ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยอะไร เหมาะกับใครบ้าง ?
การมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ สดใส เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นหรือการมีรูปหน้าที่แก้มตอบตามพันธุกรรม ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ขาดความสดใส การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและปลอดภัย
ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่คุณอาจไม่เคยรู้
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้ม ไม่ได้เพียงแค่เติมเต็มให้แก้มดูอวบอิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกหลายด้านที่น่าสนใจ ดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้าในส่วนที่ตอบ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเสียเงินและผ่าตัดดึงหน้าให้เจ็บตัว
- ฟิลเลอร์จะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณแก้ม และทำให้รอยย่นต่าง ๆ ดูตื้นขึ้นอย่างชัดเจน
- การฉีดฟิลเลอร์แก้ม จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังบริเวณที่ฉีด ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดีขึ้น แลดูเต่งตึง สดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์แก้ม ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ซึ่งผลลัพธ์จะเห็นชัดมากน้อยแค่ไหน หรืออยู่ได้นานเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลหลังการรักษานั่นเอง
ใครบ้างที่เหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีแก้มตอบตามพันธุกรรม ผู้ที่สูญเสียปริมาตรใบหน้าจากวัยที่เพิ่มขึ้น หรือผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ควรมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้าม เช่น โรคภูมิแพ้รุนแรง โรคออโตอิมมูน (ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ) หรือโรคเลือดที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า นอกจากนี้ สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการนี้ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดผลกระทบต่อลูกน้อย
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง จึงควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับตนเอง
หลังการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้