สมัชชาโนเบลถูกฟ้องครั้งแรกข้อหาหมิ่นประมาท

IQML

สุดยอดขีดเีขียน (400)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:414
เมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 10.19 น.

          สมัชชาโนเบลถูกฟ้องครั้งแรกข้อหาหมิ่นประมาทและดำเนินการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

          ลอสแองเจลิส--7 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์ / อินโฟเควสท์

          ดร.หรงเซียง ซู (Dr. Rongxiang Xu) ผู้วางรากฐาน “ศาสตร์การฟื้นฟูร่างกายมนุษย์” และเป็นนักชีววิทยาศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชื่อดัง ได้ยื่นฟ้องสมัชชาโนเบล ณ สถาบันแคโรลินสกา (The Nobel Assembly at Karolinska Institutet) ในสวีเดน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nobelforsamlingen ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่มอบรางวัลโนเบลสาขาสรีรศาสตร์หรือการแพทย์ โดยดร.ซู ยื่นฟ้องต่อศาลสูงรัฐแคลิฟอร์เนีย สำนักงานยุติธรรมกลางออเรนจ์เคาน์ตี้ ในข้อหาหมิ่นประมาทและดำเนินการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

          ดร.ซู ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของโลกผู้ค้นพบ “เซลล์ฟื้นฟู” (regenerative cell) ในปี 2527 และได้รับการยืนยันว่าเป็นเซลล์ต้นกำเนิดเคราติน-19 หลังปี 2543 (หมายเลขสิทธิบัตรในสหรัฐ 6991813B2) กล่าวว่า ระหว่างที่เขาทำการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาแผลไฟไหม้ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเหยื่อไฟไหม้ 20 ล้านคนใน 73 ประเทศทั่วโลก ชื่อเสียงของเขากลับถูกทำลายโดยถ้อยแถลงของจำเลย นั่นคือสมัชชาโนเบล ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อดร.ซู อย่างมาก ทั้งนี้ สมัชชาโนเบลดึงดูดความสนใจจากองค์กรสื่อขนาดใหญ่ทุกแห่งและสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกได้อย่างมากมายในการประกาศผลรางวัลโนเบล ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าการที่สมัชชาโนเบลรายงานข้อมูลผิดอาจส่งผลต่อความคิดของบุคคลได้

          “ประเด็นสำคัญที่สุดที่ผมตัดสินใจยื่นฟ้องคือ ผมต้องการทำความจริงให้ปรากฏว่า สมัชชาโนเบลเผยแพร่ถ้อยแถลงที่ผิดพลาดและสร้างความเข้าใจผิด เพื่อปกป้องมนุษยชาติและคนรุ่นต่อๆไปในอนาคต การวิจัยด้านชีววิทยาศาสตร์ไม่ควรทำลายธรรมชาติของความเป็นมนุษย์” ดร.ซู กล่าว

          เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2555 ได้มีการมอบรางวัลโนเบลสาขาสรีรศาสตร์หรือการแพทย์ประจำปี 2555 ให้แก่เซอร์ จอห์น บี เกอร์ดอน (Sir John B. Gurdon) และชินยะ ยามานากะ (Shinya Yamanaka) “จากการค้นพบว่าเซลล์ที่โตเต็มวัยแล้วสามารถตั้งโปรแกรมให้กลายเป็นเซลล์อื่นๆได้เกือบทุกชนิด (pluripotency)” ซึ่งสื่อก็ได้รายงานข่าวนี้ในวงกว้าง

