ทำความรู้จักกับ “สิวติดสาร สิวสเตียรอยด์”
คาดว่าในปัจจุบันนี้ ทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า สิวสเตียรอยด์ ไม่ว่าจากประสบการณ์ตรง หรือ จากการได้ยินจากข่าวสารการกีฬา สเตียรอยด์มีอยู่ 2 ประเภท คือ แบบธรรมชาติร่างกายสร้างขึ้นเอง ช่วยทำให้ระบบในร่างกายทำงานปกติ อีกประเภทคือ แบบสังเคราะห์ที่ถูกผลิตขึ้น เป็นยาเคมีที่ช่วยรักษาโรคได้ดีและเร็ว แต่มีผลข้างเคียงอันตราย หากใช้ผิดวิธี
ปัญหาจากสิวติดสาร หรือคือ สิวสเตียรอยด์ นั้น เกิดขึ้นจากการที่ผิวหน้าได้รับสารสเตียรอยด์แบบสังเคราะห์ที่เป็นส่วนผสมจากครีมทาหน้า ครีมรักษาสิว เป็นเวลานาน ดังนั้นเราจะมาทำความเข้าใจว่า หน้าแพ้สารสเตียรอยด์มีลักษณะอย่างไร วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวแพ้สาร สิวสเตียรอยด์ สุดท้ายถ้าแพ้สารสเตียรอยด์รักษายังไง
สิวสเตียรอยด์ คืออะไร ?
สิวสเตียรอยด์ (Steroid Acne) คือ ภาวะของกลุ่มอาการทางผิวหนังที่มีอาการ เป็นผื่นคล้ายสิว ชื่อภาษาอังกฤษของกลุ่มอาการแบบนี้เรียกว่า Acneiform Eruption ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบสิวแท้ และอาการอื่น ๆ ที่คล้ายสิว โดยมากมักเกิดในผู้ที่ได้รับสารสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
การเกิดของสิวทั่วไป (สิวฮอร์โมน)นั้น จะเกิดจากการที่มีน้ำมันอุดตันอยู่ในรูขุมขนมากเกิน มีสิ่งสกปรกอุดตันที่ผิว เกิดเป็นสิวอุดตัน แล้วขยายขนาดขึ้นเป็นหัวสิว มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และอาจอักเสบได้ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียมากเกิน แต่ สิวสเตียรอยด์นั้น จะเริ่มเกิดจากการมีการอักเสบของเซลล์บุรูขุมขนพร้อมกันและของเสียถูกขับออกมารวมกับน้ำมัน เกิดการอุดตัน
โดยสรุป สิวสเตียรอยด์ มีลักษณะเป็นปื้น กระจุก ปะทุทุกรูขุมขน ทุกเม็ดจะคล้ายกันและมีขนาดเท่าๆ กันไม่ขึ้นกับระยะเวลาเกิดสิว ในขณะที่สิวปกติทั่ว ๆ ไป จะมีหัวปิด หัวเปิด และขนาดปะปนกันโดยขึ้นกับระยะเวลาของการเกิดสิว
สิวสเตียรอยด์ มีอาการอย่างไร
สิวสเตียรอยด์ เริ่มจากการอักเสบของเซลล์รูขุมขนและมีการหลั่งของเสียออกนอกเซลล์ จนไปรวมตัวกับน้ำมัน ทำให้เกิดเป็นสิวสเตียรอยด์ อาการหน้าแพ้สารสเตียรอยด์ สิวติดสารเป็นดังต่อไปนี้
- ผด ผื่น จะขึ้นง่ายกว่าเดิม
- เป็นสิวผด สิวอุดตันขึ้นเป็นปื้น ๆ แดง ๆ
- ผิวแดงเหมือนแพ้อะไรมา
- มีอาการคัน
- ผิวเริ่มบางและแพ้ง่าย
- ผิวหน้ามันง่ายมากกว่าปกติ
- ผิวจะเริ่มเหี่ยวย่น เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
สิวสเตียรดอยด์ เกิดจากอะไร
มีอยู่ 2 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ หน้าติดสารสเตียรอยด์ คือ
- เพราะความอยากสวยอยากงาม : ซึ่งอาจจะด้วยจากการใช้เครื่องสำอางหรือครีมที่ใส่สารสเตียรอยด์นานๆ หรือ ด้วยการรักษาในคลีนิกเสริมความงาม โดยเฉพาะการรักษาสิว การฉีดสิว ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์จำนวนมาก และเข้มข้น เพื่อรักษาแบบเร่งด่วน หรือ
- โรคผิวหนัง : อาจมาจากโรคผิวหนัง ที่อักเสบรุนแรงจนต้องใช้ยาที่มีสารสเตียรอยด์
สิวสเตียรอยด์ เกิดจาก การใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม ไปกดภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังให้มีการเสียสมดุล เกิดการอักเสบของรูขุมขน มีตุ่มหนองที่อาจเกิดจาก แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไรรูขุมขน สิวแพ้สารสามารถขึ้นได้ทั่วหน้า และขนาดสิวจะเท่า ๆ กัน เป็นระยะสิวเดียวกันขึ้นเป็นปื้น ๆ สิวสเตียรอยด์ นั้น มีทั้งอาการบวม เจ็บ และคัน
สิวสเตียรอยด์ รักษาได้อย่างไร
การรักษาสิวสเตียรอยด์ สิ่งแรกคือ เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของ สารสเตียรอยด์ทันที แต่ต้องเข้าใจว่าหลังเลิกใช้ก็อาจเกิดสิวเห่อมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และควรต้องอดทนสักระยะหนึ่งโดยไม่หันกลับไปใช้ตัวที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์อีก
หากว่าอาการหลังหยุดสารสเตียรอยด์ไม่รุนแรง และไม่พร้อมพบแพทย์ ก็ให้ใช้วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง ดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของ AHA BHA ไม่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง
- เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น ก็อาจใช้ยารักษาสิว เช่น Benzac, Clinda M , Tretinoin เป็นต้น
- ต้องอดทนและใจเย็น เพราะต้องใช้เวลารักษาสิวติดสารยาวนานอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป อาจยาวไปจนถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ
แต่ถ้าหากว่ามีอาการรุนแรงมาก ทางเลือกที่ดีกว่าก็คือเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาหน้าแพ้สเตียรอยด์อย่างไรก็ตามการพบแพทย์เพื่อปรึกษาหาสาเหตุและทำการรักษาหน้าแพ้สเตียรอยด์นั้น อาจจะมีค่ารักษาที่ค่อนข้างสูง เพราะจะต้องใช้เทคโนโลยี่เข้ามาช่วย วิธีการรักษาเมื่อพบแพทย์อาจเป็นหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของวิธีต่อไปนี้ในการรักษาสิวสเตียรอยด์
1. การทานยาปฏิชีวนะ
สามารถใช้ยากิน ประเภทกลุ่มยาฆ่าเชื้อสิว ได้แก่ Tetracycline , Erythromycin เป็นต้น
2. การใช้ยาทา
ยาชื่อ Tretinoin ซึ่งเป็นยาทาสำหรับรักษาสิว มีทั้งแบบครีมและเจล สามารถรักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบระดับเล็กน้อยถึงปานกลางต้องใช้ยาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ แต่ช่วงแรก ๆ ผิวหนังจะแห้ง มีสิวเกิดมากขึ้น ซึ่งเป็นอาการปกติ จึงควรดูแลด้วยการทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่จำเป็นต้องหยุดยา
3. การกดสิว
เป็นวิธีรักษาเสริมอย่างหนึ่งของสิวสเตียรอยด์ ควรที่จะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เพราะควรทำด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้อักเสบติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลเป็นมากกว่าเดิม
4. โปรแกรมฉายแสง Magic Light รักษาสิวสเตียรอยด์ หรือ ฉายแสง LED 4 สี
จะช่วยให้สิวสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตันยุบลง ช่วยปรับสมดุลการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้สมดุล ฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงขึ้น เป็นโปรแกรมฉายแสงเย็นลงสู่ผิว ปรับสมดุลของเคมีในเซลล์ให้เข้สู่ภาวะปกติ ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกแสงความยาวคลื่นที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
5. เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 Laser
เป็นหนึ่งในวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ในปัจจุบัน เมื่อพบว่าการใช้ยากิน หรือยาทาไม่ได้ผล เลเซอร์ชนิดนี้จะช่วยรักษาสิวและป้องกันผลข้างเคียงจากสิวด้วย แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ เพราะจะมีผลกระทบต่อผิว ทำให้ผิวบอบบาง และไวต่อแสง
การป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์
ควรที่จะเข้าใจว่าถึงแม้จะสามารถกู้ผิวหน้าแพ้สารสเตียรอยด์ได้ ผิวหน้าก็อาจไม่กลับเหมือนเดิม ทางที่ดีควรจะหลีกเลี่ยง หรือระมัดระวังไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์ได้โดย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ปราศจากสบู่ น้ำหอม AHA/BHA และกรดวิตามินเอ
- มองหาสกินแคร์ที่เน้นให้ผิวแข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น คืนสมดุลให้กับผิว งดการใช้สกินแคร์เร่งหน้าขาว หน้าใส และลดริ้วรอยไปก่อน
- งดการสครับผิว ขัดหน้า นวดหน้า รวมถึงการใช้แผ่นลอกหน้า ลอกสิวไปก่อน
- พยายาเลี่ยงแสงแดดถ้าทำได้ เพราะอาจจะไปกระตุ้นการเห่อของสิวสเตียรอยด์มากขึ้นมาอีก เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
สรุป
การรักษาสิวสเตียรอยด์ให้หายขาดนั้น ต้องใช้เวลานานมาก ทั้งยังอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ในขณะที่บางคนไม่สามารถมีผิวหน้าที่แข็งแรงเหมือนเดิม 100% การดูแลสิวสเตียรอยด์นั้นจะไม่ใช่วิธีการรักษาที่เบ็ดเสร็จตายตัว ต้องมีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของแต่ละคน ฉะนั้นควรศึกษาให้ละเอียดในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่ไม่มีสารสเตียรอยด์ ล้างหน้าให้สะอาดไม่เหลือคราบสิ่งสกปรกใดๆ ที่อาจจะอุดตันใบหน้า ควรนอนหลับให้เพียงพอ งดอาหารรสจัดทุกชนิด ออกกำลังกายเป็นประจำ หากปฏิบัติได้ตามนี้ โอกาสที่จะกลับมามีสิวสเตียรอยด์ สิวติดสาร ก็จะเกิดขึ้นน้อยลง
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้