แอร์มีกี่ประเภท เลือกซื้อเแบบไหนถึงเหมาะกับบ้านและคอนโด?

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (541)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:970
เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 16.27 น.

แอร์

แอร์ติดผนังเป็นประเภทเครื่องปรับอากาศที่ได้รับความนิยมในบ้านและคอนโด เนื่องจากการออกแบบที่ประหยัดพื้นที่ ติดตั้งง่าย ดีไซน์เรียบหรู และกระจายความเย็นได้ทั่วห้อง

การเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับบ้านและคอนโดไม่ใช่แค่เรื่องของความเย็น แต่ยังต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว โดยหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมคือ แอร์ติดผนัง ที่โดดเด่นทั้งด้านประสิทธิภาพและดีไซน์สวยงาม ลงตัวกับพื้นที่หลากหลายรูปแบบ แล้วแอร์ติดผนังมีข้อดีอย่างไร? และควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนตัดสินใจซื้อแอร์ปรับอากาศ? มาหาคำตอบกันในบทความนี้!


 

แอร์สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแทบทุกบ้าน?

 

แอร์เป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดา เพราะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ ไม่เพียงแค่ช่วยลดอุณหภูมิให้เย็นสบายในสภาพอากาศร้อนจัด แต่ยังควบคุมความชื้นและปรับสมดุลอากาศภายในห้อง ช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับอากาศร้อนหรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก อีกทั้งยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการพักผ่อน จึงไม่แปลกที่แอร์บ้านจะกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นที่มีแทบทุกที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน


 

แอร์มีกี่ประเภท? พร้อมดูความแตกต่างของเครื่องปรับอากาศในบ้าน

 

ซื้อแอร์พร้อมติดตั้ง

 

การเลือกแอร์ให้เหมาะกับการใช้งานไม่เพียงแค่พิจารณาเรื่องขนาดห้องหรือประสิทธิภาพในการทำความเย็น แต่ยังต้องรู้จักประเภทของแอร์ที่มีอยู่ในตลาด เพื่อให้ตรงกับความต้องการและลักษณะการใช้งานของแต่ละพื้นที่ โดยประเภทของแอร์แบ่งออกเป็นหลัก ๆ ดังนี้

1. แอร์ติดผนัง (Wall Type)

 

แอร์ติดผนังเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบ้านและคอนโด ด้วยการออกแบบที่กะทัดรัด ติดตั้งง่าย และประหยัดพื้นที่ ติดตั้งโดยการยึดเครื่องไว้บนผนัง ทำให้ไม่เกะกะและช่วยกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงในห้องขนาดเล็กถึงกลาง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน

2. แอร์แบบตั้งพื้น/แขวนเพดาน (Floor/Ceiling Type)

 

แอร์ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแบบตั้งพื้นหรือแขวนติดกับเพดาน เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น สำนักงาน ร้านอาหาร ร้านค้า หรือห้องประชุม เนื่องจากสามารถกระจายลมได้ในทิศทางกว้างและแรงลมที่ครอบคลุมทั่วถึง การออกแบบของแอร์ชนิดนี้ช่วยให้ไม่เกะกะกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้อง

3. แอร์เคลื่อนที่ (Portable Air Conditioner)

 

แอร์เคลื่อนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน เพราะสามารถเคลื่อนย้ายไปยังห้องต่าง ๆ ได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องติดตั้งถาวร เพียงแค่เสียบปลั๊กและต่อท่อระบายอากาศออกนอกห้องก็สามารถใช้งานได้ทันที เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กหรือการใช้งานชั่วคราว เช่น ห้องเช่า หอพัก หรือห้องที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์แบบถาวรได้

4. แอร์ฝังฝ้า (Cassette Type)

 

แอร์ฝังฝ้าเป็นแอร์ที่ติดตั้งแบบฝังอยู่ในฝ้าเพดาน และเป็นแอร์ที่มีราคาสูงที่สุดในสามแบบที่กล่าวมา เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความเรียบเนียนสวยงามและต้องการกระจายความเย็นอย่างทั่วถึง เช่น โชว์รูม โรงแรม หรือออฟฟิศขนาดใหญ่ โดยแอร์ชนิดนี้สามารถกระจายลมได้รอบทิศทาง ทำให้อากาศเย็นสม่ำเสมอทั่วทั้งห้อง แม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่


 

วิธีการดูแลแอร์เพื่อยืดอายุการใช้งาน

 

การดูแลรักษาแอร์เป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงเพื่อยืดอายุการใช้งาน แต่ยังช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัย โดยเราได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแล้วดังนี้

  • ล้างแอร์ทุก 3-6 เดือน เพื่อขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกในคอยล์เย็นและกรองอากาศ
  • ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเดือนละครั้ง
  • ตั้งอุณหภูมิที่ 25-26 องศาเซลเซียส เพื่อความเย็นที่เหมาะสมและประหยัดพลังงาน
  • ให้ช่างตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์เพื่อประสิทธิภาพการทำงาน
  • หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดแอร์บ่อย เพื่อป้องกันการทำงานหนักของคอมเพรสเซอร์
  • ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทขณะเปิดแอร์ เพื่อลดการรั่วไหลของอากาศเย็น
  • ตรวจสอบเสียงและกลิ่นผิดปกติ หากมีเสียงหรือกลิ่นแปลก ๆ ให้เรียกช่างตรวจสอบ


 

ข้อควรรู้ก่อนซื้อแอร์ เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า

 

ราคาแอร์บ้าน

 

ก่อนตัดสินใจซื้อแอร์ ควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านเพื่อให้ได้เครื่องปรับอากาศที่คุ้มค่า และตรงกับความต้องการของคุณ โดยมีข้อควรรู้เบื้องต้นดังนี้

  • ขนาดห้องและ BTU ที่เหมาะสม : เลือกแอร์ที่มี BTU เหมาะสมกับขนาดห้อง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
  • ประเภทแอร์ : เลือกประเภทที่เหมาะกับพื้นที่ เช่น แอร์ติดผนัง, แอร์เคลื่อนที่ หรือแอร์ฝังฝ้า
  • ระบบ Inverter : เลือกแอร์ที่มีระบบ Inverter เพื่อประหยัดพลังงานและลดค่าไฟ
  • ฉลากประหยัดพลังงาน : เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อประหยัดพลังงานในระยะยาว
  • ฟังก์ชันเสริม : คำนึงถึงฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบกรองอากาศ หรือฆ่าเชื้อโรค เพื่อสุขภาพที่ดี
  • ราคาแอร์และงบประมาณ : เลือกราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้
  • การติดตั้งและบริการหลังการขาย : เลือกผู้จำหน่ายที่มีบริการติดตั้งและบริการหลังการขายที่ดี


 

เลือกแอร์ให้เหมาะกับที่อยู่อาศัย และงบประมาณที่ตั้งไว้

 

การเลือกแอร์ให้เหมาะกับที่อยู่อาศัยและงบประมาณที่ตั้งไว้ควรคำนึงถึงขนาดห้องและฟังก์ชันที่ต้องการ เช่น ถามตัวเองว่าแอร์ราคาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับการใช้งานและประสิทธิภาพที่ต้องการ โดยแอร์ราคาประมาณ 10,000-30,000 บาทสำหรับบ้านทั่วไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและประเภทของแอร์ที่เหมาะสมกับบ้านและคอนโด

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา