Hifu คืออะไร ไฮฟู่ ช่วยเรื่องอะไรได้ สามารถทำส่วนไหนได้บ้าง?
Hifu คืออะไร ไฮฟู่ ช่วยเรื่องอะไรได้ สามารถทำส่วนไหนได้บ้าง?
Hifu อีกหนึ่งนวัตกรรมช่วยยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นเครื่องยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดและมีหลากหลายคุณสมบัติเด่น ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เกิดรอยแผล มีความปลอดภัย สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จึงได้รับความนิยมเลือกใช้ในการดูแลผิวพรรณและใบหน้าเป็นอย่างมาก ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ ไฮฟู่ ให้มากขึ้น
Hifu คืออะไร?
Hifu คือ High Intensity Focus Ultrasound เครื่องยกกระชับผิวที่สามารถช่วยเก็บกรอบหน้า แก้ม เหนียง รวมถึงบริเวณลำคอ เป็นต้น โดยจะปล่อยคลื่นพลังงานลงไปกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว จึงสามารถช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว เรียบเนียนกระจ่างใสมากขึ้น หลังทำจะเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1 เดือนหลังทำ
Hifu ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
Hifu สามารถช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณและยกกระชับได้อย่างเห็นผล ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องต่าง ๆ ได้ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว
- ยกกระชับผิวหน้าและบริเวณลำคอ ลดความหย่อนคล้อยของผิว
- ช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก
- จัดการปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา
- จัดการไขมันใต้ชั้นผิวช่วยเก็บกรอบหน้า เก็บเหนียง และลดแก้ม
- ช่วยยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ต้นแขน ท้องแขน ต้นขา เป็นต้น
กระบวนการทำงานของ Hifu
Hifu (ไฮฟู่) เป็นนวัตกรรมเพื่อความงามที่ช่วยยกกระชับผิว ดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย โดยใช้คลื่นโฟกัสอัลตร้าซาวด์ ปล่อยพลังงานที่มีความสม่ำเสมอลงสู่ชั้นผิวลึกได้ถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) จึงทำให้เห็นผลลัพธ์หลังทำที่ออกมาดี แก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยไม่ทำให้ผิวเกิดอาการเบิร์น สามารถเลือกใช้หัวยิงได้ตามความเหมาะสมกับปัญหาและระดับชั้นความลึกของผิวที่ต้องการแก้ไข
- Upper Dermis หรือ ผิวชั้นบน ใช้หัวที่ยิงได้ลึกระดับ 1.5 – 2.0 mm. เป็นระดับความลึกที่ไม่มาก แต่สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ยกกระชับ และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ได้อีกด้วย
- Lower Dermis หรือ ผิวชั้นกลาง ใช้หัวยิงที่ระดับความลึก 3 mm. เป็นชั้นความลึกที่ช่วยลดไขมัน เซลลูไลท์ รวมถึงยกกระชับใบหน้า
- SMAS หรือ ชั้นเยื่อหุ้มบริเวณกล้ามเนื้อ โดยการจะส่งพลังงานเข้าถึงชั้นนี้ได้ต้องเลือกใช้หัวยิงความลึก 4.5 mm. โดยชั้นผิวนี้คือส่วนที่มีผลกับการยกกระชับเป็นอย่างมาก เป็นชั้นที่ถูกใช้ในการผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ การทำหัตถการในชั้นนี้จะช่วยยกกล้ามเนื้อ และช่วยให้แก้มไม่ห้อย มีความอิ่มฟูเต็มขึ้น แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยในถึงต้นตอปัญหา
Hifu สามารถทำส่วนไหนได้บ้าง?
สำหรับ Hifu สามารถทำได้หลายจุดในร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ ต้นแขน ต้นขา และสะโพก เป็นต้น โดยบริเวณยอดฮิตที่คนมักจะเลือกทำส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณใบหน้าและลำคอ มีรายละเอียดดังนี้
- Hifu บริเวณใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ช่วยให้ใต้ตาเต่งตึง กระชับ เรียบเนียน โดยสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดียิ่งขึ้น
- Hifu บริเวณแก้ม สำหรับใครที่มีแก้มเยอะ ไฮฟู่ สามารถช่วยลดไขมัน ยกกระชับ ช่วยเก็บกรอบหน้าเรียวได้รูป ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น
- Hifu บริเวณเหนียง สำหรับใครที่มีคางสองชั้นหรือมีไขมันสะสมบริเวณใต้คาง การทำหัตถการนี้จะช่วยลดเหนียง สลายไขมันที่สะสมให้ลดลง คางจึงได้รูปมีความกระชับขึ้น ทั้งยังสามารถทำบริเวณลำคอให้ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นรอยพับได้อีกด้วย
Hifu มีข้อดีอะไรบ้าง?
- ยกกระชับ หน้าตึงเหมือนดึงหน้า แต่ไม่ต้องผ่าตัด
- สลายไขมัน ลดริ้วรอย ลดเหนียง เก็บกรอบหน้าชัด ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
- สามารถเก็บริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาซึ่งมีพื้นที่เล็กได้ โดยไม่ส่งผลกระทบกับดวงตา
- ปลอดภัย ไม่ทำร้ายผิว ไม่เกิดอาการผิวเบิร์น
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผลเพราะเป็นการปล่อยคลื่นพลังงานลงสู่ผิว ไม่ใช่การใช้เข็มหรือการผ่าตัด สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากโดนเข็มหรือไม่ชอบการผ่าตัด
Hifu เหมาะกับใคร?
หัตถการ Hifu สามารถทำได้ทุกเพศ ทำได้ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงคนมีอายุ นอกจากนั้นยังสามารถที่จะร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เป็นต้น ได้อีกด้วย แต่ต้องอยู่ภายใต้การออกแบบการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ควรทำ ไฮฟู่ มีดังนี้
- คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หน้าดูแก่กว่าวัย
- คนที่มีปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ บริเวณใต้ตา ร่องแก้ม หรือบริเวณรอบดวงตา เป็นต้น
- คนที่มีปัญหาหน้ากลม กรอบหน้าไม่ชัด แก้มเยอะ
- คนที่มีปัญหาคางสองชั้น มีเหนียงเยอะ คอเป็นรอยพับไม่เรียบเนียน
- คนที่ไม่อยากโดนเข็มหรือไม่อยากผ่าตัด
- คนที่มีเวลาน้อยต้องการความไว และคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
Hifu ควรทำตอนอายุเท่าไหร่?
การทำ Hifu โดยส่วนใหญ่กลุ่มที่เข้ามารับการรักษาจะเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 30 จนถึง 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มวัยที่พบเจอปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้มาก ด้วยในปัจจุบันเราต้องพบเจอกับมลภาวะมากมายที่เข้ามากระทบผิวและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคนจึงทำให้กลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไป เริ่มที่จะพบเจอกับปัญหาริ้วรอยได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการทำ Hifu จึงสามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมเผชิญปัญหา เหมือนกับเป็นการปูพื้นฐานสุขภาพผิวที่ดีให้แข็งแรงตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นปัญหาที่เกิดกับผิวก็จะน้อยลง
Hifu ต้องทำกี่ไลน์ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี
ทำ Hifu เห็นผลหลังทำกี่ไลน์? ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน โดยแพทย์จะออกแบบการรักษา ประเมินความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาไปพร้อมกับวิเคราะห์สภาพผิวและปัญหาให้เหมาะสมกับแต่ละรายบุคคลมากที่สุด วางตำแหน่งของบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและเป็นการดูแลที่ถูกจุด หากใช้จำนวนไลน์ที่ไม่พอดีกับปัญหาอาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ จึงต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงเป็นผู้ประเมินอย่างละเอียด โดยเฉลี่ยในแต่ละจุดจะมีการใช้จำนวนไลน์ ดังนี้
- บริเวณใต้ตาและร่องแก้ม เบื้องต้นใช้ประมาณ 300 ไลน์
- บริเวณแก้มและเหนียง เบื้องต้นใช้ประมาณ 300 ไลน์
- บริเวณเหนียง เบื้องต้นใช้ประมาณ 100 ไลน์
- บริเวณทั่วใบหน้า เบื้องต้นใช้ประมาณ 500 – 700 ไลน์
- บริเวณต้นแขน เบื้องต้นใช้ประมาณ 500 – 700 ไลน์
- บริเวณทั่วใบหน้าและลำคอ เบื้องต้นใช้ประมาณ 1,000 ไลน์
- บริเวณต้นขา เบื้องต้นใช้ประมาณ 1,000 ไลน์
ทำ Hifu กี่วันเห็นผล?
หลังจากทำ Hifu สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ประมาณ 20 % และผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 1 – 2 เดือน ซึ่งหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เลย เพราะไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีแผล ไม่ทำให้ผิวเบิร์น
ผลลัพธ์หลังทำ Hifu อยู่ได้นานไหม?
โดยปกติ Hifu หนึ่งครั้ง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน โดยจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของค่าพลังงานที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังทำด้วย โดยสามารถทำซ้ำได้ทุก 3 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์หน้ายกกระชับได้รูปคงอยู่ไปนาน ๆ
Hifu ทำแล้วเจ็บไหม?
Hifu นั้น เรื่องของความเจ็บในระหว่างทำหัตถการขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึกของแต่ละคน เพราะเป็นการปล่อยคลื่นพลังงานลงไปสู่ชั้นผิว SMAS จึงมีโอกาสที่จะรู้สึกปวดได้ แต่สามารถแจ้งแพทย์ได้เพื่อลดระดับพลังงานลงให้รู้สึกปวดน้อยลง แต่การทำหัตถการนี้อย่างไรก็ต้องรู้สึกเจ็บบ้างเพราะถ้าไม่รู้สึกเลยแสดงว่าพลังงานที่ใช้ต่ำเกินไปจนอาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ อย่างไรก็ดีก่อนทำจะมีการแปะยาชาให้อยู่แล้วค่ะ เพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บให้น้อยลง
Hifu มีกี่ยี่ห้อ? มีแบบไหนบ้าง?
เครื่อง Hifu มีด้วยกันหลายยี่ห้อ หลายเทคโนโลยี ซึ่งได้รับความนิยมที่แตกต่างกัน จึงต้องตรวจสอบความถูกต้องของการนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ผ่านการรับจาก อย. ไทย เพื่อความปลอดภัย โดยมียี่ห้อยอดนิยมดังนี้
- Hifu ธรรมดา มีขนาดพลังงานที่ค่อนข้างเล็ก ขนาดจุดไข่ปลาไม่เกิน 0.5 mm. เหมาะกับบริเวณที่มีขนาดเล็ก
- Ulthera SPT เครื่องยกกระชับรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหลักการ See - Plan - Treat สามารถมองเห็นกระบวนการได้แบบเรียลไทม์ผ่านจอแสดงผล วางแพลนการรักษาได้อย่งถูกต้อง ทำให้สามารถปล่อยคลื่นพลังงาน MFU-V หรือ Microfocused ultrasound with visualization เข้าสู่ชั้นผิว SMAS ได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์จึงออกมาดี ได้ประสิทธิภาพ และปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ไทย และ USFDA
เจาะลึก Ulthera SPT : Ulthera SPT นวัตกรรมยกกระชับใบหน้าและลดเลือนริ้วรอยแบบใหม่
- Ultraformer MPT หรือ Ultraformer Micro-Pulse Technology อีกหนึ่งเทคโนโลยีดูแลใบหน้าและผิวพรรณ ยกกระชับ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการส่งพลังงานคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงลงสู่ใต้ชั้นผิว แบบ MMFU หรือ Micro & Macro Focused Ultrasound จึงมีความแม่นยำสูงในการรักษา ปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ทำร้ายผิวโดยรอบ สามารถเลือกโหมดพลังงานได้ 2 แบบ คือ Normal Mode ปล่อยพลังงานเป็นจุดไข่ปลาเล็กๆ เรียงกัน และ MP Mode - Micro Pulse Mode ปล่อยพลังงานเป็นเส้นตรง ช่วยในการรักษาพลังงานความร้อนที่สะสมให้มีความต่อเนื่อง ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ไทย และ KFDA
- Ultraformer III เป็นเครื่องไฮฟู่จากประเทศเกาหลี ที่ใช้เทคโนโลยี High Intensity Focus Ultrasound มีความแม่นยำสูง ไม่ทำร้ายผิวรอบข้าว พลังงานคงที่สม่ำเสมอ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก U.S. FDA ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย
- Sygmalift Hifu เป็นประเภทเครื่องที่ปล่อยพลังงาน Fractional Beam ลงลึกใต้ชั้นผิว นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ผ่านการรับรองมาตรฐาน USFDA
- Lifthera ใช้เทคโนโลยี Thermal Diffusion Treatment (TDT) เอกสิทธิ์เฉพาะของ Lifthera มีจุดเด่นคือหัวยิง 2 แบบคือ หัว Pen Applicator และ หัว Line Cartridge สามารถเก็บตามซอกเล็ก ๆ ได้ดี เป็นเครื่องไฮฟู่ที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และ KFDA
- Contlex จุดเด่นในเรื่องของพลังงานอัลตร้าซาวด์เข้มข้นสูง มีหัวยิงหลักคือ Line Cartridge โดยเครื่องไฮฟู่ตัวนี้ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และ KFDA
ก่อนทำ Hifu ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
เพื่อลดความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ทั้งระหว่างทำและหลังทำ การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการรักษา
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการรักษา
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด หรือการเข้าซาวน่า จะช่วยให้โอกาสที่จะเกิดการบวมแดงน้อยลง
- หากมีโรคประจำตัว มียาที่ทานประจำ หรือก่อนหน้านี้มีการทำหัตถการอื่น ๆ มาก่อน ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้แพทย์พิจารณาออกแบบการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
ทำ Hifu มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
ในการทำหัตถการ Hifu แต่ละครั้งจะใช้เวลาโดยประมาณ 30 – 50 นาที โดยจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำและปัญหาของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้
- ทำความสะอาดผิวเพื่อเคลียร์สิ่งสกปรกและเตรียมให้ผิวพร้อมรับการรักษา
- แปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 - 40 นาที เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บระหว่างที่ทำหัตถการ
- ทาเจลสำหรับ Ultrasound ลงบนผิวบริเวณที่ต้องการทำไฮฟู่ เพื่อช่วยให้พลังงานลงสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น
- แพทย์จะเริ่มดำเนินการปล่อยคลื่นพลังงานเข้าสู่ชั้น SMAS เพื่อทำการยกกระชับ ปรับรูปหน้า และเก็บริ้วรอยต่าง ๆ โดยผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกอุ่น หรืออาจจะรู้สึกถึงอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิวได้บ้าง
หลังทำ Hifu ห้ามทำอะไรบ้าง? และต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
- หลังทำหากรู้สึกปวดตึงสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- หลีกเลี่ยงการนวด ถู ขัด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่เพิ่งทำหัตถการ Hifu
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำและบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงที่คอลลาเจนจะถูกทำลาย
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำงานได้อย่างเต็มที่
Hifu ทำคู่กับหัตถการอะไรได้บ้าง?
หัตถการที่ทำคู่กับ Hifu ได้มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ฉีดโบท็อกซ์ , ฉีดฟิลเลอร์ , ร้อยไหม รวมไปถึง ฉีดเมโสแฟต เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยแพทย์จะวางลำดับการรักษาก่อน-หลังให้สอดคล้องและเหมาะสมมากที่สุด
ข้อควรรู้ก่อนทำ Hifu
หลังทำ Hifu อาจเกิดผลข้างเคียงบางอย่างขึ้นได้ เช่น รู้สึกแปลบ ๆ ระหว่างทำ ในบางรายอาจมีอาการบวมแดงได้เล็กน้อยบริเวณที่ทำ โดยจะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังทำหัตถการ
ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี?
สำหรับการเลือกทำ Hifu มีข้อสังเกตหลัก ๆ ดังนี้
- เลือกคลินิกที่น่าเชื่อ ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้
- เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง
- เลือกเครื่องแท้ ที่ผ่านมาตรฐานการรับรอง เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมา
Hifu ราคาเท่าไหร่?
ราคาของ Hifu นั้นมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน ตำแหน่งที่ทำ จำนวนไลน์ที่ใช้ รวมไปถึงโปรโมชันในแต่ละช่วง จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินให้อย่างละเอียด โดยสามารถทักเข้ามาสอบถามราคากับทาง Vincent Clinic ได้เลยค่ะ
สรุป
เครื่อง Hifu เป็นนวัตกรรมยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียวสวย ช่วยให้ผิวหน้าตึงเหมือนดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ยิ่งทำเร็วผิวยิ่งแข็งแรง ใบหน้าสวยอยู่กับเราไปได้อีกนาน หลังทำไม่ต้องพักฟื้น หน้าไม่เบิร์น ไม่มีแผล สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากใครที่ต้องการปรับรูปหน้าและดูแลผิวพรรณสามารถทักเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic ได้เลยค่ะ เพราะเรามีทีมแพทย์มากประสบการณ์และเชี่ยวชาญเฉพาะด้านดูแลทุกเคสอย่างใกล้ชิด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้