ลูกกอล์ฟ (Golf ball) มีกี่แบบ จำเป็นต้องเลือกจริงหรอ?
สำหรับกีฬากอล์ฟ ทุกท่านคงจะทราบดีว่านอกจากทักษะในการตีและการเลือกไม้กอล์ฟให้เหมาะกับการตีของตัวเองแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเลือกรูปแบบของลูกกอล์ฟให้เหมาะสมกับการเล่น เพราะจะส่งผลต่อความแม่นยำและการเคลื่อนที่ของลูก ทำให้นักกอล์ฟมืออาชีพมีความรู้เกี่ยวกับลูกกอล์ฟกันทุกคน นอกจากการเลือกรูปแบบของลูกกอล์ฟแล้วนักกอล์ฟควรคำนึงถึงยี่ห้อของลูกกอล์ฟด้วยว่ามีคุณภาพดีพอหรือไม่ในการออกรอบแต่ละครั้ง
ลูกกอล์ฟมีกี่แบบ ทำจากวัสดุอะไรบ้าง?
สำหรับลูกกอล์ฟบางแห่งจะแบ่งตามรูปแบบของราคาลูกกอล์ฟ แต่ถ้าบทความนี้จะขอแบ่งตามโครงสร้างลูกกอล์ฟ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือแบบ Would ball กับแบบ Solid ball ซึ่งจะแตกต่างกันที่วัสดุภายในว่าทำมาจากยางหรือว่าใช้ยางมาพันรอบ ๆ แกนกลาง ซึ่งจะมีผลต่อระยะการตีโดยตรง
ลูกกอล์ฟ Wound Ball
สำหรับลูกกอล์ฟ Wond Ball หมายถึงลูกกอล์ฟแบบมียางพันแกนกลางของลูก โดยลูกกอล์ฟแบบ wound ball จะอ่อนนุ่มละหมุนได้ค่อนข้างดี แต่จะมีข้อเสียคือส่วนที่เป็นระยะที่จะไม่ได้ไกลมาก และที่สำคัญคือลูกกอล์ฟ Wond ball จะมีการเสื่อมของวัสดุค่อนข้างไว และจะไวต่ออุณหภูมิ ค่อนข้างสูงซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วแกนกลางของลูกกอล์ฟประเภทนี้จะมี 2 ประเภทคือ
- แกนกลางลักษณะเป็นของเหลว (liquid center) เป็นสารแขวนลอยของ barites และ bentonite ซึ่งจะละลายน้ำกับ glycerin ในถุงเป็นส่วนประกอบ
- อีกประเภทคือลักษณะที่แกนกลางเป็นของแข็ง (Solid center) โดยจะทำมาจากยางสังเคราะห์ ซึ่งมักจะใช้ยาง BR เป็นหลัก
ลูกกอล์ฟ Solid Ball
สำหรับลูกกอล์ฟรูปแบบถัดมา คือลูกกอล์ฟแบบ Solid ball จะเป็นรูปแบบที่มีความนิยมค่อนข้างสูงมากกว่าแบบแรก เนื่องจากสามารถตีได้ไกลกว่า และมีแกนกลางที่ทำจากยาง ทำให้ลูกกอล์ฟสามารถกระเด้งได้ ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ
- One - Piece ball เป็นลูกกอล์ฟที่มีโครงสร้างชิ้นเดียว ทำมาจากยางสังเคราะห์เป็นหลัก ใช้ยาง BR เหมือนเดิมแต่จะเคลื่อนที่ได้น้อยสุดเมื่อเทียบกับแบบอื่น ๆ ใน Solid ball
- Two - piece ball ลูกกอล์ฟประเภทนี้จะถูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเลือกหุ้มลูกและอีกส่วนคือส่วนที่เป็นแกนกลางลูก มีข้อดีคือแกนกลางจะแข็งกว่าและส่วนที่นำมาทำแกนมีคุณสมบัติดี ทำให้กระเด้งสูงและพุ่งออกไปได้ค่อนข้างไกล
- Multi - layer ball สำหรับแบบสุดท้ายรูปแบบนี้จะมีแกนกลางถูกหุ้มในเปลือกหลายชั้นมากที่สุดจะรวมหมดทั้งในรูปแบบของ 3 - 4 piece golf ซึ่งวัสดุจะมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับผู้ผลิต
ลูกกอล์ฟที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
ในการเลือกซื้อลูกกอล์ฟเองก็จะมีหลายปัจจัยในการเลือกเช่นกัน และก็ไม่ใช่ว่าการเลือกลูกกอล์ฟราคาถูกแล้วจะมีคุณภาพไม่ดีเสมอไป หากเป็นลูกกอล์ฟที่ผลิตออกมาตามกฎข้อบังคับกีฬาก็จะสามารถนำมาเล่นได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วนซึ่งจะมีลักษณะดังนี้
- ลูกกอล์ฟต้องมีทรงกลมและมีน้ำหนักไม่เกินกว่า 45.93 กรัม (1,620 ออนซ์)
