เปิดหลักฐาน ทวงคืนปตท แท้จริง ปตท.เป็นของใคร

hanasangg

ขีดเขียนเต็มตัว (157)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:155
เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 14.38 น.

กระแส ทวงคืน ปตท. เป็นกระแสที่มาบูมในระยะ 2-3 ปีที่ผ่าน แถมตอนนี้โดนโจมตีอย่างหนักโดยการโหนกระแสของ กปปส. เพื่อเรียกแขกมากขึ้น โดยข้อกล่าวหาร้ายแรงว่า กลุ่ม ปตท. คือน้ำเลี้ยงสำคัญของระบอบทักษิณ บ้างก็ว่า “ทักษิณ” เป็นเจ้าของ ปตท. และไม่น่าเชื่อว่า ข้อมูลเบสิคๆแบบนี้

ผู้ที่ฟังพวกแกนนำที่พูดบนขึ้นเวทีม๊อบ หรือพวกแกนนำนักทวงคืนอย่างผู้สูงวัยท่านหนึ่ง นั้นกลับไม่คิดจะค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองและก็เชื่อในทันทีด้วยในอคติว่า ทักษิณ หรือ ตระกูลชินวัตร เป็นเจ้าของ ปตท. และ ปตท.คือต้นเหตุทำให้น้ำมันแพง และที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่ง ถ้าพรรคที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคที่ทักษิณสนับสนุนได้เป็นรัฐบาล กระแสทวงคืน ปตท.นั้นเงียบเป็นเป่าสากไม่มีใครพูดถึง ดังนั้นทีมงานก็เลยไปค้นข้อมูลข้อเท็จจริงว่า ปตท. เป็นของใคร ใครกันแน่คือเจ้าของ ปตท. ที่แท้จริง แล้วเราจะทวงคืนทำไม ทวงคืนให้ใคร?

เปิดหลักฐานหลังจากการแปรรูปจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจุดเริ่มมาจากการออกพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจปี พ.ศ.2542 ในยุครัฐบาลชวน 2แต่ดันมาเข้าตลาดตอนยุครัฐบาลทักษิณ เลยกลายเป็นว่าทักษิณต้องเป็นแพะรับบาปว่าเป็นผู้ที่ฮุบหุ้น ปตท.ทั้งหมดให้ตระกูลชินวัตรเป็นเจ้าของ

ทีนี้เราต้องมาเจาะดูว่า ใครถือหุ้นใหญ่ ปตท. ผู้ถือหุ้นใหญ๋ ปตท. นั้นหาง่ายมากๆได้จากเว๊บไซด์ settrade.com ได้ผู้ถือหุ้นใหญ่ดังภาพนี้

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ปตท.             

จะ เห็นได้ว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเป็นกระทรวงการคลัง ประมาณ 51% ซึ่งคนไทยเป็นเจ้าของร่วมกัน และกองทุนวายุภักษ์ทั้ง 2 กอง ก็เป็นกองทุนของภาครัฐที่ทั้งหน่วยงานรัฐและประชาชนคนไทยทั่วไปสามารถลงทุน ในกองทุนนี้ได้ รวมกันอีก 15% นอกจากนี้ยังมีกองทุนประกันสังคมที่เป็นของคนไทยทุกคนอีก 1% สรุปรวมๆแล้วก็เป็นของรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 67% จะเห็นได้ว่าจริงๆแล้ว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็คือภาครัฐซึ่งส่วนนี้เป็นของคนไทยทุกๆคนอยู่แล้ว             แล้ว ที่เหลือล่ะ เป็นนักลงทุนคนไทยรายย่อย 16% จากการตรวจสอบสมุดบัญชีผู้ถือหุ้นของ ปตท. ก็พบว่า คนในตระกูลชินวัตรจริงๆได้แก่ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และนายพอพงษ์ ชินวัตร ถือหุ้นเพียง 7,700 หุ้น จาก 2.85 พันล้านหุ้น หรือ 0.0002% เท่านั้น ถือว่าน้อยมากจนไม่มีนัยยะสำคัญที่จะไปครอบงำเพื่อกำหนดนโยบายหรือทิศทาง อะไรได้เลยใน ปตท. เป็นการลงทุนตามปกติที่ใครๆก็เข้าไปซื้อได้ในตลาดหลักทรัพย์ [ธนาคาร JPMorgan Chase & Co.] ธนาคาร JPMorgan Chase & Co.             แล้ว ส่วนที่เป็นของนักลงทุนต่างชาติ 18% ล่ะ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันการเงินและกองทุนนอมินี บ้างก็บอกว่ากองทุนนอมินีเหล่านี้เป็นของทักษิณทั้งหมด ยกตัวอย่าง CHASE NOMINEE LIMITED ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 5 จำนวน 2.53% นั้น เจ้าของกองทุนนี้คือ JP Morgan Chase & Co. (iv) หรือ JPM ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือหุ้นใหญ๋โดยสถาบันการเงินของต่างประเทศหลายต่อหลายแห่ง JPM มูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น 2.4 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 72 ล้านล้านบาท !!!! นี่มันเป็นตัวเลขงบประมาณของประเทศไทยได้ถีงเกือบ 30 ปีเลยทีเดียว แค่ตัวอย่างนี้ตัวอย่างเดียวเท่านั้น ที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าทักษิณเป็นเจ้าของนอมินีทุกๆแห่ง ก็แสดงว่า ทักษิณแทบจะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า เรื่องดังกล่าวนี้ไม่มีมูลความจริงใดๆทั้งสิ้น

            กล่าว โดยสรุป เจ้าของ ปตท.ทีแท้จริงก็คือ กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่เป็นของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว และนักลงทุนรายย่อยทั้งไทยและเทศ ที่คนไทยทุกๆคนสามารถจะมีหุ้นได้โดยสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทยได้ทุกวันทำการ ก็ไม่รู้จะทวงคืนไปทำไม ทวงไปก็ไม่ได้น้ำมันถูกลง เพราะที่มันแพงก็แค่น้ำมันกลุ่มเบนซินที่เก็บภาษีและกองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น มามากทำให้ราคาแพง และเงินกองทุนน้ำมันก็เอาไปจ่ายชดเชยให้ก๊าซหุงต้มที่นำเข้ามาจากตลาดโลกมา ขายในประเทศถูกๆและพวกแก๊สโซฮอล E20, E85 รวมถึงชดเชยภาษีในส่วนของน้ำมันดีเซลที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้มากกว่า 50% เพื่อควบคุมราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ที่จะส่งผลต่อค่าขนส่งสินค้าจนกระทบกับค่าครองชีพของคนไทยทุกคน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ ไม่เกี่ยวกับ ปตท. ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาก็ลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล E10 มากไม่ได้เพราะจะทำให้กองทุนน้ำมันติดลบ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อรายได้ ปี 2555

            ทั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับ ปตท. ค้ากำไรเกินควรอะไรเลย เพราะกำไร ปตท. ประมาณแสนล้านบาทนั้น มาจากยอดขายประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 3% กว่าๆเท่านั้นเอง (ฝากสหกรณ์ยังได้ดอกเบี้ยมากกว่าด้วยซ้ำ) ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับบริษัทน้ำมันแห่งอื่นๆ และกำไรที่มาจากการลงทุนไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีการลงทุนไปต่างประเทศมากมาย เป็นผลมาจากการแปรรูป ปตท. ทำให้มีความสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย ทำให้คนไทยไม่ต้องต่อคิวซื้อน้ำมัน ไม่มีปัญหาไฟฟ้าติดๆดับๆ ดังนั้นข้อกล่าวหาว่า ปตท.ขูดรีดคนไทยก็ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด

นอกจากนี้สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.รู้จริงพลังงานไทย.com/เปิดหลักฐานปตทเป็นของใ/

http://samtahantoptt.blogspot.com/

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย hanasangg เมื่อ15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 14.38 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา