"โอต์ กูตูร์" นิยามของคำว่า มีเงินก็ซื้อไม่ได้ที่แท้ทรู!
โอต์กูตูร์ ที่สุดแห่งวงการแฟชั่น
ที่มาของคำว่า "มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้"
ปีนี้สีไหนปัง? ไฮแฟชั่นปีนี้จะเป็นยังไง ใครเป็นคนกำหนด มาหาคำตอบได้ที่นี่ค่ะ! แอดจะมาไขข้อข้องใจให้ฟังว่า โอต์ กูตูร์ ที่แท้จริงนั้นคืออะไร ถ้าพูดถึงแฟชั่นระดับโลก คงไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า "โอต์ กูตูร์" เพราะคำคำนี้คือสุดยอดของแฟชั่นบนโลกแล้ว กับชุดแต่งกายหลากหลายสไตล์ที่เหล่าห้องเสื้อชั้นนำและดีไซเนอร์เบอร์ต้นๆ จะนำผลงานมาสเตอร์พีซในแต่ละซีซั่น เอาออกมาโชว์ให้โลกได้เห็น และเรียกได้ว่าเป็นตัวกำหนดทิศทางของแฟชั่นทั้งปีเลยล่ะ
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับที่มาที่ไปของคำว่า โอต์ กูตูร์ (Haute Couture) อ่านว่า โอ-กู-ตู นะจ๊ะ แปลว่า การตัดเย็บในระดับสูง จุดเริ่มต้นจากศูนย์กลางแฟชั่นของโลก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1858 ชาร์ล เฟเดริค เวิท (Charles Frédéric Worth) เจ้าของห้องเสื้อ โอต์ กูตูร์ แห่งแรกที่อาคารเลขที่ 7 ย่าน rue de la Paix กรุงปารีส เพื่อออกแบบเสื้อผ้าให้กับคุณหญิง คุณนายที่ร่ำรวยในสมัยนั้น การปักเย็บจะถูกออกแบบสำหรับผู้สวมใส่โดยเฉพาะ และทุกชิ้นส่วนจะทำจากมือช่างล้วนๆ ด้วยวัสดุและรูปแบบที่หรูหราตระการตา โอต์ กูตูร์ ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ ความภาคภูมิใจ ของดีไซเนอร์ทั้งหลายที่มากกว่าการออกแบบ นั่นก็คือ “ศิลปะ” แขนงหนึ่งของวงการแฟชั่นเลยก็ว่าได้
มีแบรนด์ต่างๆ มากมายที่ใฝ่ฝันอยากเป็นแฟชั่นเฮาส์โอต์ กูตูร์ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะถ้าอยากจะได้เป็นหนึ่งในแฟชั่นเฮาส์ของโอต์ กูตูร์ จะต้องได้รับการรองรับจากสมาคมโอ กูตูร์ (Chambre Syndicale de la Haute Couture) กระทรวงอุตสาหกรรมฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการก่อนว่าแบรนด์ของเธอนั้นคู่ควรจริงๆ
และถึงแม้หลายๆ แบรนด์จะใช้วัสดุที่ดีเยี่ยมในการตัดเย็บ แต่เสื้อผ้าของโอต์ กูตูร์จะไม่เหมือนกับเสื้อผ้าทั่วไป เพราะทุกชุดจะต้องผ่านกระบวนการเย็บด้วยมือทั้งหมด 100% จึงทำให้แต่ละชุดจะต้องมีช่างตัดเย็บประมาณ 6 ท่าน ซึ่งวัสดุของแต่ละชุดที่ใช้จะต้องเป็นวัสดุคุณภาพดีที่สุด ไม่มีการทำไซซ์เรื่อยเปื่อย ใครจะใส่จะต้องฟิตติ้งด้วยตัวเองเท่านั้นเพื่อความเป๊ะทุกสัดส่วน ซึ่งการฟิตติ้งแต่ละชุดจะมีต้องทำอย่างนั้น 3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ บอกเลยว่า เนี๊ยบทุกระเบียดนิ้วจริงๆ
ชุดแต่ละแบบของโอต์ กูตูร์จะมีเพียง "แบบละไม่เกิน 10 ชุด" ของแต่ละคอลเล็กชั่น เพราะด้วยขั้นตอนที่มีรายละเอียดยิบย่อย จึงทำให้ระยะเวลาการตัดเย็บนั้นค่อนข้างใช้เวลาที่นานสุดๆ โดยระยะเวลาการตัดเย็บจะมี 3 ระดับตามนี้เลย
- 200 ชั่วโมง สำหรับเสื้อผ้าที่มีดีไซน์เรียบๆ
- 1,000 ชั่วโมง สำหรับเสื้อผ้าที่มีการปักเย็บเครื่องประดับลงบนชุด
- 6,000 ชั่วโมง สำหรับชุดฟินาเล่ในแฟชั่นวีค
ขอบคุณ เพจ Phathavie Organic ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
เพื่อการ ปลูกผม ด้วยวิถีธรรมชาติ
