ไขปัญหา ยารักษาหนองในมีกี่ชนิดไม่เหมือนกันยังไง
ยารักษาหนองใน มีหลายประเภทตามประเภทของโรคหนองใน โรคหนองในแบ่งได้เป็น 2 จำพวก อย่างเช่น โรคหนองในแท้ หรือ โกโนเรีย (Gonorrhoea) กับโรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis: NSU) หนองในเทียมเป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดขึ้นจากเชื้อโรคอื่นๆที่ไม่ใช่หนองในแท้ หลายคนมีความสับสนระหว่างสองโรคนี้
ยารักษาหนองใน ชนิดหนองในแท้
ยารักษาหนองใน มีหลายตัว ใช้แตกต่างตามเชื้อ รอบๆที่ติดเชื้อ อายุรวมทั้งน้ำหนักตัวของผู้ติดเชื้อ ดังนี้
* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ที่ปากมดลูก ทางเดินปัสสาวะ ทวารหนัก รวมทั้งคอหอย แบบไม่ซับซ้อน
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 250 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ร่วมกับการกินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว หรือ กินเซฟิไซม์ (Cefixime) 400 มิลลิกรัม ร่วมกับ Azithromycin 1 กรัม ครั้งเดียว
* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ที่ปากมดลูก ทางเดินปัสสาวะ และทวารหนักประเภทซับซ้อน
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1 กรัม ฉีดเข้ากระแสเลือดร่วมกับกินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว
* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ที่มีเยื่อบุตาอักเสบ (Gonorrhoeae Conjunctivitis)
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1 กรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อร่วมกับรับประทานอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว
* การติดเชื้อ Gonococcal ที่มีลักษณะอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Gonococcal Meningitis)
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1-2 กรัม ฉีดเข้ากระแสเลือด ทุก 12-24 ชั่วโมง ร่วมกับกินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว
* การติดเชื้อ Gonococcal ในทารก
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 25–50 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว โดยปริมาณยาห้ามเกิน 125 มก.
* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ชนิดแพร่กระจายในเด็กอ่อน (เด็กอ่อนจะมีการติดเชื้อในกระแสโลหิต ข้อ แล้วก็เยื่อหุ้มสมอง) รวมทั้งการติดเชื้อที่หนังหัว (Gonococcal Scalp Abscesses)
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 25–50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ฉีดเข้ากระแสเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อวันละ 1 ครั้ง นาน 7 วัน ถ้าหากมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วยให้รักษาต่อเนื่องนาน 7-14 วัน หรือเซฟโฟทาซีม (Cefotaxime) 25 มก./กิโล ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 12 ชั่วโมง นาน 7 วัน ถ้าหากมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วยให้รักษาสม่ำเสมอนาน 7-14 วัน
* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ชนิดไม่ซับซ้อน ในเด็กหรือเด็กอ่อนที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 45 กก.
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 25–50 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว โดยปริมาณยาห้ามเกิน 125 มิลลิกรัม
* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ประเภทไม่ซับซ้อน ในเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 45 โล
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 250 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ร่วมกับการกินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว หรือรับประทานเซฟิไซม์ (Cefixime) 400 มิลลิกรัม ร่วมกับ Azithromycin 1 กรัม ครั้งเดียว
* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ร่วมกับมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือติดเชื้อในข้อ ในเด็กหรือทารกที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 45 กิโล
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 50 มิลลิกรัม/โล ฉีดเข้ากระแสเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว นาน 7 วัน โดยขนาดยาห้ามเกิน 1 กรัม
* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ร่วมกับมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือติดเชื้อในข้อ ในเด็กหรือเด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 45 กิโลกรัม
ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1 กรัม/กิโลกรัม ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว ทุกๆ24 ชั่วโมง นาน 7 วัน
* ยารักษาโรคหนองใน ชนิดหนองในเทียม
แนะนำให้กินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว หรือ กินด็อกซี่ไซคลิน (doxycycline) วันละ 2 ครั้ง เช้าและก็เย็น นาน 7 วัน
แม้ 2 สัปดาห์อาการยังไม่หายให้ไปพบแพทย์ซ้ำเพื่อปรับการรักษา โดยหมอบางทีอาจพิจารณาให้รับประทานยานานขึ้นหรือรับประทานยาหลายตัวร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ทั้งสองโรคนี้อาจจะมีการเกิดขึ้นพร้อมกันได้ พบว่า ผู้ป่วยหนองในแท้มากยิ่งกว่า 20% จะเป็นหนองในเทียมร่วมด้วย รวมทั้งหากไม่ได้รับการรักษาจะมีการลุกลามไปยังบริเวณอวัยวะใกล้เคียง จึงควรพบแพทย์เมื่อมีอาการน่าสงสัยเพื่อวินิจฉัยโรคแล้วก็รักษาให้ตรงจุด
ข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติตามในการทานยารักษาหนองใน
เพื่อการใช้ยารักษาหนองในอย่างปลอดภัย คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด
* ควรแจ้งแพทย์และก็เภสัชกรทุกทีถึงโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยาในปัจจุบัน แล้วก็ประวัติการแพ้ยา เพื่อเลี่ยงการแพ้ยาซ้ำและก็ยาตีกัน เพราะยาปฏิชีวนะบางตัวอาจขัดขวางการออกฤทธิ์ของยาประเภทอื่นหรือเสริมฤทธิ์ยาจำพวกอื่นให้แรงขึ้นได้
* การใช้ยาปฏิชีวนะอาจมีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับยาประเภทอื่นๆโดยส่วนใหญ่จะเกิดอาการในระบบทางเดินอาหาร อาทิเช่น อ้วก อาการท้องอืด ท้องเสีย ปวดท้อง เบื่ออาหาร เวียนหัว ฯลฯ
* หากใช้ยาและก็หายใจไม่สะดวก ลำคอตีบตัน ผื่นขึ้นตัว เนื้อเยื่ออ่อนต่างๆบวม อย่างเช่น บริเวณตารวมทั้งปาก ควรหยุดยาและก็พบหมอโดยทันที เพราะว่าผู้ใช้อาจกำเนิดอาการแพ้ยาปฏิชีวนะชนิดนั้นๆ
* ผู้ที่มีภาวะโรคตับและไต ควรระมัดระวังการใช้ยาฆ่าเชื้อ ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เนื่องมาจากยาอาจจะทำให้โรคตับและไตที่เป็นอยู่ทรุดหนักลง
* ไม่ควรซื้อยาต้านจุลชีพหรือยาฆ่าเชื้อใช้เอง เนื่องด้วยเชื้อจุลชีพมีหลายประเภท ทั้งยังเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส แล้วก็เชื้อรา ก็เลยต้องให้หมอวินิจฉัยโรคก่อนจ่ายยาทุกหนเพื่อเกิดประสิทธิภาพการดูแลรักษาสูงสุด ซึ่งยาจึงควรออกฤทธิ์เจาะจงต่อเชื้อนั้นๆรวมทั้งป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจนกระทั่งกลายเป็นปัญหาใหญ่
https://www.honestdocs.co/medicine-for-gonorrhoea-and-non-gonococcal-urethritis
Tags : รักษาหนองใน, กล้ามเนื้อ, การใช้ยา
เนื้อหาน่าสนใจมาก >>>> slotxo
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้