ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC? ทำไมแต่ละคนใช้ไม่เท่ากัน? ใช้ยี่ห้อไหนดี?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเทคนิคความงามที่ได้รับความนิยม เหมาะสำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาใต้ตาแบบไม่ต้องผ่าตัด หลังทำเห็นผลได้ทันที สำหรับใครที่กำลังวางแผนฉีดใต้ตาอยู่คงอยากรู้ว่า “ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC ถึงจะเห็นผล” “ฟิลเลอร์ 1 CC เยอะไหม พอหรือเปล่า” “ทำไมแต่ละคนใช้ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอะไร” วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากพร้อมรายละเอียดว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับบริการ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ หัตถการที่ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เจ็บน้อย ด้วยการใช้สารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีความปลอดภัย สลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีดใต้ตาแล้วจะช่วยเติมวอลลุ่มให้ผิวใต้ตาเต็มขึ้น แก้ไขร่องลึกใต้ตา ร่องน้ำตา ริ้วรอย รอยพับใต้ตา ฉีดลดปัญหาถุงใต้ตา และยังช่วยปรับสภาพผิวใต้ตาให้กลับมากระจ่างใส แก้ปัญหาใต้ตาดำ
ซึ่งหัตถการนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง รวมถึงต้องคำนึงถึงเรื่องการใช้ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่ให้เกิดปัญหาใต้ตาเป็นก้อนเวลายิ้ม
ส่วนใหญ่ต้องใช้ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC ถึงเห็นผล
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC โดยทั่วไปแล้ว ใช้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ไปถึง 3 CC (ต่อข้าง) ซึ่งปริมาณสารเติมเต็มที่ใช้นั้น แพทย์จะพิจารณาจากลักษณะและระดับความรุนแรงของปัญหาใต้ตา หากในเคสที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึกมาก ๆ ที่เกิดจากการทรุดตัวของกระดูกใต้ตาและชั้นไขมันที่บางลงจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ข้างละ 2 - 3 CC แต่ในรายที่มีปัญหาไม่มากนัก เช่น สีผิวใต้ตาหมองคล้ำ ในกรณีแบบนี้ก็อาจเลือกใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถึง 2 CC ก็เพียงพอแล้ว
ทำไมแต่ละคนใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เท่ากัน
หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไมปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้นั้นแตกต่างกันในแต่ละคน” ต้องอธิบายก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างครอบคลุม ซึ่งแต่ละลักษณะปัญหามีความต่างกัน นอกจากนี้ ในคนไข้แต่ละรายยังมีลักษณะโครงสร้างใต้ตาที่แตกต่างกัน รวมถึงระดับความรุนแรงของปัญหาใต้ตาที่มีมากหรือน้อย ดังนั้น แพทย์จึงพิจารณาในเรื่องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC แบบ Case by Case ซึ่งแน่นอนว่าการใช้ปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตาก็ย่อมไม่เท่ากันในแต่ละคน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC เยอะไหม ช่วยแก้ปัญหาใดได้บ้าง
อย่างที่ได้อธิบายไว้ในข้างต้นว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC หรือ 1 ml. ถือว่าเป็นปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป เหมาะกับเคสที่มีปัญหาใต้ตาในระดับที่ไม่มากนัก ดังนี้
- มีร่องใต้ตาระดับที่ไม่ลึกมาก
- มีเบ้าตาลึก ตาโหล ในระดับที่ไม่รุนแรงมาก
- มีขอบตาดำ ใต้ตามีสีคล้ำ
- มีริ้วรอย เส้นใต้ตา มีรอยพับ ต้องการปรับผิวให้เรียบเนียน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร
ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเวลายิ้ม แลดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่พอเหมาะ โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ที่มากเกินไป ทำให้ฉีดแล้วเป็นก้อน ดังนั้นก่อนฉีดแพทย์จะต้องมีการคำนวณว่าในแต่ละเคสจะต้องใช้ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC ไม่มากไปหรือน้อยไป
- เลือกรุ่นฟิลเลอร์ผิด ในฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีรุ่นฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันไปตามขนาดโมเลกุลของเนื้อเจล ซึ่งบริเวณใต้ตาควรเลือกใช้เนื้อเจลละเอียด ไม่แข็งเกินไป ในรายที่มีปัญหากระดูกทรุดตัวจะต้องใช้เนื้อเจลที่มีความคงตัวสูงเพื่อทำหน้าที่หนุนชั้นกระดูก ช่วยให้ใต้ตากลับมาอิ่มเต็มมากขึ้น
- เทคนิคฉีดที่ไม่ถูกต้อง บริเวณใต้ตาเป็นตำแหน่งที่มีการขยับบ่อย ดังนั้น แพทย์จะต้องเลือกฉีดให้ถูกชั้นถูกตำแหน่ง ไม่ฉีดในชั้นกล้ามเนื้อ หากฉีดไม่ถูกต้องจะทำให้ใต้ตาเป็นก้อนเวลายิ้มได้
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือการใช้สารแปลกปลอมอื่น ๆ ที่ไม่สามารถสลายเองได้ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลจับตัวกันเป็นก้อน ผิวไม่เรียบ และอาจส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อักเสบ ติดเชื้อ ซึ่งจะต้องใช้วิธีการขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ยี่ห้อไหนดี
ในปัจจุบัน มียี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้มาตรฐานและผ่านอย.ให้เลือกมากมาย โดยหลัก ๆ แล้วจะต้องเลือกใช้รุ่นที่มีโมเลกุลเนื้อเจลและคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC อย่างเหมาะสมกับการเติมใต้ตา ซึ่งยี่ห้อและรุ่นที่แนะนำ ได้แก่
ฟิลเลอร์ Juvederm
- Juvederm Volite ฉีดเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 - 8 เดือน
- Juvederm Voluma ฉีดเพื่อเสริมกระดูกที่ทรุดตัว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift ฉีดเก็บรายละเอียดบริเวณที่มีเส้นริ้วรอยบาง ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volbella ฉีดบริเวณที่ไม่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 - 15 เดือน
ฟิลเลอร์ Restylane
- Restylane Classic ฉีดแก้ไขริ้วรอยระดับปานกลางไปจนถึงมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8 - 12 เดือน
- Restylane Defyne ฉีดแก้ไขปัญหากระดูกใต้ตาทรุดตัว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 - 18 เดือน
- Restylane Vital ฉีดเติมเต็มริ้วรอยเส้นบาง ๆ ตื้น ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8 - 12 เดือน
- Restylane Vital Light ฉีดแก้ไขใต้ตาดำ ริ้วรอยเล็ก ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 - 8 เดือน
ฟิลเลอร์ Belotero
- Belotero Soft ฉีดเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 - 12 เดือน
- Belotero Revive ฉีดปรับคุณภาพผิว เน้นความชุ่มชื่น เต็มริ้วรอยให้ตื้นขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9 เดือน
- Belotero Volume ฉีดเติมใต้ตาในชั้นลึก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยลงตัวและช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้จะต้องพิจารณาตามลักษณะปัญหาใต้ตาที่แตกต่างกันไป ถ้าในคนที่มีปัญหาใต้ตาไม่มาก ส่วนใหญ่ใช้ฟิลเลอร์ 1 CC แต่หากมีปัญหาค่อนข้างมาก แพทย์อาจพิจารณาเลือกใช้ในปริมาณที่มากขึ้น หากใครที่ยังไม่แน่ใจว่าปัญหาใต้ตาที่มีอยู่นั้นต้องใช้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC แนะนำให้เข้าไปปรึกษาและพูดคุยกับแพทย์ที่ทำการรักษาด้วยตัวเอง เพื่อการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดและร่วมวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดนั่นเอง
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้