ประกันชั้น 3+ ราคาคุ้มค่า เหมาะกับใคร เลือกอย่างไร ?

wangcassie

ขีดเขียนชั้นมอต้น (101)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:137
เมื่อ 5 ชม.ที่แล้ว

 

เมื่อพูดถึง “ประกันรถยนต์” หลายคนอาจคิดถึงแค่การคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุดอย่าง “ประกันชั้น 1” ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับค่าเบี้ยประกันที่สูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีประกันอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจและเหมาะกับผู้ขับขี่ทั่วไปอย่างมาก นั่นคือ ประกันชั้น 3+ ราคาคุ้มค่า” ที่แม้จะไม่คุ้มครองครอบคลุมเท่าชั้น 1 แต่ก็มีความคุ้มค่าทั้งในแง่ของราคาและการคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ เรียกได้ว่า “พอดีและประหยัด” สำหรับหลาย ๆ คน

ทำความเข้าใจ “ประกันชั้น 3+ ราคาคุ้มค่า” คืออะไร ?

ประกันชั้น 3+ ราคาคุ้มค่า เป็นรูปแบบประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่

  • คุ้มครองคู่กรณีในกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการชนรถ (รถชนรถ)
  • คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองรถผู้เอาประกันในกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบก และระบุคู่กรณีได้
  • บางแผนอาจรวมบริการเสริม เช่น รถยก ฉุกเฉิน หรือคุ้มครองไฟไหม้และน้ำท่วม (แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทประกัน)

แม้จะไม่มีการคุ้มครองในกรณีรถหาย หรือชนแบบไม่มีคู่กรณีเหมือนชั้น 1 แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับผู้ที่ขับขี่รถอย่างระมัดระวังและไม่ต้องการเสียค่าเบี้ยสูง

ประกันชั้น 3+ ราคาคุ้มค่า เหมาะกับใคร ?

 

  • ผู้ที่ใช้รถไม่บ่อย ขับระยะใกล้ หรือในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ
    เช่น ใช้รถขับไปกลับที่ทำงานในเมือง หรือขับในช่วงเวลาปลอดภัย ไม่มีประวัติการชนบ่อย ๆ
  • รถยนต์เก่า หรือมีมูลค่าไม่สูงมากแล้ว
    เพราะไม่คุ้มที่จะจ่ายเบี้ยประกันชั้น 1 ซึ่งคิดตามราคารถ
  • ผู้ที่มีงบจำกัด
    ประกันชั้น 3+ มีค่าเบี้ยเพียงไม่กี่พันบาทต่อปี แต่ยังให้ความอุ่นใจในการขับขี่ โดยเฉพาะหากเกิดอุบัติเหตุกับรถคู่กรณี
  • ผู้ขับขี่ที่มีความมั่นใจในฝีมือ และเน้นความระมัดระวัง
    ไม่ต้องการจ่ายเพิ่มเพื่อความครอบคลุมทุกกรณี แต่ยังต้องการความคุ้มครองพื้นฐานหากเกิดอุบัติเหตุ

 

วิธีเลือกประกันชั้น 3+ ให้ราคาคุ้มค่า

 

  • เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัท
    แม้จะเป็นประกันประเภทเดียวกัน แต่รายละเอียดความคุ้มครองและราคาอาจแตกต่างกัน เช่น วงเงินคุ้มครองชีวิต, ทรัพย์สินคู่กรณี, ค่าซ่อมรถ ฯลฯ

  • ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครอง
    โดยเฉพาะกรณี “ต้องมีคู่กรณี” หรือ “จำกัดอายุรถ” เช่น บางบริษัทรับประกันเฉพาะรถที่อายุไม่เกิน 15 ปี หรือมีข้อยกเว้นอื่น ๆ ที่ควรรู้ล่วงหน้า
  • ดูบริการเสริมที่ให้มา
    เช่น บริการรถยก, รถใช้ระหว่างซ่อม, บริการฉุกเฉิน 24 ชม. ซึ่งอาจมีผลต่อความสะดวกในการใช้งานจริง
  • พิจารณารีวิวจากผู้ใช้งานจริง
    เพื่อดูประสบการณ์เคลมและบริการหลังการขาย เช่น การติดต่อศูนย์เคลม ความรวดเร็วในการซ่อม ฯลฯ
  • เลือกบริษัทที่มีเครือข่ายอู่ซ่อมใกล้บ้าน
    เพื่อความสะดวกในกรณีที่ต้องนำรถเข้าซ่อม

 

ประกันชั้น 3+ คือทางเลือกที่ “พอดี” สำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองในราคาประหยัด เหมาะกับผู้ที่ใช้รถไม่หนัก รถมีอายุเยอะ หรือมีงบจำกัด โดยให้ความคุ้มครองในกรณีสำคัญอย่างอุบัติเหตุรถชนรถ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด

การเลือกประกันชั้น 3+ ที่ดี ควรดูจากทั้ง “ราคา” และ “คุณภาพบริการ” เพื่อให้มั่นใจว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นจริง เราจะได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและครอบคลุม

อย่าลืมว่า...ประกันที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่อยู่ที่เหมาะสมกับ “รูปแบบการใช้รถของคุณ” มากที่สุดต่างหาก

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา