12 ข้อดีของการลงทุนในหุ้น?
12 ข้อดีของการลงทุนในหุ้น?
credit: www.thaistockfocus.com
ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีนักลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในระยะที่ผ่านมาตลาดหุ้นอาจไม่ได้คึกคักมากนัก แต่นั่นคงไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้นักลงทุนหายหน้าไป อาจจะส่งผลให้ชะงักบ้างแต่จากที่เห็นตัวเลขมา ก็จะมีการเปิดบัญชีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าแม้ตลาดจะตกๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ถอดใจเท่าไร จริงๆแล้วการลงทุนในหุ้นนั้นมันดีอย่างไรกันละ? เรามาดูกันดีกว่า
1. เงินเติบโต: อันนี้ชัวร์เลยครับ ตามทฤษฏีแล้วเงินเราควรจะเติบโต หากเราเลือกหุ้นที่ถูกต้อง หรือแย่ที่สุดก็โตตามตลาด โดยเฉลี่ยจะอยู่ 10% นิดๆตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา หรือกองทุนก็จะโตกว่านี้นิดหน่อย ดังนั้นแล้วหากไม่ผิดพลาดอะไร เงินของเราควรจะงอกเงย และการงอกเงยนี้เพื่อให้เราร่ำรวยขึ้นและชนะเงินเฟ้อได้
2. สามารถใช้การลงทุนในหุ้นนั้นวางแผนการเงินส่วนตัวได้: เนื่องจากการลงทุนนั้นทำให้เงินเราเติบโตขึ้นได้ และหุ้นบางประเภท เราจะพอสามารถคาดการณ์กำไรและการเติบโตล่วงหน้าได้ ทำให้การลงทุนในหุ้นนั้น สามารถนำมาคำนวณเป็นรายได้ในอนาคตได้ ถึงแม้อาจจะไม่แม่นยำเช่นเดียวกับเงินฝากหรือหุ้นกู้ แต่ก็ทำให้เราเห็นภาพอนาคตไกลๆได้เช่นกัน
3. ได้เป็นเจ้าของธุรกิจโดยไม่ต้องลงมือทำ / มีมืออาชีพคอยดูแล: สำหรับคนที่มีเงินแต่ยังไม่มีไอเดียในการเริ่มต้นทำธุรกิจ การลงทุนในหุ้นก็เป็นช่องทางนึงในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ถึงแม้จะไม่มีสิทธิบริหารในบริษัทเท่าไร (แต่ก็สามารถทำได้ หากมีจำนวนหุ้นที่มากพอในการคัดเลือกบอร์ดบริหาร) ดังนั้นการลงทุนในหุ้นก็ถือว่าได้เป็นเจ้าของธุรกิจเช่นกัน กำไรที่ได้มาก็มีส่วนแบ่งของเราตามส่วนหุ้นที่เราถือ
4. ผลตอบแทนที่สูง: จากผลตอบแทนเฉลี่ยที่มากกว่า 10% นั้นทำให้การลงทุนในหุ้นนั้นน่าสนใจ และหากเราเลือกหุ้นได้ถูกนั้นอาจจะทำผลตอบแทนได้มากกว่านั้นก็ได้ และบางกรณีนักลงทุนสามารถทำกำไรได้เป็นหลายเท่าในช่วงเวลาอันสั้นได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีบางปีที่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นไม่ดี แต่เฉลี่ยแล้วยาวๆก็ยังดูดีอยู่ครับ
5. มีราคาให้อ้างอิงได้: ราคาในตลาดนั้น ทำให้เราเห็นราคาปัจจุบันของหุ้นได้ในวันที่ตลาดเปิด ทุกๆการเคลื่อนไหวจะเห็นราคาเปลี่ยนไปมา แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีราคาที่อ้างอิงได้เท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อที่อิงจากความพอใจ และไม่แม้แต่อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์อื่นเช่น พระเครื่อง ของสะสม แสตมป์ หรืออะไรก็แล้วแต่ เหล่านี้ถึงแม้จะมีค่าขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังหาราคาอ้างอิงได้ยาก
6. สภาพคล่องในตลาดมีสูงมาก: เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์นั้นมีขนาดที่ใหญ่ และสามารถซื้อขายหุ้นได้ตลอดเวลาที่ตลาดเปิด ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพคล่องว่าจะซื้อหรือจะขาย ยกเว้นหุ้นบางตัวเท่านั้นที่ free float นั้นค่อนข้างน้อยการซื้อหุ้นโดยเฉพาะหุ้นล็อตใหญ่ๆจะทำได้ยากมาก และอีกอย่างคือตลาดหลักทรัพย์นั้นเปิดทำการ 5 วันต่ออาทิตย์ ทำให้มีเวลาซื้อขายได้เกือบทุกวัน
7. มีกิจการมากมาย หลายอุตสาหกรรมให้เลือกลงทุนได้: ในตลาดหลักทรัพย์นั้น มีธุรกิจหลากหลายประเภทให้สามารถเป็นเจ้าของและเลือกซื้อได้ บางคนอาจจะถนัดอุตสาหกรรมนึง ในขณะที่อีกคนถนัดอีกอุตสาหกรรมนึง จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนในธุรกิจที่เราไม่ถนัดหรือไม่รู้จักดี และในธุรกิจเดียวกัน ก็ยังมีหุ้นหลากหลายตัวให้เลือกให้เป็นเจ้าของได้ด้วยเช่นกัน
8. มีข้อมูลที่มากมายให้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้: ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงงบการเงินต่างๆ เป็นข้อมูลที่แต่ละบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จำเป็นต้องยื่นแจ้งให้กับตลาดหลักทรัพย์เพื่อแสดงข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงต่างๆทุกๆไตรมาศ นอกจากนี้ข่าวที่เกิดขึ้นก็ยังจำเป็นต้องรายงานตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ดังนั้นข้อมูลต่างๆเหล่านี้สามารถหาได้ไม่ยาก และที่สำคัญคือ ฟรี
9. ได้เพื่อนใหม่ๆ: การลงทุนนั้นทำให้เราได้เจอเพื่อนมากขึ้น ไม่ว่าจะไปปรึกษาเค้า หรือเค้ามาปรึกษาเรา หรือว่าปรึกษากันไปมา ช่วยกันคิดช่วยกันวิเคราะห์ ก็สามารถทำให้เกิดมิตรภาพใหม่ๆขึ้นมาได้เช่นกัน
10. รู้สึกตื่นเต้นขึ้น: จากปกติที่ลุ้นหวยกันเดือนละ 2 ครั้ง แต่การลงทุนในหุ้น/เล่นหุ้นนั้น ทำให้ได้ลุ้นทุกวินาที ยิ่งเปิดจอจะยิ่งลุ้นหนักเป็นพิเศษ เพราะราคามีขึ้นมีลงตลอด และทำให้คนมีอาการเซื่องซึม ตื่นเต้น ดีใจกันได้แบบไม่มีสาเหตุด้วยเช่นกัน
11. ไม่อยากให้ถึงเสาร์อาทิตย์: พอวันศุกร์ทีไร เหมือนหนังกำลังจะจบ แต่ยังไม่สุด ไม่อยากให้ถึงวันเสาร์ อาทิตย์เลย เพราะเหมือนชีวิตจะขาดอะไรไป เช้าวันจันทร์ 10 โมงจะเป็นเรื่องที่ยินดีปรีดาสุดๆ เพราะหลังจากประชุมตอนเช้าเสร็จ ตลาดก็เปิดมาต่อพอดี ..... ลุย
12. จะตั้งใจทำงานมากขึ้น: เพราะว่าขาดทุนในหุ้นไปเยอะเลยต้องหาเงินมาแทน เอ้ยไม่ใช่ เพราะว่าพอเราเข้าไปลงทุนแล้วเห็นเงินเรางอกเงย เราก็ยิ่งอยากเก็บเงินมากขึ้นเพื่อนำไปออมไปลงทุนให้งอกเงยยิ่งขึ้นอีก
สามารถติดต่อได้ที่ line @: @thaistockfocus (อย่าลืมใส่ @), email: service@thaistockfocus, หรือ เข้ามาที่ fb: www.facebook.com/thaistockfocus ได้เลยครับ
#ลงทุนในหุ้น #ลงทุนในกองทุน #ออมเงิน #วางแผนการเงิน
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้