และด้วยความละเอียดและตั้งใจบรรจงทุกสิ่งทุกอย่างบนชุด! ทำให้บนโลกนี้มีเพียงแค่ 15 แบรนด์! ที่ได้อยู่บนลิสต์แฟชั่นเฮาส์โอต์กูตูร์ ไม่ว่าจะเป็น Adeline André, Alexandre Vauthier, Alexis Mabille, Chanel, Christian Dior ,Frank Sorbier, Giambattista Valli, Jean Paul Gaultier, Julien Fournié, Maison Margiela, Maurizio Galante, Schiaparelli, Stéphane Rolland, Givenchy, Yiqing Yin โดยแต่ละแบรนด์จะต้องนำเสนอคอลเล็กชั่นกูตูร์ของตนเอง เพื่อไปแสดงในสัปดาห์กูตูร์ ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น คือคอลเลคชั่น Spring/Summer และ Autumn/Winter ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่ละแบรนด์จึงต้องตั้งใจรังสรรค์กันสุดฤทธิ์ เพราะนั้นหมายถึงเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลเลยจริงๆ
บอกแล้วว่า ความยากลำบากและความขลังของโอต์ กูตูร์นี่เป็นตำนานจริงๆ ดีไซน์ว่าขนลุกแล้ว ราคาขนลุกยิ่งกว่า! เพราะคุณค่าของบางชุดไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ด้วยซ้ำ เพราะด้วยรายละเอียดของเนื้อผ้า, วัสดุตกแต่ง, เทคนิคการตัดเย็บก็ยิ่งทำให้ราคาไม่มีความแน่นอนใดๆ ได้ แต่ถ้าวิเคราะห์กันตามตรง เราคิดว่าค่าตัดเย็บแต่ละชุดไม่ได้ถือเป็นรายได้หลักของแบรนด์หรอก แต่อาจเป็นเพียงเวทีการปล่อยของเพื่อสร้างมูลค่าและแบรนด์ดิ้งจากเหล่านักออกแบบมากกว่า แต่ยังไงก็ตาม เราขอรวมราคาคร่าวๆ มาให้ดูเล่นไปก่อนละกัน
- ชุดกลางวัน (Daywear) เริ่มต้น $10,000 ประมาณ 300,000.-
- ชุดกลางคืน อาจสูงถึง $300,000 ประมาณ 9,000,000.-
บางคนอาจสงสัยว่า แล้วใครล่ะ ถึงจะได้ใส่ชุดโอต์ กูตูร์ บอกเลยว่า คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่จับตามองของโลก ถ้าเบอร์ใหญ่แต่แบรนด์ไม่ได้เห็นว่าคู่ควรกับชุดก็ไม่สามารถใส่ได้นะจ๊ะ แต่ความภาคภูมิใจของวงการแฟชั่นประเทศไทยบ้านเรา ก็แสดงให้เห็นว่า แม่ชม! ตัวแม่ของวงการแฟชั่นไทยไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เป๊ะก็ปัง! ถูกเชิญให้ไปใส่ชุดโอต์ กูตูร์ บนรันเวย์ โอต์ กูตูร์ แฟชั่นวีค ที่ฝรั่งเศส ในคอลเลคชั่น Winter 2019 จากแบรนด์ Georges Hobeika แต่แม่ไปทั้งทีจะเดินใส่ชุดแบบเบๆ ก็ไม่ได้ป่ะ แม่ได้เดินโชว์ชุดฟินาเล่ ปิดท้ายแบบสวย หรู ดูแพงสุดๆ ฝรั่งต้องร้อง BRAVO! เลยจ้าาา
แต่กว่าที่แม่ชมจะได้มาใส่ชุดโอต์ กูตูร์ ก็ไม่ง่ายน้า อย่างงานแต่งงานของแม่เองกว่าจะได้ชุดแต่งงานในฝันจากแบรนด์ Elie Saab มาเชยชม แม่ยังต้องบินไปติดต่อกับช่างในปารีส ถึง 3 รอบทีเดียว! กว่าจะได้เข้าสู่กระบวนการตัดชุดแบบจริงจัง ขนาดเบอร์ใหญ่อย่างแม่ยังต้องทุ่มทุนขนาดนี้ จะไม่เรียกว่า "ที่สุดของแฟชั่น" คงไม่ได้แล้วล่ะ!
ปันโปรสรุปให้
- โอต์ กูตูร์ (Haute Couture) มาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึงการตัดเย็บขั้นสูง เป็นที่มาของคำนิยามถึงความประณีตและความภาคภูมิใจของห้องเสื้อที่ในด้านแฟชั่นเฮาส์โอต์กูตู
- ชุดทุกชุดจะถูกตัดเย็บจากมือช่าง 100% ใช้ช่างตัดเย็บสูงถึง 6 ท่านเป็นอย่าง ต่ำ และระยะเวลาตัดเย็บเริ่มต้น เริ่มที่ 200 ชั่วโมงขึ้นไป
- ต้องเตรียมเงินคร่าวๆ ไว้อย่างต่ำ 300,000.- ถึงจะได้ใส่ชุดโอต์ กูตูร์ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ต้องขึ้นอยู่กับดีไซเนอร์ด้วย ถ้าช่างไม่สะดวกใจจะทำให้มีสิบล้านก็ไม่ได้ใส่จ้ะ (นี่แหละ ที่มาของคำว่า มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้จริงๆ)
-- ขอบคุณข้อมูลจาก VOGUE และ ELLE --
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก เว็บ ปันโปร
เว็บแจ้งข้อมูล โปรโมชั่น และ สินค้า ลดราคา มาให้คุณ
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้