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลูกกอล์ฟมีสองมาตรฐานที่แตกต่างกันเล็กน้อยโดยถ้าตามข้อบังคับของ R&A จะต้องไม่น้อยกว่า 1.62 นิ้ว และถ้าเป็นของ USGA ต้องไม่น้อยกว่า 1.68 นิ้ว
- R&A จะมีมาตรฐานที่กำหนดความเร็วต้นของลูกกอล์ฟและระยะทางทั้งหมดเพิ่มเติมโดยมีระยะที่กำหนดในแต่ละอย่าง
- ส่วนของ USGA จะมีมาตรฐานกำหนดความเร็วของลูกกอล์ฟเมื่อทดสอบด้วยเครื่องส่งด้วยความเร็วไม่เกิน 77.8 เมตร/วินาที
เลือกซื้อลูกกอล์ฟอย่างไรให้เหมาะกับสไตล์การเล่น
การเลือกลูกกอล์ฟเป็นสิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เล่นทุกคนควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือว่าเป็นผู้เล่นมืออาชีพแล้วก็ตามที ซึ่งการเลือกลูกกอล์ฟควรพิจารณาจาก Speed การตีของตนเองว่าสามารถตีได้ที่ Speed ประมาณเท่าไหร่ ลูกกอล์ฟหลายยี่ห้อจะระบุมาเลยว่ารุ่นไหนทำมาเพื่อ Speed การตีของนักกอล์ฟเท่าไหร่ และเลือกเพิ่มเติมจากสไตล์การเล่น ยกตัวอย่างเช่นหากท่านเป็นนักกอล์ฟที่ตีได้ไม่ไกลนัก อาจจะเลือกลูกกอล์ฟ callaway เพราะใช้วัสดุ Ionomer เคลือบด้านนอกและออกแบบมาให้ตีได้สูงมากขึ้น ไกลมากขึ้นและยังตรงอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่อยากเสริมด้านการตีไกลเป็นต้น
การทำความสะอาดลูกกอล์ฟหลังใช้ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
การทำความสะอาดลูกกอล์ฟหลังการใช้งาน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักกอล์ฟมือใหม่หลาย ๆ คนยังละเลยอยู่ ส่วนใหญ่จะให้เป็นหน้าที่ของแคดดี้ในการทำความสะอาด เพราะจะไปเน้นทำความสะอาดเฉพาะตัวไม้กอล์ฟ แต่ว่าต่อให้ทำความสะอาดไม้กอล์ฟแล้วแต่ยังตีด้วยลูกกอล์ฟที่สกปรกบ่อย ๆ ก็จะทำให้ไม้กอล์ฟพังเร็วขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้น การที่ลูกกอล์ฟมีดินทรายหรือหญ้าติดอยู่ตามลูกกอล์ฟก็จะทำให้ตีแล้วลูกลอยได้ไม่สูงเกิดการเสียดสีได้ง่ายกว่า ส่งผลต่อการหมุนของลูกและการตีอย่างชัดเจน ในส่วนของวิธีการทำความสะอาดลูกกอล์ฟนั้นง่ายมากทำได้ดังนี้
- หากลูกกอล์ฟมีความสกปรกเล็กน้อยสามารถใช้แปรงมาขัดทำความสะอาดกับน้ำยาล้างจาน แล้วล้างออกได้เลย
- หากสกปรกมากมีดินเกาะแน่น แนะนำให้นำลูกกอล์ฟไปแช่น้ำส้มสายชูที่ผสมน้ำอุ่นไว้สักประมาณ 30 - 60 นาทีหลังจากนั้นขัดด้วยแปรงเพื่อให้คราบติดแน่นหลุดออก ฉีดน้ำแรงเข้าไปที่ลูกกอล์ฟ หากคราบหลุดหมดแล้ว สามารถขัดอีกรอบก่อนนำไปตากได้
- หากไม่อยากทำความสะอาดยากหลายขั้นตอน แนะนำให้ทำความสะอาดทันทีหลังตีเสร็จ คราบจะยังไม่ฝังแน่น ทำความสะอาดลูกได้ง่ายกว่า
สรุปการเลือกและการดูแลลูกกอล์ฟ
การเลือกลูกกอล์ฟมีผลมาก ๆ ต่อการตีและเป็นปัจจัยที่โปรกอล์ฟไม่มองข้ามเช่นกัน แน่นอนว่านอกจากการเลือกลูกกอล์ฟให้เหมาะกับตัวเองแล้วมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องประเมินเช่น ราคา วัสดุที่ใช้ โดยหลังจากรู้ความเหมาะสมของตัวเองกับลูกกอล์ฟแล้ว ควรจะดูแลรักษาความสะอาดให้ถูกต้อง เพื่อให้นำลูกกอล์ฟกลับมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และยืดอายุการใช้งานไปได้อีกนาน
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้