ฟิลเลอร์ใต้ตาเติมเต็ม ลดรอยคล้ำแบบปลอดภัย มั่นใจเต็มร้อย

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (542)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:971
เมื่อ 3 มกราคม พ.ศ. 2568 11.00 น.

ฟิลเลอร์ใต้ตา

 

ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ บ่งบอกถึงความสดใสและอารมณ์ภายใน แต่เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยและร่องลึกใต้ตาก็มักปรากฏขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หมองคล้ำ ไม่สดใส แม้จะพักผ่อนเพียงพอ 

ปัญหานี้สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน โชคดีที่ปัจจุบันมีนวัตกรรมความงามที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว นั่นคือ “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับดวงตา 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างละเอียด ตั้งแต่ข้อดี ข้อควรระวัง วิธีการเลือกคลินิก รวมถึงไขข้อข้องใจต่างๆ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับดวงตาของคุณ พร้อมบอกลาใต้ตาคล้ำ โบกมือลาความเหนื่อยล้า และเผยความสดใสเปล่งประกายให้กับดวงตาคู่สวยอีกครั้ง

 

1. ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร สิ่งที่คุณควรทราบก่อนตัดสินใจฉีด

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่นำมาฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาลึกโหล คล้ำ หรือมีริ้วรอย โดยฟิลเลอร์ใต้ตา ส่วนใหญ่มักประกอบด้วยสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยและเข้ากันได้ดีกับร่างกาย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนขึ้น ลดความหมองคล้ำและริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ได้เป็นการผ่าตัด จึงไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเป็น และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด ฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามธรรมชาติ หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาซ้ำเป็นระยะ

 

2. ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอันตรายไหม ฉีดแล้วเสี่ยงตาบอดหรือไม่? 

ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตาลึกโหลได้อย่างรวดเร็ว แต่หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัยว่า ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? ฟิลเลอร์ใต้ตา โดยทั่วไปถือว่าค่อนข้างปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ การฉีดใต้ตาอย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับหัตถการอื่นๆ เช่น การเกิดรอยช้ำ บวม แดง หรืออาการแพ้ ในกรณีที่ร้ายแรงและพบได้น้อยมาก

filler ใต้ตาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเช่น การอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ หากคุณไม่ได้เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ หรือเข้ารับบริการกับคลินิกที่ใช้ filler ใต้ตาที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นการเลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น คุณจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและรับคำแนะนำก่อนฉีดใต้ตาเสมอ

 

3. ฟิลเลอร์ใต้ตา ให้ผลลัพธ์ยาวนานเท่าไหร่ ต้องฉีดซ้ำบ่อยไหม?

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

คำถามยอดฮิตสำหรับคนที่สนใจฟิลเลอร์ใต้ตา คือ ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม? โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตา จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ระยะเวลาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ ความเข้มข้นของฟิลเลอร์ ปริมาณที่ฉีด สภาพผิว อายุ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น มีคำแนะนำดังนี้

  1. เลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและความเข้มข้นสูงเพราะ ฟิลเลอร์บางชนิดถูกออกแบบมาให้อยู่ได้นานกว่า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการ
  2. ดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก ประคบเย็นเพื่อลดบวม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  3. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด แสงแดดสามารถเร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์ได้ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และสวมแว่นกันแดดเมื่อออกแดด
  4. รักษาสุขภาพผิวให้แข็งแรง การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดอายุของฟิลเลอร์ได้
  5. ฉีดเติมเป็นระยะ เมื่อฟิลเลอร์เริ่มสลาย สามารถฉีดเติมได้เพื่อคงผลลัพธ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการฉีดเติม

 

4. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ความงามที่ไม่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด?

หลายคนอยากสวยด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ก็กลัวเข็ม กลัวเจ็บ! บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ฟิลเลอร์ใต้ตาหลายยี่ห้อมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ผสมอยู่ในตัวฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว จึงช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีดได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ก่อนเริ่มการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์มักจะทายาชาบริเวณที่จะฉีด เพื่อเพิ่มความสบายให้กับคนไข้ ระหว่างฉีดอาจจะรู้สึกเพียงแค่สัมผัสจากเข็มเล็กน้อย บางคนอาจรู้สึกเหมือนมดกัด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ทนได้สบายๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวม ช้ำ เล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกเจ็บปวดเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล บางคนอาจรู้สึกเจ็บมากกว่าหรือน้อยกว่าคนอื่น แต่โดยรวมแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือว่าไม่เจ็บมาก และสามารถทนได้ หากคุณกังวลเรื่องความเจ็บปวด สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ แพทย์จะช่วยประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ เพื่อให้คุณสวยได้อย่างมั่นใจและไม่ต้องทนเจ็บ

 

5. มีใครบ้างที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

แม้ฟิลเลอร์ใต้ตา จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหาใต้ตาลึกโหล แต่ก็มีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา ได้แก่

  • สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเลือดออกง่ายผิดปกติ
  • ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือสารประกอบอื่นๆ ในฟิลเลอร์ใต้ตา
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบบริเวณที่จะฉีดฉีดใต้ตา
  • ผู้ที่มีประวัติเคยเกิดก้อนเนื้อบริเวณใต้ตา

 

6. ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ เริ่มต้นกี่บาท?

