สี่ขั้นตอนสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์

คุณเคยคิดที่เป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ไหม? ตอนที่คุณซื้อสินค้าออนไลน์ คุณเคยคิดภาพว่าตัวเองได้เป็นผู้ขาย ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ซื้อหรือเปล่า?

ถ้าคุณมีความฝันว่าจะได้เป็นเจ้านายของตัวเองหรือเพิ่มรายได้นอกเหนือไปจากรายได้หลักที่คุณได้รับทุกเดือน คุณอาจจะอยากก้าวเข้าสู่ธุรกิจประเภทนี้พร้อมกับคำแนะนำบางประการ

แต่ถ้าหากว่าคุณไม่มีความรู้ในเรื่องธุรกิจออนไลน์มาก่อน เรามีขั้นตอนทั้งสี่ขั้นตอนมาแนะนำให้กับคุณ เพื่อให้คุณได้เริ่มต้นทำธุรกิจด้วยตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย

1. เลือกสินค้าที่ต้องการขาย

มีสินค้ามากมายที่คุณสามารถพบเห็นได้ตามท้องตลาด คุณอาจจะรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะเลือกสินค้าชนิดใดหรือคุณหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมลูกค้าถึงต้องซื้อสินค้าเหล่านั้นจากคุณ วิธีเบื้องต้นที่จะทำให้คุณคัดเลือกสินค้าได้ง่ายขึ้นก็คือ การเลือกสินค้าจากงานอดิเรกของคุณ ให้คุณลองสำรวจดูว่าคุณสนใจเรื่องไหนแล้วสิ่งนั้นสามารถทำกำไรให้คุณได้ไหม

หากดนตรีเป็นสิ่งที่คุณรัก การเปิดร้านขายซีดีออนไลน์อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม หรือหากคุณเป็นพวกหนอนหนังสือและมีชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภท คุณอาจจะเลือกหนังสือที่คุณไม่อ่านแล้ว นำไปขายเป็นหนังสือมือสองแทน หรือหากคุณพอจะมีมีฝีมือทางด้านงานแฮนด์เมดต่างๆ คุณก็มีโอกาสที่จะขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้นแต่ใช้ต้นทุนต่ำลง เนื่องจากคุณไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินครั้งละมากๆเพื่อซื้อสินค้าจากร้านขายส่ง อีกทั้งสินค้าของคุณก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์ด้วย หากลูกค้าชื่นชอบสินค้าของคุณ เขาก็จะต้องกลับมาซื้อที่ร้านของคุณเท่านั้น ตัวอย่างสินค้าประเภทนี้ได้แก่ เครื่องประดับต่างๆ ตุ๊กตาไหมพรมและการ์ดอวยพร

อย่างไรก็ดี หากคุณไม่มีทักษะด้านงานฝีมือหรือหากงานอดิเรกของคุณไม่ตอบรับกับความต้องการของตลาด การมุ่งความสนใจไปที่สินค้ายอดนิยมอาจจะช่วยให้คุณเก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้ คุณอาจจะเลือกขายสินค้าประเภทอิเลคโทรนิค เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือสินค้าที่คนนิยมใช้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าสินค้าของคุณมีคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างจากสินค้าของคู่แข่งของคุณ คุณจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะในร้านของคุณเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อของในร้าน

2. ประเมินความสามารถคู่แข่ง

คุณอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” หลังจากที่คุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายสินค้าประเภทใด ขั้นตอนต่อไปที่คุณควรจะทำก็คือการประเมินความสามารถของคู่แข่ง คุณอาจจะเริ่มด้วยการเข้าไปสำรวจเวปไซต์ของเขา เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาทำอะไร ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเขา และเขามีศักยภาพอย่างไรในการเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน

เมื่อสำรวจแล้ว ให้คุณเปรียบเทียบร้านของคุณกับร้านของคู่แข่งดังต่อไปนี้:

- ราคาสินค้าของเขาสูงกว่าหรือต่ำกว่าของคุณ?
- พวกเขามีสินค้าที่โดดเด่นหรือไม่?
- ดีไซน์ของเวปไซต์ดูน่าเชื่อถือกว่าของคุณหรือเปล่า?
- ระบบการค้นหาสินค้าหรือการใข้งานต่างๆของเขาดีกว่าของคุณหรือไม่?
- มีโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษที่น่าสนใจหรือเปล่า?

เมื่อคุณเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้แล้ว ลองนำมันมาประยุกต์ให้เข้ากับกลยุทธ์ของคุณโดยอาจจะลองเสนอลูกค้าในสิ่งที่คู่แข่งของคุณไม่มีหรือเสนอจุดเด่นของคุณเพื่อให้ลูกค้าเลือกที่จะเข้าร้านคุณมากกว่าร้านคู่แข่ง

3. เริ่มต้นสร้างเวปไซต์ของตัวเอง

ธุรกิจของคุณจะเริ่มต้นไม่ได้หากคุณไม่มีสถานที่สำหรับขายสินค้า ในส่วนของธุรกิจออนไลน์นั้น นักธุรกิจมักจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องมีก็คือเวปไซต์ที่ใช้ในการขายสินค้าต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ การเลือกผู้ให้บริการโฮสต์และการจดทะเบียนชื่อโดเมนเพื่อเป็นเจ้าของเวปไซต์อย่างเป็นทางการ วิธีการตั้งชื่อโดเมนที่ดีนั้น คุณควรที่จะตั้งชื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขายมือถือ คุณก็ควรจะตั้งชื่อว่า “bestmobilephones.com” ถ้าคุณมีชื่อแบรนด์อยู่แล้ว คุณก็อาจจะใช้ชื่อนั้นเป็นชื่อเวปไซต์ (ชื่อโดเมน) เพื่อให้ลูกค้าจำและค้นหาร้านของคุณได้ง่ายขึ้น

เมื่อคุณมีเวปไซต์ขายของเป็นของตัวเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการตกแต่งร้านค้าให้สวยงามและใช้ประโยชน์ได้จริง คุณจำเป็นที่จะต้องจ้างนักออกแบบเวปไซต์มาช่วยคุณเปลี่ยนรูปลักษณ์ของร้านค้าและผู้พัฒนาเวปไซต์มาช่วยทำให้ทุกอย่างใช้งานได้จริง

ขั้นตอนนี้อาจทำให้คุณเสียเงินจำนวนมากมายมหาศาล อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกอื่นที่จะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลาได้มากกว่าการจ้างคนมาช่วย นั่นก็คือการใช้ร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูป ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ประเภทร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูปมากมายให้คุณได้เลือกสรร คุณอาจจะเข้าไปเยี่ยมชมเวปไซต์ของผู้ผลิตเพื่อดูว่าสินค้าของเขามีจุดเด่นใดที่คุณสนใจหรือมีบริการหลังการขายที่ดีไหม และทางผู้ผลิตได้ให้บริการในด้านใดบ้าง เพื่อเลือกสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของคุณได้มากที่สุด

4. ทำให้ร้านค้าเป็นที่รู้จัก

ก่อนที่จะเริ่มต้นขายสินค้าได้นั้น คุณต้องทำให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักเสียก่อน เราขอแนะนำ 3 วิธีที่จะช่วยให้เวปไซต์ของคุณมีค่าทราฟฟิกและผู้เยี่ยมชมมากขึ้น

• สร้างบล๊อคและเพิ่มบทความทุกวัน

- คุณอาจจะต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อยในการสร้างเนื้อหาในบล๊อคของคุณ คุณต้องเขียนบทความที่ให้สาระแก่ผู้อ่านและไม่ใช่การเขียนในเชิง SEO ที่ใช้คีย์เวิร์ดซ้ำๆกันในหนึ่งบทความ บทความของคุณนั้นจะต้องให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ติดตามบล๊อคของคุณ หากผู้อ่านได้รับความรู้จากการอ่านบทความของคุณ โอกาสที่เขาจะกลับมาที่เวปไซต์หรือแม้แต่แบ่งปันบทความนี้กับเพื่อนๆก็จะมีมากขึ้น ส่งผลให้คุณมีลูกค้าใหม่ๆแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมเวปไซต์ของคุณ

• อัพเดทข่าวสารบนโซเชียล มีเดียอย่างสม่ำเสมอ

- คนส่วนใหญ่มักจะเข้าเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์เป็นอย่างแรกเมื่อเริ่มต้นวันใหม่ โซเชียล มีเดียเหล่านี้เปรียบเสมือนพื้นที่ส่วนตัวที่ผู้คนใช้ในการแบ่งปันเรื่องราว ความรู้สึกและสื่อสารกับเพื่อนๆ เช่นเดียวกัน คุณสามารถใช้ช่องทางการสื่อสารนี้ในการทำให้ร้านค้าของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพียงแค่อัพเดทข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณเพิ่งออกสินค้าตัวใหม่ หรือมีโปรโมชั่นพิเศษประจำวัน คุณก็สามารถที่จะอัพเดทเรื่องราวเหล่านี้ให้กับลูกค้าเพื่อที่พวกเขาจะได้ติดตามคุณได้ตลอดเวลา

• เข้าร่วมสนทนาในกระดานข่าว

- กระดานข่าวเป็นศูนย์รวมของผู้คนที่มีความสนใจบางอย่างเหมือนกัน พวกเขาจะร่วมแบ่งปันความคิดเห็น หรือความรู้ต่างๆให้แก่กัน

การเข้าร่วมพูดคุยในกระดานข่าวที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณจะทำให้คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้น คุณจะได้รับความเชื่อถือจากการแสดงความคิดเห็น คุณจะสามารถแสดงทัศนะกับคนอีกหลายล้านคนรวมถึงการโปรโมตสินค้าทางอ้อมเพียงแค่ใส่ลิงค์เวปไซต์ร้านค้าในลายเซ็นประวัติของคุณ ยิ่งคุณร่วมแสดงความคิดเห็นมากเท่าไหร่ ผู้คนก็จะยิ่งเห็นลิงค์ร้านค้าของคุณมากขึ้นเท่านั้น

กล่าวโดยสรุปแล้ว หากคุณสนใจที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ คุณควรจะพิจารณาถึงสี่ขั้นตอนเหล่านี้ นั่นก็คือการเลือกสินค้าที่ต้องการขาย การประเมินความสามารถคู่แข่ง การเริ่มต้นสร้างเวปไซต์ของตัวเอง การทำให้ร้านค้าเป็นที่รู้จัก และการเข้าร่วมสนทนาในกระดานข่าว

สนใจบทความอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ดูได้ที่ http://www.takraonline.com/blog/