          ขณะเดียวกันสมัชชาโนเบลได้อธิบายการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองท่านผ่านทางเว็บไซต์ โดยระบุว่า การค้นพบของทั้งสอง “ถือเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เพื่อไปทำหน้าที่ต่างๆ (cellular differentiation) และสภาพพลาสติกของเซลล์ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง (plasticity of the differentiated state)” ทฤษฎีที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ยังระบุต่อว่า “เกอร์ดอนและยามานากะเปลี่ยนความเข้าใจของเราในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เพื่อไปทำหน้าที่ต่างๆ ทั้งคู่แสดงให้เห็นว่าขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงที่ปกติจะมีความเสถียรมาก ก็ยังสามารถปลดล็อกได้เพราะมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์อื่นๆได้เกือบทุกชนิด การค้นพบนี้ถือเป็นการเปิดโลกใหม่ของการวิจัย และเปิดโอกาสใหม่ๆในการศึกษากลไกของโรคต่างๆ”

          ดร.ซู เชื่อว่าและกล่าวโทษว่าถ้อยแถลงของสมัชชาโนเบลไม่ถูกต้อง เพราะเขาเป็นคนค้นพบเรื่องดังกล่าวมาก่อนนับ 10 ปี ดังนั้นจึงถือเป็นการทำลายชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมา สมัชชาโนเบลกล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองที่ได้รับรางวัลโนเบล “เปลี่ยนความเข้าใจของเราในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เพื่อไปทำหน้าที่ต่างๆ” เพราะ “ทั้งคู่แสดงให้เห็นว่าขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงที่ปกติจะมีความเสถียรมากก็ยังสามารถปลดล็อกได้เพราะมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์อื่นๆได้เกือบทุกชนิด” แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองไม่ได้แสดงสิ่งเหล่านี้ เพราะดร.ซู ค้นพบสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว และเขาสามารถอธิบายได้ตั้งแต่ตอนนั้นว่า สิ่งที่เขาค้นพบสามารถปลดล็อกศักยภาพของเซลล์ร่างกาย (somatic cell) ให้กลับไปเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่เปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์อื่นๆได้เกือบทุกชนิด (pluripotent stem cell)

          สมัชชาโนเบลใช้คำว่า “ปลดล็อก” ซึ่งทำให้ถ้อยแถลงมีความไม่ถูกต้อง เพราะนั่นหมายความว่านักวิทยาศาสตร์ทั้งสองที่ได้รับรางวัลโนเบลต้องใช้ประโยชน์จากความสามารถที่มีอยู่เดิมของเซลล์ร่างกาย ในการเปลี่ยนไปสู่สถานะที่กลายเป็นเซลล์อื่นๆได้เกือบทุกชนิดผ่านขั้นตอนตามธรรมชาติโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงความสมบูรณ์ของเซลล์ ถ้อยแถลงดังกล่าวจะเป็นความจริงและถูกต้องหากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองไม่ทำให้เซลล์ร่างกายบุบสลายหรือเปลี่ยนแปลงอย่างที่ดร.ซู ค้นพบ อย่างไรก็ดี แท้จริงแล้วการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองมีการสร้างเซลล์ดัดแปลงซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ pluripotent stem cell ในร่างกายมนุษย์เลย นอกจากนั้นทางสมัชชาโนเบลยังกล่าวด้วยว่า “การค้นพบนี้ถือเป็นการเปิดโลกใหม่ของการวิจัย และเปิดโอกาสใหม่ๆในการศึกษากลไกของโรคต่างๆ” ซึ่งไม่ถูกต้องเช่นกัน

          ถ้อยแถลงของจำเลยได้สร้างความเสียหายและสร้างความด่างพร้อยให้กับดร.ซู ในสายตาของชุมชนนักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ นักลงทุน และลดโอกาสที่เขาจะได้รับเลือกให้เป็นผู้บรรยายสำคัญในการประชุมระดับนานาชาติมากมายหลายงานในอนาคต

          ตัวแทนของโจทก์คือบริษัท Ardent Law Group ในแคลิฟอร์เนีย หมายเลขคดีคือ 30-2012-00615804

          ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
          เจน เวสต์เกต (Jane Westgate)
          โทร: 336.608.4439
          หรือ
          เชอรีล ไรลีย์ (Cheryl Riley)
          โทร: 703.683.1798

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา