เสริมหน้าอกอย่างปลอดภัย อัปเดตข้อมูลให้พร้อมก่อนการผ่าตัด

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (541)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:970
เมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2568 11.43 น.

เสริมหน้าอก

สำหรับผู้ที่กำลังสนใจทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ เนื่องจากการเสริมหน้าอกเป็นก้าวสำคัญของชีวิตที่นอกจากความสวยงามแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย และความมั่นใจในระยะยาว 

บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการเสริมหน้าอกในแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่ประเภทของซิลิโคนเสริมหน้าอก ไปจนถึงขั้นตอนและวิธีการดูแลตนเองหลังการศัลยกรรมนม เพื่อช่วยให้คุณได้มีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจและเตรียมความพร้อมก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต

 

เสริมหน้าอกคืออะไร? 

ทำนม

การเสริมหน้าอก หรือที่หลายคนอาจเรียกว่า “ทำนม” “เสริมนม” หรือ “เสริมอก” คือการศัลยกรรมรูปแบบหนึ่งเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกให้มีความสวยงามและได้ขนาด-สัดส่วนตามที่ต้องการ โดยใช้วัสดุเทียมที่เรียกว่าซิลิโคนหน้าอกฝังเข้าไปด้านใต้เนื้อเยื่อเต้านมหรือกล้ามเนื้อหน้าอก การศัลกรรมหน้าอกจึงเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะช่วยแก้ไขปัญหาหน้าอกที่มีขนาดเล็ก ไม่ได้สัดส่วน หรือมีรูปทรงที่ไม่สมมาตรอย่างที่คาดหวัง ทำให้ผู้หญิงหลายคนเลือกวิธีการทำหน้าอกเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง

 

รู้จักประเภทของซิลิโคนเสริมหน้าอก ทางเลือกไหนเหมาะกับคุณ

ก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก สิ่งสำคัญที่ควรทำความเข้าใจคือประเภทของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมหน้าอก ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีคุณสมบัติและจุดเด่นแตกต่างกันไป

ซิลิโคนเจลเหลว (Liquid Silicone Gel)

ซิลิโคนชนิดนี้มีลักษณะอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกและสัมผัสใกล้เคียงกับเนื้อเต้านมธรรมชาติมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามแบบธรรมชาติ อกสวยนุ่มเหมือนไม่ได้ทำศัลยกรรม แต่มีข้อควรระวังในเรื่องการรั่วซึมหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง

ซิลิโคนเจลเข้มข้น (Cohesive Silicone Gel)

เป็นซิลิโคนรุ่นใหม่ที่มีความเข้มข้นสูง มีความคงรูปดีกว่าแบบเจลเหลว ทำให้ลดความเสี่ยงในการรั่วซึม แม้เกิดการฉีกขาดของถุง เนื้อซิลิโคนก็จะไม่กระจายตัว ให้ความรู้สึกแน่นกระชับ การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนประเภทนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ

ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline Implants)

เป็นถุงซิลิโคนที่บรรจุน้ำเกลือ มีข้อดีคือหากเกิดการรั่วซึม ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเกลือได้ตามธรรมชาติ ทำให้ปลอดภัยที่สุด แต่อาจให้สัมผัสที่แข็งกว่าและไม่เป็นธรรมชาติเท่าแบบเจล นิยมใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ซิลิโคนหรือกังวลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ

 

เลือกขนาดเสริมหน้าอกอย่างไรให้เหมาะกับตนเอง?

การเลือกขนาดเสริมหน้าอกที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้านเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ดังนี้

 

  • สัดส่วนร่างกายโดยรวม - เพิ่มขนาดหน้าอกให้สมดุลกับส่วนสูง น้ำหนัก และโครงสร้างร่างกาย โดยคำนึงถึงความกว้างของช่วงไหล่และสะโพก เพื่อให้เนินอกที่ได้ดูสมดุล ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป
  • ความกว้างของช่องอก - ผู้ที่มีช่องอกกว้างอาจต้องเลือกซิลิโคนที่มีฐานกว้างกว่า เพื่อให้เต้านมดูเต็มและเป็นธรรมชาติ ขณะที่ผู้มีช่องอกแคบควรเลือกซิลิโคนที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่กว้างเกินฐานอก
  • ปริมาณเนื้อเต้านมเดิม - สำหรับผู้ที่มีเนื้อเต้านมน้อย การเลือกขนาดซิลิโคนต้องคำนึงถึงความหนาของผิวและเนื้อเยื่อที่จะห่อหุ้มซิลิโคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นขอบหรือเส้นซิลิโคนชัดเจน
  • ไลฟ์สไตล์และกิจกรรมประจำวัน - ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำหรือทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวมาก ควรเลือกขนาดศัลยกรรมนมที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

 

ขั้นตอนการเสริมอกมีอะไรบ้าง?

วิธีเสริมหน้าอกมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้: 

  • การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด (30-60 นาที)
  • ตรวจร่างกายและเจาะเลือดเพื่อประเมินความพร้อม
  • ถ่ายภาพก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
  • วาดตำแหน่งและขนาดที่จะทำการผ่าตัดเสริมหน้าอก

 

  • การดมยาสลบ (15-30 นาที)
  • วิสัญญีแพทย์ให้ยาสลบแบบทั้งตัว
  • ติดตั้งอุปกรณ์ติดตามสัญญาณชีพ

 

  • การผ่าตัด (1-2 ชั่วโมง)
  • เปิดแผลตามแนวที่กำหนด (มักเป็นใต้ราวนม)
  • สร้างช่องใส่ซิลิโคน
  • วางซิลิโคนและจัดตำแหน่งให้สมมาตร
  • เย็บปิดแผลด้วยความประณีต

 

  • การพักฟื้นในโรงพยาบาล (1-2 วัน)
  • สังเกตอาการและดูแลแผลผ่าตัดเสริมหน้าอก
  • ให้ยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะ
  • สอนวิธีการดูแลตนเองที่บ้าน

การดูแลตนเองหลังเสริมหน้าอกอย่างถูกวิธี

เสริมอก

หลังจากการทำศัลกรรมเสริมหน้าอก การดูแลตนเองอย่างถูกวิธีถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการฟื้นตัว การดูและรักษาแผลหลังเสริมอก และผลลัพธ์ในระยะยาว ผู้ที่ทำศัลยกรรมนมควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • รักษาแผลให้แห้งและสะอาด หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ
  • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ แผลบวมผิดปกติ หรือมีหนองซึม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 1-2 สัปดาห์แรก
  • สวมชุดกระชับหน้าอกพิเศษตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1-3 เดือนแรก
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือออกกำลังกายหนักใน 1-2 เดือนแรก
  • นอนหงายยกศีรษะสูง 30-45 องศา โดยให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำใน 1-2 เดือนแรก
  • ระมัดระวังการเคลื่อนไหวแขนเหนือศีรษะ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนหรือแสงแดดจัดบริเวณแผล
  • งดกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนหน้าอก

 

เสริมหน้าอกอย่างมั่นใจ เลือกให้เหมาะกับตัวคุณ

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกประเภทซิลิโคน ขนาดที่เหมาะสม ไปจนถึงการวางแผนการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด หากคุณกำลังพิจารณาทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก 

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกโรงพยาบาลและศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้การเสริมหน้าอกช่วยเพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของคุณได้อย่างแท้จริง โดยท้ายที่สุดอย่าลืมว่าผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยเกิดจากการวางแผนที่ดีและการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด

แก้ไขครั้งที่ 3 โดย GUEST1649747579 เมื่อ31 มกราคม พ.ศ. 2568 11.47 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา