เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) ได้คุณค่ามากกว่าแค่ความรู้

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (467)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:843
เมื่อ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 13.52 น.

การเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) นั้นเป็นปลายทางในฝันอันดับต้นๆ ของผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลาย เพราะการเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) นั้นมีคุณค่ามากกว่าแค่ใบปริญญาและความรู้ที่ได้รับ เนื่องจากผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะในการคิด วิเคราะห์ และการสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบยั่งยืน หรือ แบบ Life-long learning

 

เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) ได้ความรู้ ได้งาน ได้ทักษะในการดำเนินชีวิต

น้องๆ ที่ใกล้จะจบม.6 หรือจบม.6 มาแล้วเรียบร้อย และอยากจะหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) เพิ่มเติม พี่ๆ ทีมงาน GENT ขอบอกเลยว่า บทความเรื่องนี้ สามารถช่วยไขข้อสงสัย ตลอดจนให้ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นแก่น้องๆ ได้ในเบื้องต้น ว่าเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) นั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง และหลังจากสำเร็จการศึกษา น้องๆ จะได้อะไรมากกว่าแค่ความรู้และใบปริญญา รวมไปถึงวิธีการที่นำไปสู่ปลายทางที่ดีเหล่านั้น มาร่วมเดินทางไปพร้อมๆ กัน บนเส้นทางของการเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) ไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

 

หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษทั้ง 6 โปรแกรม

ถ้าจะว่าไปแล้ว การเรียนต่อในระดับอุมดศึกษาในประเทศไทยนั้นค่อนข้างจะมีหลักสูตรที่จำกัดอยู่มาก เพราะมีเพียงแค่หลักสูตรที่ตายตัวแบบเดียว คือ เรียนตามจำนวนชั้นปีและความมากน้อยของวิชา คณะไหนเนื้อหาไม่เข้มข้นมาก ก็สามารถเรียนจบได้ใน 4 ปี ส่วนสาขาไหนที่มีเนื้อหาอัดแน่น และต้องอาศันการปฏิบัติร่วมด้วย เวลาเรียนก็อาจจะยืดออกไปเป็น 5-6 ปี ส่วนหลักสูตรพิเศษมีอยู่ 2 แบบ คือ Pre Degree คือ สะสมหน่วยกิตมาล่วงหน้าตั้งแตตอนเรียนม.ปลาย กับหลักสูตรเรียนป.ตรีควบโท แต่ก็พบได้น้อยมากแล้วในปัจจุบัน ต่างจากหลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ ที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่น ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนอย่างเต็มที่

 

ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี

การปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี นั้นเป็นหลักสูตรปกติของการเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ เพราะว่าที่นี่ใช้เวลาเรียนระดับชั้นมัธยมนานถึง 7 ปี  ต่างจากประเทศไทย ที่เรียนเพียงแค่ 6 ปีเท่านั้น โดยเวลาที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ปีนั้น เรียกว่า Year 13 ซึ่งนักเรียนจะต้องมาเก็บหน่วยกิตด้วยการสอบเก็บคะแนน ถ้าผลการสอบออกมาดี และเก็บหน่วยกิตได้ครบเร็วเท่าไหร่ ก็จะสามารถยื่นคะแนนเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีของอังกฤษได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น แต่นักเรียนไทยที่จะมาเรียนในหลักสูตรนี้ ต้องมาเรียน A Level ก่อน 1-2 ปี ถึงจะสามารถเรียนปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปีได้ โดยสาขาวิชาที่เรียนแค่ 3 ปีจบนั้นจะเน้นทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่

 

ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี

แต่สำหรับน้องๆ ที่จะมาเลือกเรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ แบบนี้ต้องบอกเลยว่า น้องๆ จะเรียนจบช้ากว่าเพื่อนๆ ที่ไทยอย่างน้อย 1 ปี เพราะถึงแม้ว่าหลักสูตรเหล่านี้จะเรียนแค่ 4 ปี แต่อย่างไรก็ตาม น้องๆ ยังคงต้องเรียน A Level ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยอีก 1-2 ปีอยู่ดี ทำให้ไม่ค่อยมีคนไทยมาเรียนปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี ในสาขาทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์มากเท่าใดนัก แต่จะเลือกมาเรียนต่อในระดับปริญญาโทหรือเอกเลยทีเดียว เพราะจะได้ไม่ต้องจบช้ากว่าเพื่อนๆ นั่นเอง

 

หลักสูตร Fast Track

หลักสูตร Fast Track เองก็น่าสนใจมากๆ ถ้าอยากจะมาเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ เพราะเรียนเพียง 2 ปีก็จบปริญญาตรีแล้ว แถมยังสามารถใช้วุฒิไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ทันที แบบไม่ต้องไปเรียนเก็บตกอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น แต่ข้อเสียก็มีอยู่เหมือนกัน ตรงที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีนี้ น้องๆ คงต้องกินนอนอยู่กับกองหนังสือและภาระงานอันท่วมท้น จนไม่มีเวลาไปเที่ยวหรือทำสิ่งอื่นๆ ที่สนใจได้เลย

 

สูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course

ปกติแล้ว การได้วีซ่านักเรียนไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษนั้น น้องๆ ไม่สามารถออกไปรับงานเสริมนอกรั้วมหาวิทยาลัยได้ ทำให้เรียนได้อย่างเดียว แต่แทบจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเลย ซึ่งปัญหาเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยการลงทะเบียนเรียนแบบ sandwich course ที่สามารถเข้ารับการฝึกงานได้ยาวนานมากถึง 1 ปีเต็มก่อนการศึกษา หมดปัญหาเวลาเรียนจบใหม่ไปสมัครงาน แล้วบริษัทถามว่าเคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนรึเปล่า ทางเราก็ตอบได้เลยว่า มีครับ/มีค่ะ แถมยังเป็นการฝึกงานในบริษัทต่างชาติระดับแนวหน้าของโลกอีกด้วย

 

สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE)

สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE) นั้นเป็นอีกหนึ่งหลักสูตรที่น้องๆ สายเที่ยวถูกใจมากที่สุด เพราะนอกจากจะเรียนจบเร็วแล้ว ยังมีเวลาได้ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ก่อนวีซ่านักเรียนหมดอายุ ซึ่งหลักสูตรนี้ก็ออกแบบมาดีมากๆ เพราะเรียนแบบจริงจังแค่ 1 ปี เท่านั้น ซึ่งในขวบปีแรกในต่างแดน น้องๆ เองก็คงอยากหาเพื่อน และต้องการการดูแลในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ก็เรียนแบบจริงจังเต็มเวลา อาจช่วยเยียวยาจิตใจไม่ให้น้องๆ คิดถึงบ้านจนเป็นโรค Home sick ได้ ส่วนอีก 2 ปีท้าย การเรียนจะเป็นแบบ Part time ซึ่งจะมีเรียนเพียงแค่บางวันเท่านั้น ทำให้น้องๆ สามารถแบ่งเวลาไปผจญภัยแตะขอบฟ้าไกลได้อย่างที่ใจต้องการ ก่อนต้องบินกลับบ้านหลังจากเรียนจบ

 

สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE)

สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) นั้นเรียนแค่ 2 ปี ก็จบแล้วล่ะ แต่ว่าถ้าพูดกันตามตรงสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) นั้น มันเป็นเพียงวุฒิอนุปริญญาเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์มีเสียงเต็มขั้นไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท แต่ถ้าอยากเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นจริงๆ ก็ต้องไปเรียนเก็บหน่วยกิตเฉพาะทางเพิ่มอีก 1 ปีก่อน ถึงจะสามารถต่อโทได้ 

 

 

เอกสารในการสมัครเรียน 

สำหรับเอกสารในการสมัครเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) นั้นมีความแตกต่างกันไปตามมหาวิทยาลัย คณะ และหลักสูตรของแต่ละสถาบัน แต่มีเอกสารอยู่ 3 อย่าง ที่ไม่ว่าจะเป็นที่ใดในประเทศอังกฤษ ต่างก็ร้องขอจากผู้สมัครที่ต้องการเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK)

  1. คะแนน IELTS ซึ่งเป็นผลการวัดระดับความสามารถทางภาษาอักกฤษ ที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐาน สามารถบ่งชี้ความสามารถของผู้สมัครแต่ละคนได้ ว่ามีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษในระดับใด โดยคะแนน IELTS ขั้นต่ำที่ต้องได้ในการเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) เริ่มต้นที่ 6.5 หรือสูงกว่า

  2. SOP หรือ จดหมายแนะนำตัว มีชื่อเต็มว่า Statement of Purpose ซึ่งเป็นการเขียนเรียงความเกี่ยวกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ว่าตนเองมีคุณสมบัติอย่างไร ทำไมจึงเหมาะสมกับการได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาในปริญญาตรีอังกฤษ(UK)

  3. Recommendation letter หรือ จดหมายรับรอง เป็นการให้คำมั่นของอาจารย์หรือเจ้านาย(หากมีประสบการณ์ในการทำงาน) ว่าบุคคลที่ SOP มานั้น ได้เล่าเรื่องราวตรงตามความเป็นจริงหรือไม่ และเป็นการสะท้อนให้เห็นมุมมองและภาพลักษณ์ของผู้สมัครเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ(UK) จากบุคคลแวดล้อมได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

แนะนำ เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ มหาลัยไหนดี

 ถ้าน้องๆ จะมาเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ ที่นี่มีมหาวิทยาลัยดีๆ ให้เลือกเรียนเยอะมากๆ แต่ถ้าอยากได้มหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าของโลกในประเทศอังกฤษ ก็คงหนีไม่พ้น Oxford, Cambridge, LSE, Imperial College หรือ UCL รวมไปถึงเครือข่ายมหาวิทยาลัยของทาง Russell Groups ไม่ว่าจะเป็น King's College, University of Manchester, University of Leeds, University of York รวมไปถึง University of Warwick

 

สรุป

และนี่ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับการเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ ที่พี่ๆ ทีมงาน GENT ได้ตระเตรียมไว้ให้ หากน้องๆ คนไหนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อมาที่ พี่เบสท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท GENT ได้โดยตรงที่เบอร์ 062-656-5996 ได้เลยนะ ทางเรายินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีคิดตังค์เพิ่ม

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย GUEST1649747579 เมื่อ1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 13.52 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา