันด้วยท่อธรรมดาที่ถูกพัฒนามาจากการดูดไขมันแบบ Manual Liposuction แต่ให้ได้ปริมาณไขมันเยอะขึ้น ใช้เวลาน้อยลง ลดความเจ็บ เสียเลือดน้อยลง แต่ก็ยังใช้เวลาพักฟื้นนาน
7. Radio Frequency
เป็นเครื่องดูดไขมัน Body Tite ที่ดูดไขมันด้วยท่อที่มีแรงดูดสุญญากาศ ใช้พลังคลื่นความถี่วิทยุ มาช่วยสร้างความร้อน และยกกระชับผิว
8. Laser-Assisted Liposuction
เป็นการดูดไขมันด้วยเลเซอร์ ที่ช่วยสลายไขมัน แต่เนื่องจากเลเซอร์ผลิตความร้อนได้ค่อนข้างน้อยที่ระดับอุณหภูมิ 40-60 องศาเซลเซียส ทำให้ต้องใช้เวลาดูดไขมันค่อนข้างนาน และได้น้อย จึงไม่ค่อยนิยมนักในปัจจุบัน แต่มีความปลอดภัยสูง
ตำแหน่งดูดไขมันยอดนิยม
ไขมันนั้นสามารถสะสมได้ตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย และยังได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
- ไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อ
- ไขมันในหลอดเลือด
แต่ไขมันที่สามารถดูดออกได้นั้น มีเพียงแค่ “ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง” เท่านั้น และในชั้นนี้จะส่งผลต่อความสวยงามของรูปร่างเป็นหลัก คือเป็นตัวการที่ทำให้อ้วนขึ้นหรือผอมลงนั่นเอง ที่มีผลต่อความมั่นใจของแต่ละบุคคล แต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ
1. ดูดไขมันหน้าท้อง
เป็นตำแหน่งที่นิยมมากในการดูดไขมันทั้งในผู้ชายและผู้หญิง แต่ก่อนที่จะทำการดูดต้องตรวจก่อนว่าเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หรือไขมันในช่องท้อง รวมทั้งสภาพผิวก่อนทำด้วย หากว่าเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังน้อย และเป็นไขมันในช่องท้องมาก การดูดไขมันอย่างเดียวก็จะได้ผลน้อย อาจจะต้องทำควบคู่กับการหาวิธีเผาผลาญไขมันของร่างกายเอวด้วย
2. ดูดไขมันทั้งตัว
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดไซด์สัดส่วนลงทั้งตัวในคราวเดียว
3. ดูดไขมันเอวเอส
ใช้สำหรับคนที่ต้องการดูดไขมันเอวคอด นั่นคือการดูดไขมันตั้งแต่ช่วงเอวด้านหน้า ไปจนถึงเหนือสะโพก ให้มีความบางและเพรียวมากที่สุด เพื่อให้รูปร่างมี S Curve แบบธรรมชาติ หุ่นดูสวย มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างเห็นได้ชัด
4. ดูดไขมันต้นแขน
เหมาะกับคนที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนัง แต่ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ดูดไขมันยากต้องใช้เทคนิค และประสบการณ์ของแพทย์เยอะ เพราะสำหรับคนตัวเล็ก ไขมัน จะอยู่ตรงหลังแขน และด้านล่างท้องแขน ในขณะที่คนตัวใหญ่ มักจะมีไขมันรอบแขน และบางครั้งอาจต้องดูดไขมันบริเวณหัวไหล่ด้วย เพื่อให้ดูสมส่วน
5. ดูดไขมันต้นขา
เช่นเดียวกันต้องหาให้พบก่อนว่าเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อ หากเป็นไขมันนั้น ก็จะเป็นแบบไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ หรือ ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หลังจากนั้นแพทย์ก็จะต้องออกแบบรูปทรงขาที่ต้องการ ก่อนที่จะทำการดูดไขมัน เพื่อลดโอกาสในการเกิดการเว้าแหว่งขึ้นได้จากการดูดมากไป ส่วนใหญ่ไขมันจะสะสมที่ต้นขาด้านในและต้นขาด้านนอก อาจมีบ้างตรงบริเวณหน้าขา ใต้ก้น และหัวเข่าร่วมด้วย
ดูดไขมันมีข้อดีอะไรบ้าง
การดูดไขมันนั้นมีข้อดีอยู่มาก ซึ่งสามารถดูได้จากผลลัพธ์หลังดูดไขมันต่าง ๆ เช่น
- สัดส่วนเล็กลงในทันที
- ลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้ดี
- ช่วยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกัน
- ช่วยลดขนาดไซด์เสื้อผ้าลง
- ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ
- ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกขึ้น
- ช่วยให้แต่งตัวง่ายขึ้น ใส่ชุดไหนก็ดูดี
- แผลขนาดเล็ก ไม่เป็นคีลอยด์
- ช่วยให้หุ่นเป๊ะขึ้นกว่าเดิม
- เอาไขมันไปเติมส่วนที่ขาดได้ (เครื่อง body-jet)
ดูดไขมันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง
นอกเหนือจากจุดดีที่ได้จากการดูดไขมันนั้น ก็ยังมีข้อจำกัดด้วย ดังต่อไปนี้
- ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น
- อาจรู้สึกเจ็บ ระหว่างดูดไขมันได้
- มีอาการเจ็บ บวมช้ำ หลังดูดไขมัน
- ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
- มีโอกาสที่เกิดผิวจะไม่เรียบได้
- อาจเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ดูดไขมันเจ็บไหม
แน่นอนว่าการดูดไขมันนั้นต้องเจ็บ แต่ในปัจจุบันนี้จะเจ็บน้อยมากถ้าได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำถึงวิธีที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีการใช้ยาทาเฉพาะจุด หรือแม้กระทั่งยาสลบอีกด้วย ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงและลดความเจ็บได้ดี
วิธีดูดไขมัน
วิธีดูดไขมันในแต่ละตำแหน่งนั้นจะคล้ายคลึงกัน จะต่างกันบ้างก็ตรงขั้นตอนที่ 2 จากทั้งหมด 3 ขั้นตอนในการดูดไขมัน
- ขั้นตอนที่หนึ่ง : จะใส่ Tumescent เพื่อขยายพื้นที่ที่ต้องการดูดไขมัน ลดความเจ็บ และทำให้เสีย เลือดน้อยลง ที่เกิดจากการกระทบจากเข็มดูดไขมัน
- ขั้นตอนที่สอง : เป็นขั้นตอนที่แยกเซลล์ไขมันโดยเครื่องดูดไขมันที่แตกต่างกันไปตามแต่จะเลือกใช้ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดูดไขมัน body-jet ใช้พลังงานน้ำฉีกเข้าไปสลายไขมัน เป็นต้น
- ขั้นตอนที่สาม : ขั้นตอนนี้จะเป็นการดูดไขมันออกมาใส่ถังเก็บไขมัน เช่น เครื่องดูดไขมัน body-jet จะมีถังสำหรับใส่ไขมันทิ้ง
อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังดูดไขมัน
หลังจากเสร็จจากการดูดไขมันแล้ว คนไข้อาจมีอาการดังนี้
- มีอาการหน้ามืด เวียนหัว คลื่นไส้ อยากอาเจียน
- มีความเป็นไปได้ว่าระหว่างที่แพทย์ทำการสลายไขมัน เส้นเลือดฝอยขนาดเล็กโดนทำลายบ้าง ซึ่งจะทำให้บริเวณนั้นเกิดการระบมช้ำ
- บ้างก็มีอาการบาดเจ็บมากใต้ผิวเพราะเซลล์ไขมันถูกทำลายจากความร้อน
- บ้างก็เกิดการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง ดังนั้นการกินยาฆ่าเชื้อก็เพียงพอแล้ว
- ถ้าหากมีการสะสมของน้ำบริเวณที่ทำการดูดไขมัน หรือที่เรียกว่า Seroma ก็ควรที่จะสวมชุดกระชับหลังดูดไขมัน
- บ้างก็มีอาการดูดไขมันเป็นไตแข็ง หรือก้อนแข็งใต้ผิว อาจแก้ไขด้วยการประคบอุ่น เป็นต้น
- อาจมีรอยแผลเป็น
- ปอดบวมน้ำ หัวใจล้มเหลว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
- ภาวะไขมันหรือลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
สรุป
การดูดไขมันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการเตรียมตัวคล้ายกับการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมทั่ว ๆ ไป ฉะนั้น ควรที่จะมีการเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ก่อนที่จะทำตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดกับสุขภาพและร่างกายของแต่ละคน หากตัดสินใจได้แล้วก็ควรศึกษาถึงขั้นตอน และการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมัน และการปฏิบัติตนหลังได้รับการผ่าตัดแล้ว
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้