การฝึกสมาธิสำหรับเด็ก เป็นปัญหาที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

Unyana

ขีดเขียนในตำนาน (770)
เด็กใหม่ (3)
เด็กใหม่ (0)
POST:1297
เมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2564 12.28 น.

               การฝึกสมาธิสำหรับเด็ก เป็นปัญหาที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

               เด็กทุกคนนั้นจะมีการเจริญเติบโตในแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเด็กจะมีเจริญเติบโตและมีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่แรกคลอด ซึ่งแต่ละวัยก็จะมีพัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป ทั้งการนั่ง การคลาน การยืน การเดิน การเรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นพ่อแม่ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับลูกน้อยตั้งแต่วัยแรกคลอดจนถึงวัยเรียน ซึ่งเมื่อเด็กมีพัฒนาการที่เติบโตขึ้น พ่อแม่ยิ่งต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการฝึกสมาธิสำหรับเด็ก เพราะสมาธินั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเรียนรู้ อย่างวัยเรียน ที่เราไม่ควรมองข้าม

               การฝึกสมาธิเด็กนั้น พ่อแม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะถือเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด เด็กทุกคนมีความซนในตัวเอง สำหรับเด็กบางคนนั้นอาจควบคุมได้ยากเมื่อโตขึ้นเพราะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง และยิ่งช่วงที่เข้าในวัยประถม เด็กจะเริ่มซนมากขึ้นเพราะขาดสมาธิ ซึ่งอาจสิ่งผลต่อการเรียนและการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่นไม่มีเพื่อน การถูกเพื่อนแกล้ง การเรียนที่แย่ลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ พ่อแม่จะสามารถช่วยลูกได้ โดยมีวิธีฝึกสมาธิลูกได้ โดยลดสิ่งเร้ารอบข้าง เช่นการให้อ่านหนังสือจะทำให้ลูกมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนังสือมากกว่าสิ่งรอบข้าง การสร้างแรงจูงใจให้ลูก เช่นให้กินขนมหลังจากทำการบ้านเสร็จ การเลือกกิจกรรมหรือเกมฝึกทักษะ การลดความเครียด โดยไม่กดดันลูกเพื่อให้ลูกผ่อนคลาย อย่างการฟังเพลง การเล่นดนตรี รวมถึงการเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ตรงตามความต้องการของร่างกาย เป็นต้น

               สิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กๆขาดสมาธินั้น คือการเล่นโทรศัพท์มือถือ จ้องจอ เป็นเวลานานเกินกว่ากำหนด ซึ่งอาจทำให้เด็กขาดสมาธิและไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการฝึกสมาธิสำหรับเด็กนั้นถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาสมองของเด็ก เมื่อได้มีการเรียนรู้และตั้งใจทำอะไรสักอย่าง จะทำให้เด็กเกิดสมาธิมากขึ้น มีการเรียนรู้ และพัฒนาการทางสมองที่ดีขึ้น ส่งผลทำให้การเรียนและสามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ทั้งกับเพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนบ้าน รวมถึงญาติพี่น้อง ซึ่งพ่อแม่สามารถเป็นตัวช่วยในการฝึกสมาธิให้ลูกได้ดีที่สุด อีกสิ่งสำคัญสำหรับเด็กในทุกวันนั้นคือการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายได้เจริญเติบโตตามวัย สมบูรณ์ แข็งแรง

               อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เด็กสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่นั้น คือการปล่อยให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตนเอง นอกเหนือจากการเล่นโทรศัพท์แล้ว เด็กยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆได้ในเวลาว่างเช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการเตะฟุตบอล การปล่อยให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตนเอง เพื่อให้เขาได้ฝึกสมาธิ ที่จะเป็นการช่วยกระตุ้นการพัฒนาสมองให้เป็นได้อย่างต่อเนื่อง การอ่านหนังสือร่วมกันในครอบครัว การหากิจกรรมอื่นๆทำร่วมกัน เพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่งพร้อมรับสิ่งใหม่ๆในทุกวัน ก็ถือเป็นการฝึกสมาธิสำหรับเด็กได้เช่นกัน

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา