จริงไหมที่อาการปวดลิ้นปี่ขวาอาจเป็นสัญญาณของไขมันพอกตับ ?

jjasmine

ขีดเขียนชั้นมอปลาย (122)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:156
เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 10.35 น.

อาการปวดลิ้นปี่ขวาเป็นหนึ่งในสัญญาณที่หลายคนอาจเคยประสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรับประทานอาหารมื้อใหญ่หรืออาหารที่มีไขมันสูง แต่คำถามที่มักจะตามมาคือ อาการปวดลิ้นปี่ขวาอาจเชื่อมโยงกับภาวะไขมันพอกตับหรือไม่ ? เพื่อให้เข้าใจอย่างชัดเจน มาทำความรู้จักกับภาวะนี้และสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกันดีกว่า

 



ภาวะไขมันพอกตับคืออะไร ?

ภาวะไขมันพอกตับ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease - NAFLD) คือการสะสมของไขมันในเซลล์ตับโดยไม่เกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะนี้มักเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสุขภาพ เช่น โรคอ้วน การดื่มน้ำตาลหรือไขมันในปริมาณสูง การมีภาวะดื้ออินซูลิน หรือโรคเบาหวานชนิดที่ 2

ในกรณีที่ภาวะไขมันพอกตับไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะอักเสบของตับ (NASH) และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับแข็ง (Cirrhosis) และมะเร็งตับในระยะยาว

อาการปวดลิ้นปี่ขวาเกี่ยวข้องกับไขมันพอกตับหรือไม่ ?

ในหลายกรณี ผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับอาจไม่มีอาการชัดเจน แต่บางคนอาจเริ่มรู้สึกถึงความไม่สบายในบริเวณด้านขวาของช่องท้อง หรือที่รู้จักกันว่าบริเวณลิ้นปี่ขวา สาเหตุที่เกิดอาการนี้มักเกี่ยวข้องกับการที่ตับขยายตัวจากการสะสมของไขมัน ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อเยื่อหุ้มตับ (Glisson’s capsule) ที่มีเส้นประสาทรับความรู้สึก

อาการปวดลิ้นปี่ขวาที่เกี่ยวข้องกับไขมันพอกตับอาจมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ อีก เช่น

  • รู้สึกแน่นท้องหลังรับประทานอาหาร
  • อ่อนเพลียอย่างต่อเนื่อง
  • น้ำหนักเพิ่มโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
  • ผิวหนังหรือดวงตาเริ่มเหลือง (ในกรณีที่โรคพัฒนาไปสู่ระยะรุนแรง)

วิธีวินิจฉัยภาวะไขมันพอกตับ

หากคุณมีอาการปวดลิ้นปี่ขวาอย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยเสี่ยง เช่น น้ำหนักเกิน หรือโรคเบาหวาน ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม โดยแพทย์อาจทำการตรวจดังนี้:

  1. การตรวจเลือด: เพื่อประเมินค่าการทำงานของตับ เช่น ALT และ AST
  2. อัลตราซาวด์ช่องท้อง: เพื่อตรวจหาการสะสมของไขมันในตับ
  3. FibroScan: เพื่อวัดระดับความแข็งของตับ ซึ่งช่วยบ่งบอกถึงภาวะตับแข็ง
  4. การตรวจชิ้นเนื้อตับ: หากจำเป็น เพื่อประเมินระดับความเสียหายของตับ

วิธีป้องกันและดูแลสุขภาพตับ

การป้องกันและรักษาภาวะไขมันพอกตับมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นหลัก ได้แก่:

  • รับประทานอาหารที่สมดุล ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และเกลือ
  • เพิ่มการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • ลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักเกิน โดยตั้งเป้าหมายที่ลดประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตัว
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง

 

แม้อาการปวดลิ้นปี่ขวาอาจไม่ใช่สัญญาณที่แน่ชัดของภาวะไขมันพอกตับ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง ควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและการตรวจวินิจฉัยอย่างเหมาะสม การดูแลสุขภาพตับตั้งแต่วันนี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณในระยะยาวอีกด้วย

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา