ฝากไข่ทางเลือกเพื่อการวางแผนมีบุตร สำหรับผู้หญิงยุคใหม่
ในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ภาวะเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยส่งผลให้หนุ่มสาวนิยมอยู่เป็นโสดกันมากขึ้นทำให้แต่งงานช้า การที่ผู้หญิงยุคใหม่ มีการศึกษาดี หน้าที่การงานดี ไม่อยากทิ้งอนาคตหน้าที่การงานเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก จึงชะลอการมีลูก
การฝากไข่ หรือ Oocyte Cryopreservation จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ เพื่อการวางแผนการมีบุตรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การฝากไข่ สามารถลดความเสี่ยงของลูกที่อาจเกิดมาพร้อมความผิดปกติเนื่องจากอายุที่มากขึ้นอีกด้วย
ฝากไข่ คืออะไร
ฝากไข่คืออะไร? ฝากไข่ (Egg Freezing หรือ Oocyte Cryopreservation) เป็นวิธีการเก็บไข่ โดยขั้นตอนการเก็บไข่จะนำเอาไข่ของผู้หญิงที่สภาพดีและยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ออกมาจากรังไข่เพื่อนำมาแช่แข็งในห้องปฏิบัติการเพื่อไม่ให้เสื่อมสภาพ
ทำไมถึงต้องฝากไข่
การฝากไข่คือ การวางแผนการมีบุตรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การแช่แข็งไข่หรือการฝากไข่คือ นวัตกรรมในการเก็บรักษาไข่ด้วยความเย็น เพื่อนำมาปฏิสนธิกับอสุจิในภายหลัง ไข่ที่ถูกแช่แข็งไว้ เปรียบเสมือนโดนหยุดเวลา ซึ่งคุณภาพของไข่จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทำไมถึงต้องฝากไข่? ในทางการแพทย์ผู้หญิงส่วนใหญ่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สำเร็จในช่วงอายุระหว่าง 20-35 ปี หรือในช่วง 7 ปีแรกนับจากเริ่มมีประจำเดือน ซึ่งร่างกายผู้หญิงรองรับการตั้งครรภ์ได้จนถึงอายุ 40 ปี หรือบางคนที่สุขภาพดีอาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้จนถึงอายุ 50 ปี
แต่โดยปกติแล้วโอกาสมีลูกจะเริ่มลดลงหลังจากอายุ 35 ปีขึ้นไป และยังมีผลการศึกษาจากในประเทศอังกฤษ พบว่า ช่วงอายุที่เหมาะสมกับการมีบุตรมากที่สุด คือ 20-35 ปี เพราะโอกาสเสี่ยงต่อการแท้งลูกมีน้อยมาก ผู้หญิงยุคใหม่จึงหันมาทำการฝากไข่
การฝากไข่ช่วยแก้ไขภาวะมีบุตรยากได้ สารสกัดพลาสมาจากเลือดที่มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพของรังไข่ที่เสื่อมได้ ฟื้นฟูการทำงานของรังไข่ รวมถึงปริมาณของจำนวนไข่ที่เก็บได้ วิธีทำการกระตุ้นไข่สามารถทำเด็กหลอดแก้วได้ หลังจากกระบวนการฉีดสารสกัดพลาสมาจากเลือดเข้ารังไข่ไปแล้วเป็นระยะเวลา 2- 3 เดือน และมีผลเป็นระยะเวลา 6-7 เดือนหลังฉีด
การเตรียมตัวก่อนฝากไข่
วิธีทำการเตรียมตัวก่อนฝากไข่ มีวิธีทำการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการเก็บไข่ มี 3 ข้อดังนี้
1.รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ แป้งน้อย น้ำตาลน้อย ก่อนฝากไข่ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ลดขนมขบเคี้ยว ไม่ควรรับประทานของจุบจิบ ไม่ควรรับประทานอาหารหลัง 6 โมงเย็น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยสร้างสมดุลให้ร่างกาย
