หมดกังวล! ชวนเปลี่ยนพฤติกรรมปัญหาเด็กติดเกม ก้าวร้าว ให้ดีขึ้น

เชื่อว่ายุคนี้จะวัยไหนก็ขาดสมาร์ทโฟนแทบไม่ได้ เพราะจำเป็นต้องการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก แต่อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาในเด็กอายุ 6 – 12 ปี ที่มักใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเล่นเกมทำให้เกิด ปัญหาเด็กติดเกม ที่มีจำนสนเพิ่มมากขึ้น

5 อาการติดเกม แบบนี้ใช่แน่นอน

1. ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ เกิดอารมณ์ก้าวร้าว
2. ไม่อยากใช้เวลาร่วมกับผู้อื่น อยากเล่นแต่เกมหรือโทรศัพท์
3. พัฒนาการด้านการเรียนรู้ต่ำลง
4. วอกแวกง่าย สมาธิสั้น
5. ต่อต้านสังคม

โดยสาเหตุหลักของ ปัญหาเด็กติดเกม ในเด็กวัย 6 – 12 ปี มักเกิดจากผู้ปกครองไม่มีเวลาให้ หรือเล่นโทรศัพท์เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายใจ

• ปัญหาครอบครัว ผู้ปกครองทะเลาะกันบ่อยครั้ง ทำให้เด็กอยากหลีกหนีสถานการณ์ที่เลวร้าย เมื่อเล่นเกมแล้วรู้สึกเหมือนได้อยู่อีกโลกนึง
• ขาดการใช้เวลาคุณภาพร่วมกับสมาชิกในครอบครัว โดยส่วนใหญ่มักเกิดกับครอบครัวที่ผู้ปกครองต้องทำหน้าที่หลายอย่างอาจจะไม่มีเวลาให้เด็กมากนัก ทำให้เด็กรู้สึกอ้างว้างจึงเริ่มเล่นเกมเพื่อฆ่าเวลาและกลายเป็นเด็กติดเกมในที่สุด

• ผู้ปกครองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ผู้ปกครองหลายคนเองก็เป็นผู้ที่มีปัญหาติดเกมจึงไม่ได้ใส่ใจลูกมากนัก ทำให้เด็กทำตาม

• ขาดความมั่นใจในตัวเอง การทำโทษเด็กด้วยการว่ากล่าวด้วยถ้อยคำที่รุนแรงหรือเสียงดัง หรือกระทำการให้เด็กอับอายทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าแสดงออกจึงใช้การเล่นเกมเป็นที่พึ่งทางใจ

เมื่อทราบต้นตอของพฤติกรรมติดเกมของเด็ก คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองสามารถจัดการปัญหาการติดเกม ลูกติดเกมก้าวร้าว ให้ลูกสามารถเล่นเกมได้แต่ยังคงประสิทธิภาพไว้

1. จัดตารางการใช้ชีวิตของตัวเอง การจัดตารางชีวิตเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เวลาคุณภาพร่วมกันกับเด็ก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองที่มีภาระหน้าที่หลายอย่าง ควรแบ่งเวลาอย่างน้อยวันละ 30 – 90 นาที เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก
2. กำหนดช่วงเวลาคุณภาพ การใช้เวลาคุณภาพอาจเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการรับประทานอาหารพร้อมกัน โดยไม่มีการจับมือถือหรือดูทีวี และใช้เวลานั้นพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชื่นชมในสิ่งที่เด็กทำดีและหากต้องการตักเตือนในสิ่งที่เด็กทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมควรหลีกเลี่ยงการดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่ควรถามเหตุผลในการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมและฟังอย่างตั้งใจ จึงค่อยให้คำปรึกษา จากนั้นกอด ลูบหัว เพื่อให้เด็กรับรู้ว่าไม่ต้องปฏิบัติตัวไม่ดีพ่อแม่ หรือผู้ปกครองก็ให้ความสนใจ
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการกำหนดเวลา ในช่วงแรกผู้ปกครองควรกำหนดช่วงเวลาในการเล่นเกม หรือช่วงเวลาที่ไม่ควรเล่นเกมอย่างเหมาะสม ร่วมกับการหากิจกรรมเชิงบวกให้เด็กทำ เช่น การทำงานศิลปะ อ่านหนังสือ เล่นดนตรี หรือกีฬา เป็นต้น 
4. กำหนดหน้าที่รับผิดชอบ การมอบภาระงานบ้านที่เหมาะสมตามวัยจะทำให้เด็กติดเกมเรียนรู้ถึงความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นแนวทางการฝึกระเบียบวินัยและทำให้เด็กมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่ฆ่าเวลาด้วยการเล่นเกม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมปัญหาเด็กติดเกมเชิงลบให้กลายเป็นพฤติกรรมเชิงบวกเป็นวิธีที่ต้องใช้ความอดทน แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อพัฒนาการของเด็ก เพียงคุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีและใช้เวลาคุณภาพร่วมกันกับลูกจะทำให้ลูกเริ่มติดเกมกลายเป็นเด็กดีได้อย่างแน่นอน ดูเพิ่มเติมที่ Milo