บริจาคซะกาตคืออะไร? เป็นหลักปฏิบัติอันสำคัญของชาวมุสลิม
การบริจาคเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญเป็นการส่งเสริมความเจริญของสังคม จากคำว่า “การให้ ย่อมดีกว่าการรับ” คำพูดคุ้นหูนี้ สะท้อนปรัชญาอันล้ำค่าของ “ซะกาต” หนึ่งในหลักศรัทธา 5 ประการของศาสนาอิสลาม การบริจาคซะกาตเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้คนสามารถแบ่งปัน เพื่อสนับสนุนสาธารณะ ช่วยเหลือ
กลุ่มคนผู้ยากไร้ เพื่อหล่อเลี้ยงสังคมให้น่าอยู่ มีความสงบสุข ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สู่อนาคตที่ยั่งยืน
บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับความหมายของซะกาตคืออะไร การบริจาคซะกาต มีจุดประสงค์อะไร วิธีบริจาคซะกาตมีกี่รูปแบบ ผู้มีสิทธิ์รับซะกาตหรือผู้จ่ายซะกาตคือคนกลุ่มไหนบ้าง รวมทั้งการคิดคำนวณซะกาต เป็นอย่างไร บริจาคซะกาตเท่าไหร่คำนวณจากอะไร ไปดูพร้อมกันเลย
ซะกาต คืออะไร
การบริจาคซะกาต คือหนึ่งในหลักศรัทธา 5 ประการของศาสนาอิสลามแปลว่า การขัดเกลาให้บริสุทธิ์ สรุปได้ว่าการบริจาคซะกาต หมายถึง บริจาคทานตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งชาวมุสลิมทุกคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักศาสนาบัญญัติ จะต้องบริจาคทานแก่กลุ่มคนมีคุณสมบัติตามศาสนาได้บัญญัติไว้ โดยมีจุดประสงค์ของการบริจาคซะกาต ดังนี้
- ปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม: ซะกาตเป็นหนึ่งในห้าเสาหลักของศาสนาอิสลาม เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนที่มีฐานะร่ำรวยจะต้องบริจาคทานแก่ผู้ยากไร้
- ช่วยเหลือผู้ยากไร้: ซะกาตช่วยบรรเทาความยากลำบากของผู้ยากไร้ ช่วยให้พวกเขามีอาหารและปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
- กระจายความมั่งคั่ง: ซะกาตช่วยกระจายรายได้จากคนรวยไปสู่คนจน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
- ชำระล้างทรัพย์สินให้บริสุทธิ์: ซะกาตเปรียบเสมือนการเสียภาษีทางศาสนา ชำระล้างทรัพย์สินให้บริสุทธิ์จากสิ่งไม่ดี
- สร้างความสามัคคีในสังคม: ซะกาตช่วยสร้างความสามัคคีระหว่างคนรวยและคนจน ช่วยให้สังคมมีความสงบสุข
จุดประสงค์ ความสำคัญของซะกาต ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
การบริจาคซะกาตหรือบริจาคทาน โดยมีจุดประสงค์และความสำคัญของการจ่ายซะกาต ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีดังนี้
ในอดีต ซะกาตมีบทบาทสำคัญในสังคมอิสลามตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม ดังนี้
- ช่วยเหลือผู้ยากไร้: ซะกาตเป็นเครื่องมือหลักในการกระจายรายได้ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนยากจน และผู้ด้อยโอกาส
- ส่งเสริมความสามัคคี: ซะกาตช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามัคคี และความเท่าเทียมในสังคม
- สนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา: ซะกาตถูกนำไปใช้สนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา เช่น สร้างมัสยิด โรงเรียนสอนศาสนา และเผยแผ่ศาสนา
- ไถ่ทาส: ซะกาตถูกนำไปใช้ไถ่ทาส
ในปัจจุบัน ซะกาตยังคงมีบทบาทสำคัญในสังคมอิสลาม ดังนี้
- ช่วยเหลือผู้ยากไร้: ซะกาตยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญใช้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนยากจน และผู้ด้อยโอกาส
- ส่งเสริมความสามัคคี: ซะกาตยังคงช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามัคคี และความเท่าเทียมในสังคม
- สนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา: ซะกาตถูกนำไปใช้สนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา เช่น สร้างมัสยิด โรงเรียนสอนศาสนา และเผยแผ่ศาสนา
- พัฒนาสังคม: ซะกาตถูกนำไปใช้พัฒนาสังคม เช่น การศึกษา สาธารณสุข และการเกษตร
ความสำคัญของซะกาต คือ
- เป็นการปฏิบัติตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม: ซะกาตเป็นหนึ่งในห้าเสาหลักของศาสนาอิสลาม มุสลิมทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วน จำเป็นต้องจ่ายซะกาต
- ขัดเกลาจิตใจผู้จ่ายให้บริสุทธิ์: จ่ายซะกาตเป็นการฝึกฝนให้ผู้มีทรัพย์สิน รู้จักแบ่งปัน และช่วยเหลือผู้อื่น
- ช่วยเหลือผู้ยากไร้ รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส: ซะกาตเป็นเครื่องมือสำคัญลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่เท่าเทียม
- ส่งเสริมความสามัคคีในหมู่มุสลิม: ซะกาตเป็นเครื่องมือสร้างความสามัคคี ความปรองดองในหมู่มุสลิม
สรุป ซะกาตมีบทบาทสำคัญในสังคมอิสลามทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซะกาตช่วยเหลือผู้ยากไร้ ส่งเสริมความสามัคคี สนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา รวมทั้งพัฒนาสังคม
รูปแบบการบริจาคซะกาต
รูปแบบการบริจาคซะกาต ประกอบด้วย 2 รูปแบบ คือ
บริจาคซะกาตฟิฏเราะห์
บริจาคจ่ายซะกาตฟิฏเราะห์ คือทานบังคับที่มุสลิมทุกคนต้องจ่ายในเดือนรอมฎอน เป็นการแบ่งปันทรัพย์สินแก่ผู้ยากไร้หรือคนอนาถา ในเดือนรอมฎอนเพื่อช่วยให้พวกเขามีความสุขในเทศกาลอีดิลฟิฏร์ อันเป็นเดือนถือศีลอด โดยมุ่งหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮ์
รูปแบบการบริจาคซะกาตฟิฏเราะห์ มีดังนี้
- บริจาคซะกาตเป็นอาหารหลักข้าวสาร 3 ลิตร หรืออาหารแห้งอื่น ๆ ที่มีมูลค่าเท่ากัน เช่น แป้ง น้ำตาล เกลือ ถั่ว เนย
- บริจาคซะกาตเป็นเงิน มูลค่าเงินเทียบเท่ากับข้าวสาร 3 ลิตร หรือจ่ายเป็นเงิน (ขึ้นอยู่กับราคาข้าวสารในท้องถิ่น)
สำหรับผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบจ่ายซะกาตแทนสมาชิกในครอบครัวด้วย การจ่ายซะกาตนี้มีความสำคัญถึงขนาดว่าหากใครถือศีลอด แล้วไม่จ่ายซะกาต พระเจ้ายังไม่รับการถือศีลอดของเขา
เวลาการจ่ายซะกาตฟิฏเราะห์ คือ
- เริ่มจ่ายตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินของวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน
- จ่ายได้จนถึงก่อนละหมาดอีดิลฟิฏร์
บริจาคซะกาตมาล
บริจาคซะกาตมาลหรือการจ่ายซะกาตทรัพย์สิน หมายถึงการบริจาคทานตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยคำว่า "มาล" หมายถึง ทรัพย์สิน โดยกำหนดอัตราซะกาตเอาไว้อย่างต่ำ จะต้องบริจาคเป็นเงินจำนวน 2.5% ไปจนถึงร้อยละ 20 ของทรัพย์สินทั้งหมดทุกปีจันทรคติ
รูปแบบการจ่ายซะกาตทรัพย์สิน มีดังนี้
- บริจาคซะกาตเป็นเงินสด
- บริจาคซะกาตผ่านธนาคาร
- บริจาคซะกาตผ่านองค์กรการกุศล
ช่องทางการบริจาคซะกาตมาล
- มัสยิด
- สถาบันการศึกษาอิสลาม
- มูลนิธิอิสลาม
- องค์กรอิสลาม
ผู้ที่ต้องบริจาคซะกาต
บุคคลที่ต้องจ่ายซะกาต จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน ดังนี้
- เป็นมุสลิม เฉพาะมุสลิมเท่านั้นมีหน้าที่จ่ายซะกาต บุคคลไม่ใช่มุสลิมไม่จำเป็นต้องจ่าย
- เป็นมุสลิมที่บรรลุนิติภาวะหมายถึงบุคคลบรรลุนิติภาวะตามหลักศาสนาอิสลาม คือบุคคลเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
- มีสติสัมปชัญญะหมายถึง บุคคลที่ไม่ใช่คนเสียสติ หรืออยู่ในภาวะไม่สามารถตัดสินใจได้ ส่วนบุคคลเสียสติหรือวิกลจริต ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต
- เป็นอิสระ ไม่ใช่ทาส หมายถึงบุคคลไม่ใช่ทาส มีอิสระในตนเอง ส่วนบุคคลเป็นทาสไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต