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจ ก่อนตัดสินใจฉีด หลายคนคงอยากรู้ว่าฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่กันแน่? บอกเลยว่าราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ได้มีราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้ ความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ รวมถึงชื่อเสียงและสถานที่ตั้งของคลินิก

โดยทั่วไป ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา จะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 - 20,000 บาทต่อซีซี บางคลินิกอาจคิดราคาเป็นจุดฉีด ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ควรสอบถามราคาและรายละเอียดต่างๆ กับคลินิกโดยตรงก่อนตัดสินใจ อย่าหลงเชื่อราคาที่ถูกจนเกินไป เพราะอาจเสี่ยงได้รับฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและความปลอดภัยได้ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

 

7. ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องฉีดกี่ cc ถึงจะเห็นผล

ปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล เช่น ความลึกของร่องใต้ตา ปริมาณไขมันใต้ตา และความหย่อนคล้อยของผิว โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มักจะใช้ปริมาณตั้งแต่ 1-2 cc ต่อครั้ง ในบางรายที่มีปัญหาใต้ตาลึกมาก อาจต้องใช้ปริมาณมากกว่านี้ แพทย์จะประเมินและเลือกปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตา ที่เหมาะสมให้กับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่มากหรือน้อยเกินไป

 

8. ฟิลเลอร์ใต้ตาแท้ VS ปลอม ส่องวิธีจับพิรุธ!

อยากสวยด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา แต่กลัวเจอของปลอม! จะรู้ได้อย่างไรว่าฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ใช้เป็นของแท้? มาเรียนรู้วิธีสังเกตฟิลเลอร์ใต้ตาแท้-ปลอม กัน!

  • ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ฟิลเลอร์ใต้ตาแท้จะมีบรรจุภัณฑ์ที่เรียบร้อย มีฉลากชัดเจน ระบุชื่อยี่ห้อ เลขที่ lot วันหมดอายุ และข้อมูลสำคัญอื่นๆ ครบถ้วน
  • ตรวจสอบกล่องและฉลาก: กล่องต้องไม่บุบสลาย ฉลากต้องติดแน่น ไม่มีร่องรอยการแกะหรือเปลี่ยนแปลง
  • ตรวจสอบสติ๊กเกอร์ อย.: ฟิลเลอร์ใต้ตาแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้องจะมีสติ๊กเกอร์ อย. กำกับ ตรวจสอบเลข อย. กับเว็บไซต์ของ อย. ได้
  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีแพทย์ และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ แพทย์จะให้คำแนะนำและแสดงผลิตภัณฑ์ให้ดูก่อนฉีด เพื่อความมั่นใจ
  • ราคา: ฟิลเลอร์ใต้ตาของแท้มักมีราคาสูงกว่าของปลอม หากเจอราคาถูกเกินจริง ควรตั้งข้อสงสัย

 

9. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี? เลือกอย่างไรให้ปัง!

การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาคือสิ่งสำคัญ สิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้

  1. ความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid (HA): ฟิลเลอร์ความเข้มข้นสูงมักให้ผลลัพธ์ยาวนาน แต่ราคาก็สูงตาม เช่น Juvederm Volbella ที่มีความเข้มข้นสูงให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
  2. ความยืดหยุ่น: ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงจะเหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก เช่น Restylane Lift ส่วนฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นต่ำจะเหมาะสำหรับเติมริ้วรอยเล็กๆ เช่น Belotero Balance
  3. คุณสมบัติเพิ่มเติม: บางยี่ห้ออาจมีการเพิ่ม Lidocaine เพื่อลดอาการเจ็บขณะฉีด เช่น Teosyal RHA
  4. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์: ควรเลือกแบรนด์ที่มีการรับรอง และมีรีวิวที่ดี
  5. คำปรึกษาจากแพทย์: ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การประเมินว่าสภาพผิว และเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุด เช่น Restylane คุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ เป็นต้น

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา เติมเต็มความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาอย่างปลอดภัย

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรศึกษาข้อมูล เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์จะประเมินสภาพผิวและปัญหาของคุณ เพื่อเลือกชนิดและปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาห้ามอะไรบ้าง สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส กด หรือขยี้บริเวณที่ฉีด งดดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า การนวดหน้า เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง เช่น การบวม ช้ำ หรือการอักเสบ

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย GUEST1649747579 เมื่อ3 มกราคม พ.ศ. 2568 17.48 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา