ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับประเทศมีอะไรบ้าง?

ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์และผลกระทบที่ทำให้ความมั่นคงสั่นคลอน

เมื่อยุคสมัยผันเปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่าง ๆ จึงกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สุดสำหรับนานาประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อภัยจากไซเบอร์เหล่านี้ได้มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐและกระบวนการทางประชาธิปไตยที่เป็นหัวใจสำคัญของการปกครองประเทศ ภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นจึงส่งผลกระทบร้ายแรงที่ยากจะประเมินความเสียหายในระยะยาว บทความนี้จะชวนไปศึกษาเกี่ยวกับประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศ เพื่อให้ทุกคนเห็นและตระหนักถึงการให้ความสำคัญของการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์เหล่านี้มากยิ่งขึ้น

5 ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศร้ายแรงที่ต้องจับตามอง

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากทั้งในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน ตลอดถึงการดำเนินของรัฐ ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับประเทศจึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ ๆ ที่มีความสำคัญและต้องให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพราะภัยจากไซเบอร์เหล่านี้ไม่เพียงแค่สร้างความเสียหายต่อระบบและความมั่นคงของรัฐได้เท่านั้น แต่ยังสามารถแทรกแซงกระบวนการปกครอง ตลอดถึงสร้างความเสียหายที่ยากจะประเมินค่าได้ ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลและระบบการปกครองสั่นคลอน

ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันและรับมือภัยจากไซเบอร์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศจึงสำคัญมาก โดยประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศสามารถแบ่งได้หลายประเภท ดังนี้

1. Critical Infrastructure Attacks

การโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ (Critical Infrastructure Attacks) เป็นหนึ่งในประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศที่อันตรายที่สุด เนื่องจากระบบโครงสร้างพื้นฐานเปรียบเสมือนหัวใจหลักที่ทำให้ประเทศดำเนินงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น ระบบพลังงาน การขนส่ง ระบบการสื่อสาร หรือแม้กระทั่งระบบน้ำและสุขาภิบาล ฉะนั้นหากระบบเหล่านี้ถูกโจมตีจนเกิดการหยุดชะงัก อาจทำให้เกิดความเสียหายที่ร้ายแรงโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของประชาชน ตลอดถึงความมั่นคงของประเทศได้ 

2. State-Sponsored Hacking

การโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ (State-Sponsored Hacking) เป็นหนึ่งในประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนและร้ายแรงสูง เนื่องจากการโจมตีภัยจากไซเบอร์รูปแบบนี้มักไม่ใช่การกระทำที่เกิดแบบสุ่ม แต่จะมีการวางแผนอย่างรอบคอบโดยมีเป้าหมายทางการทูต หรือเศรษฐกิจ เพื่อหวังขโมยข้อมูลสำคัญและทำลายความมั่นคงของประเทศเป้าหมาย นำไปสู่การสร้างความเสียหายที่ส่งผลกระทบระดับประเทศแก่ประเทศที่ถูกโจมตี

3. Election Interference and Information Warfare

ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศอันดับต่อมาคือ การโจมตีการเลือกตั้งและข้อมูลประชาธิปไตย (Election Interference and Information Warfare) เป็นภัยจากไซเบอร์ที่สามารถแทรกแซงและทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการเลือกตั้ง รวมถึงระบบการปกครอง โดยมักมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือแทรกแซงการเลือกตั้งออนไลน์ เพื่อเปลี่ยนผลการเลือกตั้งและสร้างความสับสนในหมู่ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่สงบในประเทศและทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง จนก่อให้เกิดวิกฤตทางการเมืองได้

4. Cyber Warfare

อีกหนึ่งประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศที่มีความร้ายแรงสูงคือ การโจมตีไซเบอร์ในสงครามดิจิทัล (Cyber Warfare) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการโจมตีทางยุทธศาสตร์ทั้งในด้านทหารและการดำเนินงานของรัฐบาลในภาวะสงคราม การโจมตีในลักษณะนี้มักมีการวางแผนเป็นอย่างดีและมุ่งเป้าไปที่การทำลายโครงสร้างทางทหารหรือตัดการสื่อสารระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปะทะในสงคราม ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางทหารและลดประสิทธิภาพในการตอบโต้ศัตรู

5. Cyber Terrorism

การก่อการร้ายทางไซเบอร์ (Cyber Terrorism) คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความหวาดกลัวและทำลายความมั่นคงของประเทศ โดยมักมีเป้าหมายในการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหรือเผยแพร่ข้อมูลเพื่อข่มขู่ทั้งรัฐบาลและประชาชน การโจมตีภัยจากไซเบอร์เหล่านี้ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและสังคม รวมถึงสร้างความกลัวในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลต้องออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์

ประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับประเทศนับเป็นปัญหาร้ายแรงที่ก่อให้เกิดผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งผลกระทบด้านความมั่นคงของชาติ การเมือง เศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ภัยจากไซเบอร์ยังสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ ดังนั้นการมีมาตรการวิธีป้องกันภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์เหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะสามารถลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและทำให้ประเทศสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นในระยะยาว