ลดรอยสิวไม่เวิร์ก เพราะคุณอาจทำสิ่งนี้โดยไม่รู้ตัว
หลายคนพยายามหาวิธีลดรอยสิวทุกทาง ทั้งซื้อครีมราคาแพง ทำเลเซอร์ หรือพึ่งหมอผิวหนัง แต่ผลลัพธ์กลับไม่ชัดเจนอย่างที่คาด อาจเป็นเพราะคุณเผลอทำพฤติกรรมบางอย่างที่ขัดขวางการฟื้นฟูผิวแบบไม่รู้ตัว บทความนี้จะช่วยคุณเช็กว่าอะไรคือสิ่งที่ควรหยุดทำ และอะไรที่ควรเริ่ม เพื่อให้รอยสิวหายไวขึ้นแบบปลอดภัย
5 พฤติกรรมที่ทำให้รอยสิวหายช้ากว่าที่ควร
รู้ไหมว่าต่อให้ใช้ครีมลดรอยสิวดีแค่ไหน ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่รบกวนผิว การฟื้นฟูอาจใช้เวลานานกว่าที่ควร เพราะผิวเราต้องการความสม่ำเสมอและความอ่อนโยนในการดูแล หากสิ่งเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน รอยสิวก็จะจางลงช้า หรือแย่กว่านั้นคือกลายเป็นรอยถาวร
แกะ แคะ บีบ ล้างหน้ารุนแรง ใช้สกินแคร์หลายอย่าง
การแกะสิวด้วยมือ หรือใช้เล็บจิกบริเวณรอย ทำให้ผิวช้ำและเกิดแผลลึกจนกลายเป็นรอยดำถาวร ล้างหน้าด้วยแรงมากเกินไปหรือใช้โฟมล้างหน้าที่มีเม็ดสครับก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวบางและระคายเคือง ส่วนการใช้สกินแคร์หลายตัวพร้อมกันแบบไม่ดูส่วนผสม อาจทำให้เกิดการแพ้หรือผิวอ่อนแอจากสารที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวคุณ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการหายของรอยสิว
วิธีแก้แบบง่าย ๆ แค่ปรับพฤติกรรมประจำวัน
หากรู้แล้วว่าพฤติกรรมบางอย่างกำลังเป็นตัวขัดขวางการลดรอยสิว วิธีแก้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเลย เพียงแค่หันมาล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติอย่างเบามือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยน เช่น Niacinamide หรือ Centella Asiatica และที่สำคัญคือ ห้ามเด็ดขาดกับการบีบหรือจับหน้าบ่อย ๆ และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ไม่ได้ออกนอกบ้าน เพราะรังสียูวีเป็นตัวการทำให้รอยดำฝังแน่นยิ่งขึ้น
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเริ่มเห็นผล
การลดรอยสิวไม่ใช่เรื่องที่เห็นผลในวันสองวัน แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงก็ตาม โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังใช้สม่ำเสมออย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความเข้มของรอยเดิม หากเป็นรอยแดงใหม่ ๆ มักจะจางเร็วกว่า แต่รอยดำหรือแผลเป็นจากการบีบสิวอาจใช้เวลานานกว่านั้น อย่างไรก็ตาม หากคุณดูแลผิวอย่างถูกต้องและเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว การฟื้นตัวจะค่อย ๆ เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้