2.รับประทานวิตามิน อาหารเสริม ตามคำแนะนำของแพทย์ ได้แก่ Astaxanthin, CO-Q10, Methyl Folate และ Vitamin D หรือ Pregnable F Begin สามารถปรึกษาแพทย์เรื่องการรับประทานวิตามินและอาหารเสริมได้
3.พักผ่อนให้เพียงพอ การรับแสงแดดให้เพียงพอในตอนเช้าอย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาทีทุกวัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นจังหวะการหลับตื่น (Sleep Cycle) ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้เรานอนหลับพักผ่อนได้ดียิ่งขึ้น และควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีนก่อนนอน 2 ชั่วโมง เพื่อให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
4.ลดความเครียด ก่อนการเก็บไข่ผู้หญิงควรฝึกควบคุมและจัดการกับความเครียด
ขั้นตอนการทำ ฝากไข่
ขั้นตอนการทำฝากไข่ต้องทำอย่างไรบ้าง? วิธีการเก็บไข่คือ การเก็บไข่ของผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ออกมาจากรังไข่ และนำไปเก็บแช่แข็งไว้ที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ซึ่งในแต่ละครั้งจะทำการเก็บไข่ประมาณ 12-15 ใบ
วิธีการเก็บไข่จะไม่ได้เก็บโดยวิธีผ่าตัดอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ทีมแพทย์จะทำการเก็บผ่านทางช่องคลอดจากรังไข่ (ผ่าตัดส่องกล้อง) โดยการวางยาระงับความรู้สึกก่อน จากนั้นก็นำเครื่องมือก็คือ เข็มขนาดเล็กที่ติดหัวอัลตราซาวด์ค่อยๆ สอดเข้าไปส่องหาไข่ ก่อนจะทำเจาะดูดการไข่ออกมาตรวจสอบคุณภาพ
โดยใช้น้ำยาในการเก็บไข่คือ Cryoprotectant มีความเข้มข้นสูงและทำให้เย็นอย่างรวดเร็วโดยไนโตรเจนเหลว เพื่อคงสภาพไข่ไว้ให้พร้อมสำหรับการเก็บ ซึ่งกระบวนการนี้สามารถเก็บไข่ได้นานกว่า 10 ปี
ภายหลังสามารถนำไข่ผู้หญิงมาผสมกับอสุจิของผู้ชายที่ถูกต้องตามกฎหมายได้เพื่อนำไปสู่การตั้งครรภ์ในเวลาที่ต้องการ โดยไข่ที่ได้รับบริการแช่แข็งฝากไข่ไว้นั้น สามารถเก็บรักษาไว้ได้ 5-10 ปี
ข้อดีของการฝากไข่
1.การฝากไข่ (Egg Freezing หรือ Oocyte Cryopreservation) เหมาะกับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ แต่ว่ามีการวางแผนว่าต้องการมีบุตรในอนาคต
2.กลุ่มที่มีโรคเรื้อรังบางอย่าง จึงใช้วิธีทำการฝากไข่เพราะในบางรายของผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องรับการรักษาด้วยการฉายแสงเคมี เช่น โรคมะเร็ง และผู้ที่ต้องทำการผ่าตัดรังไข่ เพราะในกระบวนการรักษานั้นจะทำให้รังไข่เสื่อมเร็ว ทำให้ไข่ไม่ได้คุณภาพมากพอที่จะมีบุตรได้ในอนาคต
3.ผู้ที่มีปัญหาทางพันธุกรรม ที่ทำให้รังไข่เสื่อมเร็ว
4.ผู้ที่ต้องได้รับการผ่าตัดรังไข่
ข้อจำกัดการฝากไข่
ข้อจำกัดการฝากไข่คือ อาจจะไม่คุ้มค่า เนื่องจากวิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง รวมถึงต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยากระตุ้นไข่ และการดมยาโดยไม่จำเป็น ส่วนไข่ที่ยังแช่แข็งไว้ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าหลังจากละลายออกมาใช้ในอนาคตแล้ว จะยังคงมีคุณภาพเท่าเดิมหรือไม่
ยิ่งถ้าในอนาคตหากไม่ได้แต่งงาน หรือคู่สมรสมีปัญหาเรื่องคุณภาพอสุจิที่ไม่ดีด้วย ก็อาจส่งผลกระทบให้ตัวอ่อนไม่ดีพอที่จะตั้งครรภ์ได้
ขั้นตอนการปฏิบัติตัวหลังฝากไข่
- ภายหลังจากตื่นอาจมีอาการคลื่นไส้ได้เล็กน้อย แนะนำให้นอนพักในห้องพักประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน
- หลังจากการเก็บไข่หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่จัดไว้ให้ ในบางรายอาจมีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อยหรือแน่นท้องได้ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ ให้ฉีดยา รับประทานยา หรือเหน็บยาตามที่แพทย์กำหนด
- พยายามพักผ่อนให้มากที่สุด และทำจิตใจให้สดชื่น
- หลังจากการเก็บไข่ไม่ควรขับรถกลับบ้านเองตามลำพัง ควรมีญาติสนิทมาด้วย
อาการที่พบได้หลังฝากไข่
- อาการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาหรือฮอร์โมน
การใช้ยาที่เกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ เช่น ฮอร์โมนกระตุ้นไข่ หรือ ฮอร์โมนลูเทนไนซิ่ง ในการกระตุ้นการตกไข่นี้สามารถทำให้รังไข่บวมหรือเกิดอาการเจ็บปวดหลังจากการเก็บไข่ไปแล้ว โดยอาการอาจมีทั้ง ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง ได้เช่นกัน
- ภาวะแทรกซ้อนจากการเก็บไข่
การใช้เข็มดูดเซลล์ไข่ออกจากรังไข่นั้นอาจเกิดผลข้างเคียงทำให้เกิดเลือดออก รวมถึงการติดเชื้อในช่องท้องและอาจกระทบต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ และเส้นเลือดได้
- ภาวะทางด้านอารมณ์
จากที่คุณผู้หญิงได้เก็บไข่ไปแล้ว อาจมีการตั้งความคาดหวังสูงในการตั้งครรภ์ รวมถึงการสะสมความเครียดจากการวางแผนตั้งครรภ์ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นกระบวนการเก็บไข่แล้วก็อาจทำให้เกิดความแปรปรวนทางด้านอารมณ์ได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งในกระบวนการเก็บไข่แต่ละครั้ง แต่ละคนนั้นจะมีการใช้ปริมาณยาและการดูแลตัวเองที่แตกต่างกัน ฉะนั้นในทุกขั้นตอนตลอดกระบวนการต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์เท่านั้น
ค่าใช้จ่าย
ขั้นตอนการฝากไข่ราคาเท่าไหร่? การฝากไข่ (Egg Freezing หรือ Oocyte Cryopreservation) มีราคาค่อนข้างสูง แต่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิงที่ต้องการฝากไข่เพื่อการวางแผนการมีบุตรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอน
แล้วฝากไข่ที่ไหนดี? ฝากไข่ที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลบีเอ็นเอช เปิดให้บริการมามากกว่า 15 ปี และมีเคสที่กระตุ้นไข่แล้วกว่า 4,000 cycles ที่บีเอ็นเอช ดูแลทุกกระบวนการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ และห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน
ฮอร์โมนและตัวยาที่ทีมแพทย์เลือกใช้ในการเก็บไข่ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจากองค์กรชั้นนำมากมาย โดยเลือกใช้สิ่งที่ดีที่สุด ดูตามความต้องการเฉพาะบุคคลมากที่สุด ดังนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถวางใจได้ว่า ฮอร์โมนและยาที่ได้รับมีคุณภาพสูง เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเองจริงๆ และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้เข้ารับบริการจริงๆ
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้