ฉีดฟิลเลอร์ปากคืออะไร ทำไมต้องฉีด สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ในยุคความสวยความงามเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนใส่ใจ การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหนึ่งในเทคนิคได้รับความนิยมอย่างมากในด้านปรับรูปทรงให้กับริมฝีปาก เพื่อให้ปากสวยธรรมชาติ หรือปากอวบอิ่มตามต้องการ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้เข้ารับการฉีดอย่างมาก แต่ก่อนตัดสินใจรักษา มีสิ่งจำเป็นที่ต้องรู้ก่อน เพื่อให้ตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและปลอดภัย
บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์ปาก เริ่มจาก filler ปากคืออะไร ทรงปากยอดนิยมมีอะไรบ้าง ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ระยะเวลาพักฟื้นกี่วัน รวมถึงสาเหตุฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปากตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Filler) คืออะไร
ฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้วฉีดเข้าไปในริมฝีปาก เพื่อเพิ่มวอลลุ่ม ทำให้ปากอวบอิ่มขึ้น ปรับรูปทรงปากให้สวยงาม และแก้ไขปัญหาปากบาง ปากแห้ง มุมปากตกหรือปากไม่สมส่วน ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นขั้นตอนรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน เห็นผลลัพธ์ได้ทันที
รวมทรงฉีดฟิลเลอร์ปากยอดนิยม
ฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ใช่แค่การเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอิ่มฟู แต่ยังปรับรูปทรงให้สวยงามได้หลากหลายสไตล์ หัวข้อนี้จะพาไปส่องทรงฉีดฟิลเลอร์ปากยอดนิยม ที่เหล่าคนดังและสาว ๆ หลายคนเลือกทำ เพื่อให้ได้ริมฝีปากสวยโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทรงฉีดปาก มีดังนี้
- ทรงปากสายฝอ : ฉีดปากสายฝอเน้นริมฝีปากล่างอวบอิ่ม ดูเซ็กซี่ เหมาะกับคนที่ชอบสไตล์ฝรั่ง
- ทรงปากกระจับ : คลาสสิกเป็นที่นิยมตลอดกาล ฉีดปากกระจับเน้นความอวบอิ่มและโค้งมนของริมฝีปากบน
- ทรงปากธรรมชาติ : เน้นความสมดุลของริมฝีปากบนและล่าง ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนเยาว์
- ทรงปากเกาหลี : ริมฝีปากอิ่มฟูแบบพอดี รูปปากดูสดใสน่ารัก
- ทรงปากเฉี่ยว : ริมฝีปากบนชัด มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดูเฉี่ยวมีเสน่ห์
ความแตกต่างระหว่างฉีดฟิลเลอร์ปาก VS ผ่าตัดปาก
การปรับรูปทรงปากให้สวยงาม มีทั้งฉีดฟิลเลอร์ปากและผ่าตัดปาก ซึ่งทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป เลือกวิธีไหนดีขึ้นอยู่กับความต้องการและปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล ทั้ง 2 แบบมีข้อแตกต่างกันดังต่อไปนี้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ผลลัพธ์การรักษา : วิธีรักษาอยู่ได้ชั่วคราว โดยทั่วไปประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลหลังการรักษา
- ค่าใช้จ่าย : โดยรวมจะน้อยกว่าวิธีผ่าตัด เนื่องจากเป็นการรักษาไม่ซับซ้อน
- ความเสี่ยง : ความเสี่ยงน้อยกว่าผ่าตัด อาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย
- ความเจ็บปวด : อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีด แต่สามารถทายาชาได้
- ระยะเวลาพักฟื้น : สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
ผ่าตัดปาก
- ผลลัพธ์การรักษา : การรักษาอยู่ได้ถาวร แต่ต้องพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าตามวัย
- ค่าใช้จ่าย : ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากเป็นผ่าตัดใหญ่ มีความซับซ้อนสูง
- ความเสี่ยง : มีความเสี่ยงติดเชื้อ เกิดแผลเป็น รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
- ความเจ็บปวด : ต้องใช้ยาสลบ หรือยาชาเฉพาะที่ อาจมีอาการปวดหลังผ่าตัด
- ระยะเวลาพักฟื้น : ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวัน
ดังนั้นการเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากหรือผ่าตัดปาก ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนวิธีรักษาให้เหมาะสมที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม? มาไขข้อข้องใจ
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด หากทำโดยแพทย์เฉพาะทางและเป็นผู้ทำหัตถการด้วยตนเอง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพได้มาตรฐาน ผ่าน อย.ไทย เพราะฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ทำมาจากกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) หรือ HA ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายคนเรามีอยู่แล้ว โดยมีหน้าที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ปากอวบอิ่ม เมื่อฉีดเข้าไปในริมฝีปาก จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองรุนแรง
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง
ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยี่ห้อของฟิลเลอร์ และ วิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ซึ่งมีผลต่ออายุการใช้งานของฟิลเลอร์อย่างมาก
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของฟิลเลอร์ปาก
- ยี่ห้อและประเภทของฟิลเลอร์ : แต่ละยี่ห้อหรือประเภทของฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการคงรูปและอายุการใช้งานแตกต่างกัน โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-18 เดือน
- บริเวณที่ฉีด : บริเวณฉีดฟิลเลอร์ก็มีผลต่ออายุการใช้งานเช่นกัน เช่น ฉีดปากบริเวณริมฝีปากบน อาจจะสลายตัวเร็วกว่าการฉีดบริเวณริมฝีปากล่าง
- ปริมาณที่ฉีด : ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปก็มีส่วนสำคัญ โดยการฉีดปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น
- เทคนิคการฉีด : แพทย์ผู้ฉีดมีประสบการณ์จะสามารถเลือกเทคนิคการฉีดให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- การดูแลหลังฉีด : การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างถูกวิธี เช่น หลีกเลี่ยงสัมผัสบริเวณปากฉีดฟิลเลอร์ ไม่รับประทานอาหารร้อนจัด หรือดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ได้
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน เห็นผลชัดเจนเมื่อไหร่?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก หลายคนสงสัยว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลลัพธ์สวยงามตามต้องการ หรืออาการบวมจะหายไปเมื่อไหร่ คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ได้กล่าวไป แต่โดยทั่วไปอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ประมาณ 3-7 วัน หลังฉีด 24-48 ชั่วโมง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นและหลังฉีด 1-2 สัปดาห์ ฟิลเลอร์จะเข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเกิดเป็นก้อนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมีสาเหตุหลายประการ ดังนี้
- การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม
- ฟิลเลอร์ปลอม : ฟิลเลอร์ปลอมมีส่วนผสมไม่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดการอักเสบหรือก่อตัวเป็นก้อนได้ง่าย
- ฟิลเลอร์ไม่ตรงกับสภาพผิว : เลือกฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่เข้ากันกับเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการอักเสบและเป็นก้อน
- ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป : ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่เท่ากัน เกิดเป็นก้อนได้
- เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ถูกต้อง
- แพทย์ไม่มีประสบการณ์ : แพทย์ไม่มีประสบการณ์ อาจฉีดฟิลเลอร์ไม่ถูกตำแหน่ง ทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน
- การกระจายฟิลเลอร์ไม่ทั่วถึง : หากฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดการสะสมของฟิลเลอร์ในบางจุด เป็นสาเหตุให้เกิดก้อน
- การติดเชื้อ
- ใช้เครื่องมือไม่สะอาด : หากเครื่องมือที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและนำไปสู่การอักเสบ
- การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ถูกต้อง : การไม่ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ปฏิกิริยาของร่างกาย
- แพ้ฟิลเลอร์ : บางคนฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาถูก ส่วนผสมไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้แพ้ฟิลเลอร์ เกิดอาการอักเสบและเป็นก้อนได้
- ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น : ร่างกายอาจสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น หุ้มรอบฟิลเลอร์ ทำให้เกิดเป็นก้อนแข็ง
สรุปฉีดฟิลเลอร์ปากดีอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการเสริมความงามที่ได้รับความนิยม ช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่มสวยงาม มีหลายทรงให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นทรงปากสายฝอ ปากกระจับ หรือปากสวยธรรมชาติ โดยผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปริมาณหรือจุดฉีดฟิลเลอร์ เมื่อเทียบกับการผ่าตัด การฉีด filler ปาก มีความเสี่ยงน้อยกว่า ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า และเห็นผลได้ทันที แต่อาจอยู่ได้ไม่ถาวรเหมือนการผ่าตัด การเลือกฉีดปากจึงเป็นทางเลือกน่าสนใจสำหรับใครที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากให้สวยงามอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้