ทันตกรรมรากเทียม (Dental Implant)

prad2015

หัดอ่านหัดเขียน (8)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:20
เมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 11.41 น.

           ทันตกรรมรากเทียม (Dental Implant)คือการฝังวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร เพื่อช่วยให้ฟันปลอมภายในช่องปากสามารถยึดเกาะได้  ทำได้ทั้งชนิดให้ฟันปลอมติดแน่น และฟันปลอมถอดได้

 

ผู้ที่ควรเข้ารับการรักษา   

-          ผู้ที่มีการสูญเสียฟันซี่ใดซี่หนึ่งหรือหลายซี่

-          ผู้ที่ไม่ต้องการใส่ฟันปลอมถอดได้หรือมีความกังวลเกี่ยวกับการสวมใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้

-          ผู้ที่มีปัญหาหรือจุดบกพร่องทางสุขภาพปาก อันเนื่องเกิดจากโรคการทำศัลยกรรมหรือได้รับบาดเจ็บทางปากและฟัน

รากเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ

1. รากเทียม (Fixture) ซึ่งทำมาจากโลหะไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งมีลักษณะคล้ายรากฟัน และฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร สามารถยึดติดกับกระดูกขากรรไกร โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบ และไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ

   2. เดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) ทำเพื่อครอบฟันให้ยึดติดแน่นกับรากเทียมถ่ายทอดแรงบดเคี้ยวจากครอบฟันสู่รากเทียมและสู่กระดูกขากรรไกร

   3. ครอบฟัน (crown) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือก เป็นตัวรับแรงบดเคี้ยวอาหาร

ขั้นตอนในการทำรากเทียม

ขั้นแรก :ทันตแพทย์จะทำการ X-Ray เพื่อประเมินความหนาของกระดูกขากรรไกร ที่อยู่บนสันเหงือก จากนั้นก็ผ่าตัดเพื่อฝังรากเทียมลงไปในกระดูก และเย็บปิดแผล จากนั้น 7 วันจึงมาตัดไหมที่เย็บออก และให้เวลาการหายของแผล  เพื่อให้ฝังรากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี ประมาณ 3-4 เดือน สำหรับฟันบน และ 2-3 เดือน สำหรับฟันล่าง

ขั้นที่สอง :ทันตแพทย์จะทำการต่อเดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟัน และจะทำการพิมพ์ปากเพื่อส่งให้ Lab ทำครอบฟัน

ขั้นที่สาม :หลังจากนั้นประมาณ 1-4 อาทิตย์ ทันตแพทย์จะนั้นใส่ครอบฟันให้ โดยครอบฟันนั้นทำมาจากวัสดุเซรามิค (porcelain) ซึ่งจะมีรูปร่างลักษณะและสีสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ  หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดเช็คอีก 1 เดือน, 2 เดือน และ 6 เดือน

วัสดุที่ใช้ทำรากเทียม

          เป็นโลหะไททาเนียมเกรดที่ 4 (ชนิดที่ใช้ในทางการแพทย์) มีผลการวิจัยอย่างยาวนานรองรับว่า ไม่มีอันตราย และเข้ากันได้ดีต่อเนื้อเยื่อมนุษย์ ขณะเดียวกันก็มีความแข็งแรงคงทน รับแรงบดเคี้ยวและคงรูปได้ดีในปัจจุบันได้รับความเชื่อถือทางการแพทย์ ว่ามีความปลอดภัยสูงสุด

การดูแลรักษา

หลังการปลูกรากฟันเทียม  สามารถดูแลและรักษาสุขภาพของปากและฟันได้เหมือนการดูแลปกติทั่วไป  และทำความสะอาดเป็นพิเศษบริเวณที่ทำการปลูกรากฟันเทียม และบริเวณเหงือกโดยรอบด้วยแปรงขัด ที่มีลักษณะพิเศษขนาดเล็ก  นอกจากการดูแลที่บ้านแล้ว ควรเข้ารับการตรวจสภาพฟัน กับทันตแพทย์เป็นประจำอีกด้วย  โดยเฉพาะในช่วงปีแรกหลังการเข้ารับการรักษา ควรพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพโครงสร้าง โดยการตรวจในช่วงหนึ่งเดือนแรก เดือนที่สาม และเดือนที่หก  หลังจากปีแรก ให้พบทันตแพทย์เป็นประจำปีละสองครั้ง

ข้อดีของทันตกรรมรากเทียม

- ยิ้มด้วยความมั่นใจ
- รับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่คุณชื่นชอบ
- พูดจาชัดถ้อยชัคคำเป็นธรรมชาติ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
- บูรณะโครงสร้างของใบหน้าให้เกิดความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
- สร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น
- เชื่อมั่นในตนเองและทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี
-ใช้แทนการทำสะพานฟัน โดยไม่ต้องเสียเนื้อฟันข้างเคียง
- ไม่ทำให้กระดูกในบริเวณที่สูญเสียฟัน ยุบบุบไป
- ใช้ได้ดี สะดวกและปลอดภัยกว่าฟันปลอมถอดได้     

 

                ด้วยทันตกรรมรากเทียม คุณจะสามารถมีฟันซี่ใหม่ที่สวยงาม ใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้คุณสามารถ ส่งยิ้มให้กับคนรอบข้างได้อย่างสดใส และสามารถเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย อย่างไรก็ตามคุณควรปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางรากเทียมอีกครั้ง เพื่อวางแผนและให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา