คีเลชั่น การล้างพิษในกระแสเลือด ทางเลือกใหม่ในการรักษา

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (489)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:888
เมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567 23.03 น.

 คีเลชั่น

ในยุคปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับมลภาวะทางอากาศ สิ่งแวดล้อม อาหาร ไปจนถึงน้ำดื่มที่ปนเปื้อน ร่างกายจึงเสี่ยงต่อการสะสมสารพิษโลหะหนักต่าง ๆ เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม รวมถึงสารหนู ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม การทำคีเลชั่น (Chelation) จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการบำบัดที่ช่วยล้างสารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย ฟื้นฟูการทำงานของระบบต่าง ๆ และส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง

 

การทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) คืออะไร?

Chelation Therapy คือ หนึ่งในทางเลือกของการรักษา โดยการใช้สารละลายเคมีจับกับโลหะหนักในร่างกาย เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม สารหนู และอลูมิเนียม ซึ่งโลหะหนักเหล่านี้สามารถสะสมในร่างกายจากสิ่งแวดล้อม อาหาร หรือน้ำดื่มได้ เมื่อโลหะหนักสะสมในร่างกายอาจส่งผลเสียต่อระบบต่าง ๆ เช่น ระบบประสาท ระบบไต ระบบหัวใจ ไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน การทำคีเลชั่นจะช่วยดักจับโลหะหนัก พร้อมขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ

 

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีพิษโลหะหนักสะสมในร่างกาย

 

พิษของโลหะหนักส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายอย่าง เมื่อโลหะหนักสะสมอยู่ในอวัยวะ หรือเนื้อเยื่อต่าง ๆ ส่งผลให้การทำงานของร่างกายผิดปกติ ด้วยการรักษาแบบคีเลชั่นจะช่วยให้อาการกลับมาเป็นปกติ โดยผลกระทบต่อสุขภาพที่พบบ่อย ได้แก่

 

  • ความผิดปกติของสมองและระบบประสาท : โลหะหนักอย่างตะกั่วกับปรอท ส่งผลต่อสมองกับระบบประสาท ทำให้ความจำเสื่อม สับสน จนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
  • ความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด : การสะสมของโลหะหนักอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เป็นต้น
  • ความเสียหายของไต : ไตเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากโลหะหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดปกติของไต รวมถึงโรคไตเรื้อรังได้
  • ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน : โลหะหนักทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย
  • ความผิดปกติกับระบบสืบพันธุ์ : การได้รับโลหะหนักอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้มีบุตรยากหรือทารกมีสุขภาพไม่แข็งแรง

 

สำหรับการแสดงอาการก่อนจะทำคีเลชั่นขึ้นอยู่กับชนิด ปริมาณของโลหะหนัก รวมถึงระยะเวลาที่ได้รับ โดยอาการที่พบทั่วไป ได้แก่ อ่อนเพลียเรื้อรัง ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ปวดหัว ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวลหรือซึมเศร้า ความจำเสื่อม สมาธิสั้น เป็นต้น แต่ถ้าไม่ขับสารพิษออกจากร่างกายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ข้อดีของการทำคีเลชั่นคืออะไร

คีเลชั่นบำบัด

การทำคีเลชั่นคือการใช้สารเคมีเพื่อจับกับโลหะหนักหรือแร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายแล้วขับออกทางปัสสาวะ ข้อดีของการทำคีเลชั่น หรือการล้างสารพิษในร่างกาย มีดังต่อไปนี้

 

  • ขจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย Chelation เป็นรักษาโดยการนำโลหะหนักออกจากร่างกาย เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ไปจนถึงอลูมิเนียม เพราะโลหะหนักเหล่านี้สะสมในร่างกายเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ โรคไต และโรคประสาท
  • ปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิต Chelation Therapy สามารถช่วยการไหลเวียนโลหิตโดยการขจัดคราบไขมันกับโลหะหนักออกจากหลอดเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ปรับปรุงการทำงานของหัวใจ ทั้งยังลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองอีกด้วย
  • ลดอาการปวด Chelation ช่วยลดอาการปวดที่เกิดจากภาวะต่าง ๆ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคเส้นใยกล้ามเนื้อ รวมถึงโรคไฟโบรไมอัลเจีย โดยการลดการอักเสบและปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต
  • เพิ่มพลังงาน เนื่องจากคีเลชั่นช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ทำให้การส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา ลดความเมื่อยล้า
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การทำคีเลชั่นสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยการลดการอักเสบและขับสารพิษออกจากร่างกายสิ่งนี้สามารถช่วยให้ป่วยน้อยลง และฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น
  • สุขภาพผิว คีเลชั่นสามารถช่วยทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น ช่วยลดสิว รอยเหี่ยวย่น และริ้วรอย
  • เพิ่มความจำและการโฟกัส คีเลชั่นบำบัดสามารถเพิ่มความจำและการโฟกัส ช่วยให้มีความคิดได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมีประสิทธิสูงมากขึ้น
  • ลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง คีเลชั่นบำบัดช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะว่าคีเลชั่นลดการอักเสบ พร้อมทั้งขับสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นสาเหตุในการเกิดโรคมะเร็ง

 

อย่างไรก็ตาม การทำคีเลชั่น เพื่อความปลอดภัยควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ต้องได้รับการวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น 

 

แนะนำการเตรียมตัวก่อนคีเลชั่น

เมื่อตัดสินใจทำ Chelation สิ่งต่อไปคือการเตรียมตัวที่ดี เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย ดังนั้น จึงมีการเตรียมตัวก่อนทำคีเลชั่น ดังนี้

 

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการทำคีเลชั่น:
  • ประเมินสภาพร่างกาย แจ้งประวัติ ยา และโรคประจำตัว
  • ตรวจร่างกายและอาจส่งตรวจเลือดเพิ่มเติม

 

  1. ปรับพฤติกรรม:
  • ทานอาหารมีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ไขมันสูง น้ำตาลสูง และแอลกอฮอล์
  • งดสูบบุหรี่

 

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ:
  • นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
  • จัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกาย ทำงานอดิเรก

 

  1. เตรียมความพร้อมทางจิตใจ:
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคีเลชั่นบำบัด
  • ตั้งคำถามและปรึกษาแพทย์ทางด้านคีเลชั่นจนหายสงสัย
  • เตรียมใจให้พร้อมสำหรับกระบวนการบำบัด

 

ขั้นตอนการทำคีเลชั่น

การทำคีเลชั่นจะทำเป็นคอร์ส ๆ โดยแต่ละคอร์สจะทำประมาณ 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง

ความห่างของแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ โดยคีเลชั่นแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ

 

  1. ระหว่างทำ Chelation
  • ผู้ป่วยจะนอนบนเตียง แพทย์จะทำการใส่เข็มเข้าที่หลอดเลือดดำ
  • สารคีเลตจะถูกผสมกับสารละลายน้ำเกลือและวิตามินต่าง ๆ ก่อนฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
  • ปริมาณกับระยะเวลาในการฉีดขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและปริมาณการสะสมโลหะหนัก
  • ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สบายระหว่างทำคีเลชั่น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองหลังการทำคีเลชั่น
  1. หลังดูแลหลังทำ Chelation
  • ผู้ป่วยควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพื่อช่วยขับสารคีเลต และล้างโลหะหนักในร่างกายออก
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์
  • แพทย์นัดติดตามผลการรักษา อาจจำเป็นต้องตรวจเลือดเพิ่มเติม

 

สรุป คีเลชั่นสำคัญอย่างไร

คีเลชั่นเป็นการรักษาทางเลือก ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย การทำคีเลชั่นสามารถช่วยลดอาการของโรคที่เกิดจากพิษโลหะหนัก เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มพลังงาน ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต รวมถึงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ การทำคีเลชั่นควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของผู้รักษา

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา