ไส้กรองแอร์อุปกรณ์ที่ควรใส่ใจในช่วงอากาศมีมลพิษ PM 2.5

tawann8

ขีดเขียนชั้นมอปลาย (128)
เด็กใหม่ (2)
เด็กใหม่ (0)
POST:132
เมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 14.07 น.

ช่วงนี้สภาวะอากาศในบ้านเรามีมลพิษค่อนข้างสูง และอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพของเราได้ การใช้รถเพื่อเดินทางอาจเสี่ยงกับการสูดดมเอาเจ้าฝุ่นขนาดเล็กหรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศเข้าสู่ร่างกายได้ อุปกรณ์ที่อาจช่วยเราได้บ้างในทำหน้าที่ช่วยดักจับฝุ่นมลพิษในรถที่เราต้องให้ความสำคัญ ก็คือ"กรองแอร์" ในรถยนต์นั้นเอง หากต้องการให้อากาศในรถสะอาดขึ้น มีอากาศที่ดีขึ้น เราควรจะเปลี่ยน "กรองแอร์รถยนต์ " อย่างไร ? มีคำแนะนำมาบอกกันดังนี้

ปกติรถยนต์โดยทั่วไปมีไส้กรองอากาศติดตั้งมากับตัวรถยนต์

หน้าที่ของกรองแอร์รถยนต์ก็คือ

1. ทำหน้าที่ดักฝุ่นต่างๆ ที่มาในอากาศของห้องโดยสารไม่ให้ผ่านเข้าไปติดที่แผงคอยล์เย็น หรือให้น้อยที่สุด หากไม่มีกรองแอร์ ฝุ่นจะเข้าไปเกาะที่แผงคอยล์เย็นมาก ซึ่งเป็นการสะสมของเชื้อโรคมาก

2. มีหน้าที่กรองเศษฝุ่นละออง ขนสัตว์ เส้นผม ฯลฯ เมื่อไส้กรองเก่าจะทำให้ประสิทธิภาพการกรองลดลง สิ่งสกปรกต่างๆ จะสามารถหลุดผ่านไส้กรองที่เสื่อมแล้ว เข้ามาติดอยู่ที่แผงคอยล์เย็น หรือ Evaporator ซึ่งแผงคอยล์นี้ ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิ หรือเพิ่มระดับความเย็นให้แก่อากาศธรรมชาติที่พัดลมดูดเข้ามาในระบบแอร์ แล้วจึงจะกระจายลมเย็นเข้าไปในห้องโดยสาร

3. ช่วยยืดระยะเวลาในการทำความสะอาดคอยล์เย็นไปได้อีก ที่สำคัญถ้าหากเราไม่เปลี่ยนกรองแอร์เลยประสิทธิภาพในการถ่ายเทอุณหภูมิของแอร์ก็จะไม่ดี แอร์รถก็จะทำงานหนักขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น อายุการใช้งานของแอร์ก็ลดลงมาก

4. ช่วยยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์แอร์ไปด้วย ทำให้แอร์ไม่เสียเร็ว

5. ประโยชน์อีกอย่างก็คือ อากาศจากแอร์ที่สะอาดช่วยทำให้อุปกรณ์ภายในรถ เช่น เบาะ และคอนโซลรถยนต์ดูสะอาดใหม่ ไม่สกปรกจนทำให้ดูเก่าเร็ว

 

ข้อเสียของการไม่เปลี่ยนกรองแอร์ตามระยะ

- เกิดปัญหาต่อสุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เนื่องจากไส้กรองแอร์รถยนต์ที่เก่าเสื่อมสภาพ มีการฉีกขาด และการไม่ได้เปลี่ยนกรองแอร์ ทำให้อากาศภายในรถไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นละอองดินเข้ามาในรถ ได้กลิ่นเหม็นจากอากาศภายนอกเข้ามาได้มากกว่าปกติ ไม่ว่ากลิ่นท่อไอเสีย กลิ่นเหม็นต่างๆ เมื่อขับรถยนต์ผ่านย่านที่มีมลภาวะทางอากาศสูง อาจทำให้ละอองฝุ่นมลพิษสามารถแทรกผ่านไส้กรองอากาศที่อุดตันสู่ห้องโดยสารได้

- ทำให้ฝุ่นละอองและเชื้อโรคสะสมมากมายที่แผงคอยล์เย็น และก็เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไม่ว่า เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ฯลฯ ภายในห้องโดยสาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ภูมิแพ้ แน่นจมูก หอบกำเริบ และจะมีอาการรุนแรงยิ่งขึ้นในเด็ก ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว อาทิ ภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เป็นต้น

- สิ้นเปลื้องพลังงานเชื้อเพลิงเกินกว่าที่จำเป็น เนื่องจากไส้กรองอากาศที่อุดตันจะขัดขวางการไหลเวียนของอากาศที่จะเข้าไปในห้องโดยสาร ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ระบบทำความเย็นภายในห้องโดยสารทำงานหนักขึ้นเพื่อทำให้อากาศภายในรถเย็นลง

 

การดูแลกรองอากาศในช่วงอากาศมีมลพิษ

- ไม่ควรดูดฝุ่นไส้กรองหรือใช้งานไส้กรองอากาศที่อุดตัน เพราะการทำเช่นนั้นไม่สามารถกำจัดฝุ่นมลพิษออกจากแผ่นกรองได้อย่างสิ้นเชิง และอาจเป็นการลดทอนประสิทธิภาพของการดักจับสิ่งมลพิษต่างๆ อีกด้วย

- ไม่ควรนำมาเป่าทำความสะอาดด้วยลมแรง เพราะทำให้แผ่นกรองที่มีความหนาแน่นเกิดการเปื่อยยุ่ยหรือฉีกขาด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการกรองลดลง ผงฝุ่นขนาดเล็กอาจหลุดเข้าไปสู่แผงคอลย์เย็นได้

- ไส้กรองแอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 20,000 กิโลเมตร และทำการตรวจเช็คทุก 10,000 กิโลเมตร

- ในช่วงนี้อากาศมีฝุ่นเยอะ ควรตรวจเช็คเร็วขึ้น หากพบว่ากรองแอร์สกปรกมาก ก็สมควรเปลี่ยนแม้ยังไม่ถึงกำหนดก็ตาม

- เลือกชนิดของ กรองอากาศ ที่มีคุณภาพและความหนาแน่นของเส้นใยกระดาษไส้กรอง ที่สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กเท่ากับ 0.3 ไมครอน โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 หรือ สูงกว่านั้น

- มีการช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และก๊าซที่เป็นอันตรายจากอากาศที่ผ่านเข้ามาภายในห้องโดยสาร


การหมั่นดูแลรักษารถของเรา ด้วยการหมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆ ให้ดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะระบบการเผาไหม้เครื่องยนต์ ที่ไม่ทำให้เกิดควันพิษที่เป็นอันตรายปล่อยสู่อากาศภายนอก ก็จะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศได้ทางหนึ่ง คุ้มครองรถที่รัก จากทุกภัย ด้วยการเลือกประกันรถยนต์ที่วางใจ อุ่นใจทุกการเดินทาง

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา