ทำความรู้จักคุณสมบัติกาวยาง เพื่อนรู้ใจของคนรักงานประดิษฐ์

ใครที่เคยเข้าคลาสงานประดิษฐ์ตอนเด็กๆ น่าจะเคยเห็นและเคยใช้กาวยางกันมาบ้างอยู่แล้ว เนื่องจากกาวชนิดนี้มีสีเหลืองทองแตกต่างจากกาวชนิดอื่นๆ โดยสามารถนำไปยึดติดกับวัสดุได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ฟองน้ำ ผ้า หนัง และยาง เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรู้ใจสำหรับคนในวงการประดิษฐ์และวงการเฟอร์นิเจอร์ โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้นว่าคุณสมบัติกาวยางมีอะไรบ้าง และมีลักษณะการใช้งานอย่างไร ตามมาดูกันเลย 

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://seliccorp.com/

คุณสมบัติกาวยาง 

อย่างที่ทุกคนรู้เป็นอย่างดีอยู่แล้วว่ากาวยางนั้นมีลักษณะสีเหลืองทอง โดยมีเนื้อสัมผัสที่เหลวใส และมีความหนืดตัวสูง ดังนั้น เมื่อนำไปใช้ยึดติดวัสดุต่างๆ จึงทำให้วัสดุไม่แตกหักง่าย เนื่องจากคุณสมบัติกาวยางนั้นทนความร้อนสูง และเมื่อปาดลงไปบนชิ้นงาน สารทำละลายในตัวกาวจะเริ่มระเหยและเกิดการแข็งตัว ทำให้ประสานวัสดุเข้าด้วยกันได้อย่างถาวร ไม่แตกหรือหลุดร่อนง่าย โดยกาวยางที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้นมีหลายรูปแบบให้เลือกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบกลิ้ง แบบพ่น และแบบทา ซึ่งมีทั้งแบบบรรจุกระป๋อง ปี๊บ และแกลลอน 

อย่างไรก็ตาม แม้คุณสมบัติกาวยางจะค่อนข้างมีประสิทธิภาพที่ดี แต่กาวชนิดนี้มีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุน เนื่องจากมียางและทินเนอร์เป็นส่วนผสมหลัก 

วิธีการใช้งานกาวยาง 

กาวยางนั้นมีวิธีการใช้งานที่ง่ายมากๆ เพียงทำความสะอาดพื้นผิววัสดุของชิ้นงานทั้งสองด้าน จากนั้นเทกาวยางลงไปแล้วใช้หวีกาวปาดยางให้ทั่วทั้งชิ้นงานทั้ง 2 ชิ้น จากนั้นรอประมาณ 5-4 นาทีให้กาวมีความแห้งหมาดๆ แล้วค่อยประกบชิ้นงาน 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน และเพื่อเป็นการป้องกันการพองหรือบวมของชิ้นงาน หลังจากที่ประกบกาวลงไปแล้วควรกดชิ้นงานทั้ง 2 ชิ้นให้แน่นและรีดให้เรียบ เพื่อความคงทนแข็งแรงของชิ้นงาน 

การเก็บรักษากาวยางให้ใช้งานได้นาน 

หลังจากใช้งานกาวยางเสร็จแล้วควรปิดฝาภาชนะที่บรรจุให้แน่นเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้กาวระเหยหอยซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กาวแห้ง อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของกาวยางด้วย นอกจากนี้ ควรเก็บบรรจุภัณฑ์กาวยางไว้ในที่แห้ง ห่างไกลจากความชื้นและแสงแดด รวมถึงหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีความร้อนสูงหรือเกิดเปลวไฟได้ง่าย 

และทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติกาวยางที่คนรักงานประดิษฐ์หลายคนอาจจะรู้กันบ้างแล้ว แต่หลายคนก็อาจยังไม่รู้ ทั้งนี้ สำหรับการใช้งานนั้น ไม่ควรทากาวยาวที่มีความหนาหรือบางจนเกินไป เพราะหากทาหนาเกินไปก็อาจต้องรอเป็นระยะเวลานานถึงจะประกอบวัสดุเข้าด้วยกันได้ แต่ถ้าหากบางเกินไปวัสดุก็อาจจะไม่ยึดเกาะ จึงควรทาในปริมาณที่เหมาะสมจึงดีที่สุด