- ครอบครองทรัพย์สินถึงเกณฑ์ที่กำหนด (นิศอบ) หมายถึงบุคคลมีทรัพย์สิน หรือรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในศาสนาอิสลาม ทรัพย์สินที่ต้องจ่ายซะกาตจะต้องครบจำนวนที่กำหนดไว้ เรียกว่า "นิศอบ"
ประเภทของทรัพย์สินที่ต้องจ่ายซะกาต
- ทองคำและเงิน
- สินค้าเพื่อการค้า
- ปศุสัตว์
- ผลผลิตทางการเกษตร
- แร่ธาตุ
อัตราการจ่ายซะกาต คิดคำนวณซะกาตจะแตกต่างกันไป บริจาคซะกาตเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพย์สิน เช่น
- ทองคำและเงิน : 2.5%
- สินค้าเพื่อการค้า : 2.5%
- ปศุสัตว์ : 2.5% - 10%
- ผลผลิตทางการเกษตร : 10% - 50%
- แร่ธาตุ : 20%
ผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินบริจาคซะกาต
ผู้มีสิทธิ์รับเงินบริจาคซะกาต แบ่งออกได้เป็น 8 ประเภท ดังต่อไปนี้
- คนยากไร้ (ฟากีร) หมายถึงบุคคลไม่มีทรัพย์สินไม่มีรายได้เพียงพอต่อค่าเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นพื้นฐาน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ยา และการศึกษา รับได้ตลอดปี
- คนขัดสน (มิสกีน) หมายถึงบุคคลมีทรัพย์สินหรือรายได้ แต่ไม่เพียงพอต่อค่าเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นพื้นฐาน เช่นเดียวกับคนยากไร้
- เจ้าหน้าที่ซะกาต หมายถึงบุคคลได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เก็บรวบรวม และจัดสรรซะกาต
บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเป็นค่าตอบแทน สำหรับการทำงานของพวกเขา อัตราการจ่ายซะกาต ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน และจำนวนซะกาตที่เก็บรวบรวมได้
- ผู้ถูกดลใจให้เข้ารับอิสลามหมายถึง บุคคลสนใจในศาสนาอิสลาม อาจจะเข้ารับอิสลาม
บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า และการศึกษา การจ่ายซะกาตให้กับบุคคลประเภทนี้ เป็นการสนับสนุนให้พวกเขาเข้ารับอิสลาม
- ผู้ไร้อิสรภาพ (ทาส) หมายถึง บุคคลที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และต้องการไถ่ตัวเองให้เป็นอิสระ
บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเพื่อนำไปใช้จ่ายในการไถ่ตัวเอง การจ่ายซะกาตให้กับบุคคลประเภทนี้ ช่วยให้พวกเขาได้รับอิสรภาพ
- คนมีหนี้สิน หมายถึงบุคคลมีหนี้สิน และไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเพื่อนำไปใช้จ่ายชำระหนี้ หนี้สินที่สามารถนำมาขอรับซะกาตได้ จะต้องเป็นหนี้สินเกิดขึ้นจากเหตุผลจำเป็น ไม่ใช่หนี้สินเกิดขึ้นจากการละเมิดศาสนา
- นักเดินทาง ผู้อยู่ในระหว่างเดินทางหมายถึง บุคคลเดินทางไกล ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาตเพื่อนำไปใช้จ่ายในการเดินทาง ตัวอย่างค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง
- ผู้ประกอบการเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หมายถึงบุคคลอุทิศตนเพื่อกิจกรรมทางศาสนา เช่น การเผยแผ่ศาสนา ศึกษาศาสนา บุคคลประเภทนี้ จะได้รับซะกาต เพื่อนำไปใช้จ่ายสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา ตัวอย่างค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทางไปเผยแผ่ศาสนา ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาศาสนา เป็นต้น
สรุปเกี่ยวกับการบริจาคซะกาต
การบริจาคซะกาตเป็นกิจกรรมสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคม การบริจาคซะกาตจะช่วยเสริมสร้างความผูกพัน ความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งในผู้บริจาคและผู้รับซะกาต และเป็นวิธีที่มีผลต่อการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนในระยะยาว การส่งเสริมสนับสนุนการบริจาคซะกาตอย่างเป็นรูปธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรหรือรัฐบาลควรให้ความสำคัญอย่างมาก
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้